นี่แค่เริ่มต้น Xiaomi ส่ง Mi Note เป็นเรือรบลำแรกของปี

Xiaomi หรือ Mi บริษัทจีนที่โด่งดังด้วยรอม MIUI จนหันมาผลิตมือถือขายเองโดยเน้นสเป็กสูง ราคาต่ำ ลูกเล่นเยอะและยังมีรอมสำหรับนักพัฒนาที่ปล่อยอัพเดตทุกวันศุกร์จนทำให้ใครหลายคนติดใจ ล่าสุดได้เปิดตัวมือถือตระกูลใหม่คือ Mi Note

121[1]

สเป็ก Xiaomi Mi Note

  • ซีพียู Snapdragon Snapdragon 801 2.5 GHz
  • จีพียู Adreno 330
  • แรม 3 GB
  • หน้าจอ Sharp ขนาด 5.7 นิ้ว Full HD 1920×1080 ใช้กระจก Gorilla 3
  • รองรับ 4G ทั้ง 2 ซิม แสตนด์บายได้พร้อมกัน ใช้ไมโครซิมและนาโนซิม
  • หน่วยความจำภายใน 16/64 GB
  • กล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ใช้เซ็นเซอร์ของโซนี่ รูรับแสง f/2.0 พร้อมระบบกันสั่น OIS และแฟลชคู่
  • กล้องหน้า 4 ล้านพิกเซล แบบ Ultra pixel
  • ระบบเสียง Hi-Fi 24-bit/192KHz รองรับการเล่นเพลงไฟล์แบบ lossless
  • แบตเตอรี่ 3000mAh รองรับ Quick Charge 2.0
  • ตัวเครื่องหนัก 161 กรัมและบาง 6.95 มม.

นอกจากนี้ยังมี Mi Note Pro ซึ่งความต่างที่เด่นชัดก็คือซีพียู แรม และความละเอียดหน้าจอ

สเป็ก Xiaomi Mi Note Pro

  • CPU Snapdragon 810 Octa-core 64-Bit 2.0 GHz
  • GPU Adreno 430
  • แรม 4GB
  • หน้าจอ Sharp ขนาด 5.7 นิ้ว 2K 2560×1440 ใช้กระจก Gorilla 3
  • หน่วยความจำภายใน 64 GB
  • แบตเตอรี่ 3090mAh รองรับ Quick Charge 2.0

สำหรับราคามีดังนี้

  1. Mi Note หน่วยความจำ 16 GB ราคา 2299 หยวน หรือประมาณ 12,000 บาท
  2. Mi Note หน่วยความจำ 64 GB ราคา 2799 หยวน หรือประมาณ 15,000 บาท
  3. Mi Note Pro หน่วยความจำ 64 GB ราคา 3299 หยวน หรือประมาณ 17,200 บาท

นอกจากสเป็กที่จัดเต็มก็ยังมีรายละเอียดปลีกย่อยที่น่าสนใจอีก เช่น

10570292_827433953958866_4081983171301209598_n1[1]

แรม 4 GB แบบ LPDDR4 บน Mi Note Pro ที่เป็นการรวมจุดเด่นของ ASUS ZenFone 2 ที่มีแรม 4 GB และ LG G Flex 2 ที่ใช้แรมแบบ LPDDR4 ที่เร็วกว่า LPDDR3 50% และใช้พลังงานน้อยกว่า 40% ซึ่ง Mi Note Pro เป็นรุ่นแรกที่ควบรวมจุดเด่นทั้งสองอย่างเข้าด้วยกัน

Mi Note Pro รองรับ LTE Cat 9 ซึ่งเป็นผลพลอยได้จากการเลือกใช้ซีพียู Snapdragon 810 ทำให้ได้ Cat 9 ที่ใหม่ที่สุด และสามารถดาวโหลดได้สูงสุดที่ 450 Mbps ในขณะที่มือถือทั่วไปยังคงใช้ Cat 4 และ Cat 6

10351684_827430570625871_165992062414748431_n1[1]

ระบบเสียงขับเคลื่อนด้วย ESS ES9018K2M 32-bit Stereo audio DAC ทำให้สามารถขับไฟล์เสียง 192 kHz/24 bit และรองรับไฟล์ lossless ได้แก่ FLAC/APE/WAV/DSD

10176175_827428237292771_3953929960236076479_n1[1]

เป็นมือถือรุ่นแรกที่มีระบบกรองแสงสีฟ้าบนหน้าจอ ช่วยให้มองสบายตามากขึ้น

10384353_827424230626505_169725605185175247_n1[1]

ใช้กระจก Gorilla Glass 3 แบบโค้ง โดยเลือกใช้แบบ 2.5D ด้านหน้าและใช้แบบ 3D ด้านหลัง

10622930_827432497292345_3779995795330132421_n1[1]

รองรับทั้งไมโครและนาโนซิม แบบ stand by 4G ทั้งสองซิม

10891571_827429727292622_2463405493376048925_n1[1]

กล้องหน้าเป็นแบบ UltraPixel ที่มีเซ็นเซอร์ขนาดใหญ่ถึง 2 ไมครอนพิกเซล ส่วนกล้องหลังมีระบบกันสั่น OIS และแฟลชคู่

ตัวอย่างภาพถ่ายจาก Mi Note

Xiaomi-Mi-Note-camera-samples (4) Xiaomi-Mi-Note-camera-samples (3) Xiaomi-Mi-Note-camera-samples (2) Xiaomi-Mi-Note-camera-samples (1) Xiaomi-Mi-Note-camera-samples Xiaomi-Mi-Note-camera-samples (5)

 

ความเห็นจากทีมงานล้ำหน้า

ความน่าสนใจก็คือ Mi Note เสมือนการเปิดไลน์สินค้าใหม่ เพราะแต่เดิมจะแบ่งเป็น Mi สำหรับเรือธง และ RedMi สำหรับตลาดล่าง ทำให้เป็นไปได้ว่า Xiaomi กำลังจะมีเรือธงมากกว่า 1 รุ่น ดังนั้นหลายคนก็เริ่มคาดหวังกับ Mi 5 ว่าจะมีดีแค่ไหน

แม้ว่าในไทยยังไม่มีการเข้ามาเปิดตลาดอย่างจริงจัง แต่ก็มี  Fansite อย่างเป็นทางการที่จับมือร่วมกับทาง Xiaomi มาประมาณ 1 ปี ซึ่งมีการจัดมิตติ้งไปแล้ว 3 ครั้งและมีของรางวัลจาก Xiaomi มาสนับสนุนเป็นระยะ ถ้าหากสนใจก็สามารถเข้าไปติดตามกันได้ที่ www.miui.in.th

ที่มา: miui.in.th , phonearena

อดีตโปรแกรมเมอร์ที่ออกมาเรียนรู้โลกกว้าง อยากช่วยเหลือผู้คน ทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย บอกเล่าในสิ่งที่ตัวเองรู้ และอยากเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้สังคมน่าอยู่