เมื่อวันที่ 11 ที่ผ่านมาได้มีการจัดงาน Huawei Ascend Mate 7 ให้เหล่าบล็อกเกอร์ได้ลองสัมผัสเครื่องจริงในงาน พร้อมกับจุดเด่นหลายสิ่งตามสไตล์เรือธง
ที่เรียกเสียงฮือฮาได้มากที่สุดคงเป็นเรื่องของเซ็นเซอร์สแกนนิ้วมือที่ใช้วิธีวางทาบองศาไหนก็ได้ ไม่ต่างจากไอโฟน
และที่สำคัญคือมันปลดล็อกได้เร็วมาก เพียงแค่แตะไม่ถึงวินาทีก็เปิดหน้าจอพร้อมใช้งาน
เรียกได้ว่าจบในขั้นตอนเดียวต่างจากมือถือแอนดรอยส่วนใหญ่ที่ต้องทำ 2 ขั้นตอนคือ กดเปิดหน้าจอแล้วตามด้วยการรูดนิ้วให้ได้องศา
ตัวเครื่องสามารถจดจำได้ 5 ลายนิ้วมือ ที่นอกจากจะใช้ปลดล็อกเครื่องแล้ว มันก็ยังผูกเข้ากับระบบ visitor mode ซึ่งจะซ่อนข้อมูล เช่น แอป รูปภาพ รายชื่อรวมถึงประวัติการโทรได้ และยังใช้แทนปุ่มชัตเตอร์สำหรับถ่ายรูปได้อีกด้วย
หน้าจอขนาด 6 นิ้ว แต่ bezel ขอบจอค่อนข้างแคบ ทำให้มีขนาดแทบไม่ต่างจาก Galaxy Note 4 ที่มีหน้าจอขนาด 5.7 นิ้ว
แบตที่อัดมาให้ถึง 4100 mAh ก็มีดีกว่าแค่ความจุ เพราะ Ascend Mate 7 มีระบบ Reverse Charging ที่ทำตัวเสมือนเป็น power bank เพื่อชาร์จแบตให้เครื่องอื่นได้ด้วย แต่มีข้อแม้คือต้องใช้สาย micro usb ของ Huawei เท่านั้น
และที่ทำหล่อได้อีกอย่างก็คือ มันเป็นเรือธงที่รองรับการใช้งาน 2 ซิมด้วยครับพี่น้อง แต่ไม่จบแค่นั้น เพราะว่าถ้าเราไม่อยากใช้ 2 ซิม เราก็สามารถเอา microSD มาเสียบแทนซิมที่ 2 ได้ด้วย …อ๊ากเลย
แต่มีข้อแม้เล็กๆ ก็คือระบบ 2 ซิมที่ว่า จะมีเฉพาะรุ่น Premium ซึ่งมีตัวเครื่องสีทอง ส่วนรุ่นปรกติจะเป็นแบบ 1 ซิมกับ 1 microSD
ส่วนสเป็กก็ประมาณนี้
- ซีพียู Huawei Kirin 925 ( 4+4+1 core )
- จีพียู Mali T628
- แรม 2 GB ในรุ่นปรกติ และ 3 GB สำหรับรุ่น Premium
- พื้นที่ 16 GB ในรุ่นปรกติ และ 32 GB สำหรับรุ่น Premium
- หน้าจอ 6 นิ้ว แบบ IPS ความละเอียด Full HD
- กล้องหลัง 13 ล้าน กล้องหน้า 5 ล้าน
- น้ำหนัก 185 กรัม
- รองรับ LTE, CAT 6
- รุ่นปรกติราคา 16,990 บาท มีสีดำและสีเงิน
- รุ่น Premium ราคา 19,990 บาท สีทองเท่านั้น
ความคิดเห็นของทีมงานล้ำหน้า
ต้องบอกว่า Huawei Ascend Mate 7 เป็นรุ่นที่น่าจับตามองรุ่นหนึ่ง เพราะมีจุดเด่นหลายอย่าง นอกจากเรื่องของสแกนนิ้วมือที่ทำได้น่าประทับใจแล้ว ก็ยังมีเรื่องของ 2 ซิม ที่เรียกว่ายังไม่เห็นเรือธงค่ายไหนในไทยที่รองรับการทำงานแบบ 2 ซิมเลย
เรื่องของซีพียู 8 core ที่ Huawei ผลิตเองก็ทำได้ดีกว่าในสมัยก่อนอย่างเห็นได้ชัด สามารถทำงานได้พร้อมกันทั้ง 8 core
หลังจากทดสอบลง Antutu ก็ได้คะแนนอยู่ที่ประมาณ 43,275 และจากการทดสอบเล่นเกมอย่าง Asphalt 8, Wild Blood ก็ลื่นไหลดี รวมถึงการใช้งานกับแอปทั่วไปก็ยังไม่เจอปัญหาใดๆ และถ้าจะดูกันจริงๆ มันมี 9 core ซึ่ง core ที่ 9 จะทำงานที่ความเร็ว 230 MHz ส่วนแบตก็อึดสมกับความจุ 4100 mAh
ส่วนรีวิว รอติดตามชมได้ครับ