มหกรรมวู่วามด้านโทรศัพท์มือถืองานแรกประจำปี 2015 ก็เริ่มต้นขึ้นแล้วนะครับ ผมเชื่อว่าหลายๆคนน่าจะเอางบโบนัสจากปีที่แล้วมาใช้ในงานนี้ค่อนข้างมากด้วยกัน เพราะว่าปีนี้ก็มีโทรศัพท์มือถือที่น่าสนใจมากมายหลายรุ่นไม่ใช่น้อย แต่ซื้อมือถือใหม่มาแล้ว คุณควรจะทำอะไรต่อ ลองอ่าน Guideline นี้ดูนะครับ
ตรวจสอบเครื่องว่าทำงานได้ไม่มีปัญหา
ต้องบอกว่า หลายๆคนกำเงินหมื่นไปซื้อมือถือเครื่องใหม่ บางคนก็ตื่นเต้น บางคนเห็นว่ามีคนมาต่อคิวซื้อเยอะแยะเลยโดนกดดัน ไม่ยอมทดสอบเครื่อง ซึ่งเรื่องนี้มันก็แอบเสียวว่าถ้าเกิดเครื่องที่คุณได้ไปมันมีปัญหานิดๆหน่อย คุณก็คงจะเซ็งน่าดู โดยทั่วไป พนักงานขายเค้าก็จะทดสอบให้คุณอยู่แล้วล่ะครับ แต่ผมขอบอกเทคนิคในการเช็คมือถือง่ายๆหน่อยละกันครับ
- Body .. ดูรอบเครื่องว่าไม่มีความเสียหาย แตกหัก บิ่น สีลอก คราบ หรืออะไรที่แหม่งๆบนตัวเครื่อง
- หน้าจอ .. ตรวจสอบ Dead Pixel และ Bright Pixel บนหน้าจอ ว่าไม่มีจุดไหนสีเพี้ยนหรือทำงานไม่ตรง
- กล้อง เปิดกล้อง ถ่ายรูป ถ่ายวีดีโอ อย่าลืมลอกเอาพลาสติกที่ปิดเลนส์ก่อนทดสอบด้วยล่ะครับ แล้วก็ทดสอบทั้งกล้องหน้า กล้องหลังด้วย
- ลำโพง เปิดเพลง เปิดริงโทนทดสอบดูว่าลำโพงเสียงดังถูกต้อง
- Battery .. ตรวจสอบดูว่า แบทใหม่ ไม่บวมหรือเสียหาย
5 อย่างนี้ เช็คเร็วๆ ประมาณ 5 – 10 นาทีก็เสร็จแล้วครับ
ขนาดของ SIM Card ในเครื่องเก่าสามารถใส่เครื่องใหม่ได้หรือเปล่า
จริงๆแล้ว เป็นเรื่องธรรมดา แต่เชื่อไหมครับว่าเป็นเรื่องที่หลายๆคนมองข้ามไป ส่วนใหญ่เมื่อเราซื้อมือถือเครื่องใหม่จากในงาน คุณก็จะกลับมาโยกย้ายข้อมูลที่บ้าน พอเปิดเครื่องมาแล้วปรากฏว่า SIM Card เก่าของเรายัดเครื่องใหม่ไม่ได้ ก็ต้องเสียเวลาไปเปลี่ยนที่ผู้ให้บริการอีก
ตอนนี้ Smartphone รุ่นใหม่ๆ เป็น MicroSIM กันเกือบหมดแล้ว จะมีมือถือไไม่กี่รุ่นเท่านั้นที่เปลี่ยนเป็น Nano SIM เช่น iPhone 5 ขึ้นไป , HTC One , Nokia Lumia icon , Samsung Galaxy Alpha , Oppo N3 , Sony Xperia Z3 ..
ดังนั้น สำรวจให้ดีว่า มือถือที่คุณซื้อมาใช้งาน SIM อะไร จากนั้นก็เดินเข้าไปหา Operator ค่ายมือถือที่คุณใช้อยู่ในงาน Thailand Mobile Expo เพื่อเปลี่ยนซะให้เรียบร้อยในงานไปเลยครับ
ติดกระจกกันรอย หรือ ฟืล์ม พร้อมกันหาซื้อเคสกันซะให้เรียบร้อย
ข้อนี้ผมว่า คงไม่ค่อยพลาดกันซักเท่าไหร่ แต่ก็ขอทักไว้กันลืมซักหน่อย ปัจจุบัน ถึงแม้ว่าผู้ผลิต Smartphone จะใช้กระจกหน้าจอเป็นที่ Gorilla Glass ของบริษัท Corning เพื่อลดรอยขูดขีด แรงกระแทก แต่คนไทยเราก็ยังอดไม่ได้ต้องไปใส่ฟิล์มกันรอยอยู่ดี ซึ่งในปีนี้ ผมว่าคนเปลี่ยนจากฟิล์มกันรอยมาเป็นกระจกกันกระแทกมากขึ้น ด้วยความที่อยากจะป้องกันไม่ให้หน้าจอแตกเวลาทำเครื่องหล่น โดยเฉพาะ Smartphone ที่ราคา 2 หมื่นกว่าบาทขึ้นไป ค่าเปลี่ยนหน้าจอแพงหูดับตับไหม้มากๆ
อย่างไรก็ตาม กระจกกันรอย ก็มีข้อจำกัดในการป้องกันและการติดตั้งเหมือนกันนะครับ
- ตัวมันเองทำหน้าที่รับแรงกระแทกจากด้านหน้า และ มันไม่ได้ป้องกันได้ 100% มันมีโอกาสที่หล่นบางมุมแล้วหน้าจอหลักก็เสียหายอยู่ดี
- มันไม่ได้มีทำไว้เพื่อ Smartphone ทุกรุ่น .. พวกรุ่นใหม่ๆที่เปิดตัวในงานนี้สดๆ หรือ เปิดตัวได้ไม่นาน มีความเป็นไปได้ว่า จะยังไม่มีกระจกรุ่นนั้นๆออกมา
- กระจกกันรอยของ iPhone6 และ 6+ จะค่อนข้างเรื่องเยอะ เพราะหน้าจอของ iPhone 6 มันขอบโค้ง ทำให้ กระจกไม่สามารถป้องกันทั้งหน้าจอได้ ตอนหลังๆ ก็มีคนทำกระจกที่สามารถคุ้มกันทั้งหน้าจอได้ แต่ก็จะใส่เคสบางแบบไม่ได้เพราะเคสจะไปดันเอากระจกให้หลุดออกมา
- กระจกกันรอย เมื่อก่อนแพงมาก อันนึงเกือบๆ พันบาท เดี๋ยวนี้ราคาถูกกว่าเดิม ราคาประมาณ 300-500 ก็มีแล้วนะครับ
การซื้อเคสก็เป็นอีกเรื่องที่คุณควรทำ ข้อดีคือ ถ้าคุณซื้อ iPhone หรือ Smartphone ยอดนิยมอย่าง Galaxy Note คุณจะมีเคสให้เลือกเยอะมหาศาล จนเลือกไม่ถูกเลย แต่ถ้าคุณซื้อมือถือรุ่นที่ยังไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าไหร่ ทางเลือกก็อาจจะน้อยมากหรือไม่มีเลย อย่างไรก็ตาม Smartphone ราคาประหยัดจากแบรนด์น้องใหม่ส่วนใหญ่จะมีเคสมาให้แล้ว ก็ถือว่า พอป้องกันได้
หลักในการเลือกเคสของผมสำหรับ iPhone ของผม มีดังต่อไปนี้ ใครจะลองนำไปใช้ก็พอได้นะครับ
- ราคาไม่เกิน 700 การใช้ iPhone มันน่าเบื่อเพราะมันปรับแต่งอะไรไม่ได้มาก ความสุขอย่างเดียวก็คือ เคสนี่แหละ และเพราะผมเปลี่ยนเคสค่อนข้างบ่อยดังนั้นเคสที่ผมเลือก มันจะไม่ค่อยแพงครับ
- ใส่เคสแล้วเครื่องไม่ควรจะหนาไป อุตส่าห์ซื้อ Smartphone แพงๆ ที่มันบางๆแล้วจะซื้อเคสหนาๆมาใส่ เพื่อ
- หลีกเลี่ยงการใช้เคสโลหะ .. เพราะว่าโลหะจะมีปัญหาต่อสัญญาณมือถือและ Wireless LAN นะครับ เคสโลหะบางตัวออกแบบมาไม่ดี บล๊อคสัญญาณมือถือเรียบ
- เมื่อใส่เคสแล้วจะต้องเสียบสายชาร์จได้ง่ายๆ เพราะผมเคยเจอเคสที่มีรูปิด ช่องหูฟังกับสายชาร์จมาให้เพื่อความปลอดภัย แต่เวลาใช้โคตรลำบาก ต้องมานั่งถอดหัวนี่ทุกรูป
ย้ายข้อมูลจากเครื่องเก่า มาเครื่องใหม่
การย้ายข้อมูลจากเครื่องเก่ามาเครื่องใหม่อาจจะเป็นปัญหาน่าปวดหัวโคตรๆ สำหรับมือใหม่ เพราะทำไม่เป็น ไม่รู้ว่าจะย้ายเบอร์ยังไง .. App จะไปไหม .. LINE จะหายไหม … Password WIFI ที่เก็บไว้ล่ะ โอ๊ย ข้อมูลอย่างเยอะ ซึ่งผมขอแนะนำโปรแกรมง่ายๆ ที่จะช่วยให้คุณ Backup Android จากเครื่องนึง ไปเกิดใหม่อีกเครื่องนึงโดยที่ข้อมูลไม่หายครับ
Helium สามารถที่จะ Backup ทุกอย่างในเครื่องคุณลงไปใน SD Card หรือลงเครื่อง PC ก็ได้ ซึ่งเมื่อเสร็จแล้ว ก็แค่นำเอาข้อมูลที่คุณ Backup ไว้ ไป Restore ด้วย Helium ที่เครื่องใหม่เท่านั้นเองครับ การย้ายจาก Android ไปยัง Android ค่อนข้างที่เป็นเรื่องง่าย ไม่ซับซ้อน
แต่ไอ้ความยากจะมาเยือนเมื่อคุณจะย้ายข้าม Platform เช่น ย้ายจาก Android ไป iPhone หรือ iPhone ข้ามมา Android นี่แหละครับ
สำหรับคนที่ใช้ Android แล้วซื้อ iPhone ใหม่ในงาน Thailand Mobile Expo มา ลองทำตาม Guideline นี้ของ Apple นะครับ
http://support.apple.com/en-us/HT201196 <– Link นี้จะสอนการย้ายทีละอย่างจาก Android มาสู่ iPhone ให้ ถึงแม้จะไม่ค่อยง่าย แต่ก็ยังพอทำได้
http://www.digitaltrends.com/mobile/how-to-switch-from-iphone-to-android/ <– ส่วน Link นี้จะสอนเรื่องของการย้ายจาก iPhone ไปยัง Android นะครับ
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าข้อมูลจะย้ายกลับไป-กลับมา ระหว่าง iPhone กับ Android ได้ แต่ App ต้องซื้อใหม่นะครับ เหอๆๆๆ…
Accessories ที่ควรมีหลังจากซื้อมือถือเครื่องใหม่
หลายๆคนที่ซื้อมือถือเสร็จแล้ว บางคนรู้สึกไม่ถึงใจ อยากจะช็อปต่อ ผมก็ขอแนะนำ Gadget ต่อไปนี้ที่จะทำให้คุณหายคันนะครับ
หูฟังเพลงดีๆซักตัว .. เดี๋ยวนี้ ชิปเสียงในมือถือคุณภาพดีขึ้นมาก บางตัวนี่ให้เสียงโคตรดี เสียอย่างเดียว หูฟังแถมที่มากับเครื่องโคตรห่วย ลองเจียดเงินซัก 2,000 บาท เพื่อลงทุนกับหูฟัง in-ear ดีๆซักตัวแล้วชีวิตการฟังเพลงของคุณจะมีความสุขมากขึ้น ถ้างบน้อย ผมแนะนำ Ultimate Ear UE200VI ราคาไม่ถึงพัน แต่เสียงคุ้มราคาครับ เดินไปบูธของ Logitech ได้เลย
Bluetooth Speaker .. ลำโพงไร้สายกลายเป็นของที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเพราะสามารถทำให้ห้องเล็กๆ มีเพลงฟังได้ง่ายๆ ยิ่งเดี๋ยวนี้ลำโพง Bluetooth สามารถใช้คุยโทรศัพท์ได้ด้วย ยิ่งเท่ใหญ่ ใครอยู่คอนโดก็หาซื้อลำโพง Bluetooth กลับบ้านไปด้วย ทำให้ห้องดูหรูขึ้นมาอีกเยอะ ผมเคยรีวิว Creative Airwave ไว้ตัวนึง ทุกวันนี้ยังแนะนำให้หลายๆคนได้ทดลองใช้ครับ
Micro SD Card แบบความเร็วสูง … เนื่องด้วยหลายคน ชอบซื้อ Smartphone จอใหญ่ๆมาดูหนังฟังเพลง ก็ก็อปหนังของคุณลงไปในเครื่อง บางทีพื้นที่ไม่พอ ก็ไปซื้อ Micro SDCard ถูกๆมาใส่ คุณรู้หรือไหมว่า เครื่องแรงๆ เหล่านั้นโดนหน่วงให้ช้า ก็เพราะ SD Card ความเร็วต่ำๆนี่แหละครับ ถ้าอยากเสียบ SD Card แล้วดูหนังฟังเพลงลื่นๆ ผมแนะนำให้ลงทุนกับ การ์ดที่ความเร็วระดับ Class 10 รองรับการดูวีดีโอแบบ 4K ไปเลยรับรองไม่ผิดหวัง
จอยสติ๊กไร้สาย … การเล่นเกมบน Android มันสนุก เพราะว่ามันสามารถเชื่อมต่อกับจอยสติ๊กไร้สาย แปลงร่างมือถือเราให้กลายเป็นเครื่องเกม Console ได้นี่แหละครับ ราคาก็ไม่แพง ประมาณพันนิดๆ ก็ทำให้คุณอยู่กับมือถืออย่างมีความสุขได้ทั้งวันแล้ว
เอาล่ะครับ Guide ง่ายๆ สำหรับคนที่ซื้อ มือถือจากงาน Thailand Mobile Expo แล้วจะได้ใช้อย่างมีความสุขก็ประมาณนี้แหละครับ ขอให้ทุกท่านมีความสุขกับมือถือเครื่องใหม่นะคร้าบ