ภาคล่าสุดของเกมแข่งรถสุดซิ่งจากค่าย EA อย่าง Need for Speed No Limit ที่ได้ประกาศออกตัวไว้ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมาว่า ภาคนี้จะถูกออกแบบและพัฒนาสำหรับการเล่นบนสมาร์ทโฟนโดยเฉพาะ และหลังจากที่เกมออกมาและเราได้ลองเล่นไปได้สักพัก ก็รู้สึกได้เลยจริงๆ ว่ารูปแบบการเล่นของเกมนั้นเปลี่ยนไปแบบชนิดที่ต้องอุทานออกมาเลยว่า “เฮ้ย!! นี่มันเกมขับรถแน่เหรอฟะ!!”
Graphic
Need for Speed No Limit ได้ทีม Firemonkys ที่พัฒนาเกมขับรถบนมือถือที่ขึ้นชื่อเรื่องกราฟฟิคที่สมจริงอย่าง Real Racing 3 มาดูแล สำหรับเกมนี้ต้องยอมรับเรื่องของกราฟฟิกเลยว่าทำออกมาได้ค่อนข้างดีเลย และตัวเกมยังทำการ optimize ภาพให้เหมาะกับอุปกรณ์ที่เล่นให้เรียบร้อย ถ้าคุณใช้สมาร์ทโฟนระดับเรือธง CPU แรงๆ, RAM เยอะ, GPU โอเค ภาพในเกมก็จะจัดเต็มไม่ว่าจะเป็นเรื่องของแสงเงา, หยาดเม็ดฝน, แสงไฟ Light trail ในเวลาที่ยิงไนตรัส ฯลฯ
แต่ถ้าเครื่องที่เล่นสเปคต่ำลงมา ระบบก็จะปิดรายละเอียดต่างๆ ในภาพออกไปเพื่อรักษาความลื่นไหลในการบังคับเอาไว้ ถ้าเครื่องคุณแรงไม่พอ ภาพในเกมตอนที่ขับรถ จะเห็นเหลี่ยมของโพลีก้อนมากขึ้น แสงเงาน้อยจนเกือบจะไม่มี เอฟเฟ็คต่างๆ หายไป แล้วที่สำคัญการปรับตรงนี้เราเลือกระดับเองไม่ได้ นั่นคือถ้าเครื่องสเปคต่ำก็ต้องทำใจเรื่องภาพกันหน่อยตามสังขารกันไป
Control
เอาล่ะ มาดูส่วนที่ทำให้ผมต้องอุทานกัน ตามปกติแล้วเกมขับรถบนมือถือ การคอนโทรลรถจะเป็นแบบเอียงเครื่องเพื่อเลี้ยวเหมือนจับพวงมาลัย มีปุ่มคันเร่ง, เบรก, เบรคมือ, ปล่อยไนตรัส แต่ใน Need for Speed No Limit ทุกสิ่งที่เคยมีมาในเกมขับรถบนมือถือหายไปหมดสิ้น มีแต่สิ่งเหล่านี้คือ
- แตะหน้าจอเพื่อเลี้ยว พวงมาลัยเกมนี้คือเมื่อแต่ที่ด้านข้างจอก็จะเป็นการเลี้ยวไปทางนั้น
- ไม่มีคันเร่ง! ใช่แล้วครับ เกมนี้เวลาขับไม่มีคันเร่ง คือรถมันจะเหยียบคันเร่งเองตลอดเวลา
- ไม่มีเบรค! นอกจากรถจะวิ่งเพิ่มความเร็วตลอดเวลาแล้ว มันยังไม่มีเบรคเพื่อชลอความเร็วอีกด้วย มีเพียงแต่การใช้เบรคมือ (ปาดหน้าจอจากบนลงล่าง) เพื่อให้รถเสียหลักแล้วหักพวงมาลัยเพื่อดริฟเข้าโค้ง
- สะสมเกจเพื่อยิงไนตรัส อันนี้ตามปกติของเกมขับรถกึ่งแอคชั่นที่จะมีถังไนตรัสเอาไว้เร่งความเร็วแบบพุ่งพรวด (ปาดหน้าจอจากล่างขึ้นบน) ความเร็วในการฟื้นฟูก็แล้วแต่ประสิทธิภาพของรถ และระหว่างที่วิ่งถ้าขับดูดท้ายคู่แข่ง หรือขึ้นแร็มกระโดดก็จะเร่งเกจให้เต็มได้เร็วขึ้น ที่สำคัญตอนที่เข้าโค้งแล้วดริฟอยู่ยังยิงไนตรัสได้ด้วย
เรียกได้ว่าการขับแทบจะไม่ต้องใช้ทักษะอะไรมาก จนบางอารมณ์รู้สึกว่ามันเกือบจะเป็นเกม casual เลยด้วยซ้ำไป แถมความง่ายนั้นยังมีถึงขั้นมีระบบ Easy Drive ในสนามที่เราเคยเล่นผ่านไปแล้วและเข้าไปเล่นซ้ำ จะมีให้เลือกได้ ทีนี้เกมจะเลี้ยวให้ด้วย เราเหลือแค่สั่งให้มันยิงไนตรัสเวลาที่เกจเต็มเท่านั้น
Mode
ตัวเกมถึงจะบังคับง่าย แต่ก็มีโหมดให้เล่นอยู่ค่อนข้างหลากหลาย เราสามารถปลดล็อคเพิ่มเมื่อสามารถอัพเลเวล โดยโหมดทั้งหมดจะถูกปลดออกเมื่อถึงเลเวล 15 ที่ใช้เวลาเล่นแบบจริงๆ จังๆ ไม่เกิน 2-3 วันก็มาถึงได้แล้ว (การอัพเลเวลจะเล่นผ่านในโหมดของ Underground และ Car Series)
- Underground โหมดเนื้อเรื่องของเกมที่ถูกแบ่งเป็น Chapter ให้เราเล่นเป็น Mission แตกต่างกันไปไม่ว่าจะเป็นวิ่งแข่งให้ถึงเส้นชัยเป็นที่ 1, ขับไล่คู่แข่งที่นำอยู่ให้ทันก่อนหมดเวลา, โหมดวิ่งด้วยการเร่งไนตรัสตลอดเส้นทาง, วิ่งหลบด่านตำรวจ ฯลฯ ส่วนการแข่งแต่ละ Mission ระยะทางจะสั้นไม่ได้ยาวมาก เรียกได้ว่าใช้เวลาเฉลี่ยประมาณไม่เกิน 1 นาทีต่อ Mission เลยล่ะ ส่วนการเข้าเล่นแต่ละครั้งก็ต้องใช้ fuel เพื่อเข้าแข่ง ถ้าหมดก็ต้องรอเวลาให้ฟื้นหรือจ่ายเงินเพื่อ restore
- Car Series จะเป็นสนามแข่งแบ่งตามยี่ห้อรถที่เรามีอยู่ ซึ่งจะเข้าเล่นได้ก็ต้องมีรถใหม่ในหมวดนั้นๆ มาครอบครองไว้ก่อน
- Garage โรงรถที่จะเก็บรถทุกคันที่เราสามารถปลดล็อคได้ด้วยการสะสมพิมพ์เขียวตามที่กำหนด หลังจากนั้นเวลาที่ได้ชิ้นส่วนอะไหล่อะไรมาก็สามารถมาจูนอัพกันได้ที่นี่
- Loading Dock เมนูแจกชิ้นส่วนฟรีเป็นรอบเวลาที่มีทั้งแบบ Classic และ Premium ถ้าใจร้อนก็เอาทองซื้อได้
- Black Market ตลาดมืดที่จะมีทั้งอะไหล่รถและพิมพ์เขียวมาขายแบบ Random เวียนเปลี่ยนตามเวลา การซื้อมีทั้งแบบใช้เงินและใช้ทองซื้อ
- Store เอาเงินจริงมาซื้อทองมาไว้ใช้ในเกม มีอันที่ดูยั่วใจสุดๆ ก็แบบ Monthly Gold Card ($2.99) ที่จะมีทองส่งให้เรา 50 แท่งทุกวัน
- Special Events จะเป็นเนื้อเรื่องพิเศษที่จะมีให้เล่นเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ชิงของที่เป็นลิมิตเต็ด
- Mod Shop สำหรับแต่งรถโดยเฉพาะ ไม่เกี่ยวกับตัวเครื่อง มีให้เลือกทั้งทำสีและเปลี่ยนโครงภายนอกของรถ โดยที่จะใช้ Visual Point ในการแลกซื้อ (แต้มนี้จะได้จากการขับซ้ำใน Underground สนามที่เคยผ่านมาแล้ว)
- Tournament ขับรถแข่งกับผู้เล่นอื่นๆ ทั่วโลก แต่จะเป็นลักษณะแข่งกับ Profile ของรถและ PR (Promote Rank) ใน 1 วันแข่งได้ 5 รอบ ชนะก็จะได้ค่าประสบการณ์ในการเลือนอันดับในลีก มีรางวัลเป็นแต้มถ้วยรางวัล ซึ่งใช้แลกซื้อชิ้นส่วนพิเศษในนี้ได้
- Car Showroom สำหรับเลือกดูโมเดล 3D สวยๆ ของรถทุกคันในเกม
Feature
เอกลักษณ์เด่นของเกมตระกูลนี้ก็คือการแต่งรถ (Mod Shop) และรถใน Need for Speed No Limit ก็มีให้เล่นอยู่เยอะพอสมควร สำหรับการแต่งรถนั้นจะจ่ายด้วย Visual Point ที่ได้มาจากการขับรถในโหมด Underground ซ้ำให้ชนะแล้วสุ่มได้รางวัลตอนชนะมา รถแต่ละคันมีอะไหล่ให้เปลี่ยนเยอะพอสมควร รวมถึงรถที่มีในเกมนี้ก็เป็นบรรดาตัวจี๊ดรถแรง ที่มีตั้งแต่รถตลาดอย่าง Ford Fiesta, Toyota 86, BMW M5, Mazda RX-7, Mercedes-AMG GT ไล่ไปยันระดับ Super Car อย่าง Ferrari 458 Italia หรือ Lumboghini Aventador กันเลย
แต่ข้อเสียอย่างหนึ่งก็คือ เจ้า Visual Point นี่ได้ยากเหลือเกิน เพราะต้องไปขับซ้ำสนามเดิม แถมต้องเลือกจับฉลากลุ้นว่าจะได้หรือไม่
Overall
การที่เสื่ยงคิดระบบการเล่นแบบใหม่แล้วเอามาใช้กับซีรี่ย์ Need for Speed ถือว่าเป็นการวัดดวงอยู่ไม่น้อย เพราะถ้าผู้เล่นเป็นสาย Casual คิดว่าน่าจะชอบเพราะมันบังคับได้ง่ายมาก แต่สำหรับทางสายฮาร์ดคอร์นี่จับเล่นได้แป๊บเดียวมีอันต้องส่ายหัวกดสั่ง uninstall เกมทิ้งกันเป็นแถว
Need for Speed No Limit ตัวเกมถึงจะมี In-app purchase แต่ถ้าขยันๆ เล่นก็ไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินซื้อก็ได้ และด้วยเกมถูกปรับให้เป็นแบบมือถือสมัยนิยม การขับแข่งกับเพื่อนแบบ Multi-player จึงไม่มี ความสนุกของเกมเลยจะไปอยู่ตรงที่สะสมเงินและของมาปลดล็อครถใหม่ และเอาไปแต่งรถสวยๆ แรงๆ มากกว่า เพราะการขับนั้นใช้ทักษะน้อยกว่าแทบจะทุกเกมขับรถที่เคยเล่นมาเลยก็ว่าได้
อ้อ…มีอีกอย่างคือ ตัวเกมไฟล์ขนาดใหญ่มากโหลดทีเดียว 700 กว่า MB ไม่มีมาโหลดซ้อนในแอพอีกที ดังนั้นเตรียมใจเคลียร์พื้นที่ในมือถือเอาไว้ให้เยอะๆ ก่อนโหลดได้เลย
สเปคเครื่องขั้นต่ำสุดที่สามารถเล่น Need for Speed No Limit ได้
Android 4.0.3 (Ice Cream Sandwich – MR1)
1.2 GHz CPU
1 GB RAM
ความละเอียดหน้าจอ : 800 x 600
หน่วยประมวลผลกราฟฟิค : Tegra 3 หรือ Adreno 302 หรือ PVR SGX 543/545 GPU หรือ Mali-400
iPhone 4s (iOS 6.1)