ช่วงนี้ต้องบอกเลยว่าในตลาดสมาร์ทโฟนเมืองไทย มีแบรนด์หน้าใหม่เข้ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่อง แถมแต่ละรายก็มาพร้อมกับรุ่นที่สเปคแจ่มๆ ในราคาที่ไม่สูงมากนัก และนี่ก็เป็นอีกแบรนด์ที่พึ่งเข้ามาในบ้านเรานั่นคือ Infinix
สำหรับชื่อแบรนด์นี้ต้นกำเนิดมาจากฮ่องกง ที่ก่อนหน้านี้มีทำตลาดไปแล้วในโซนฝั่งยุโรป, แอฟริกา, ตะวันออกกลาง และในบางประเทศในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ และนี่ก็ถึงเวลาที่จะเข้ามาในตลาดของประเทศไทย โดยได้ส่งสมาร์ทโฟนรุ่นแรกมาให้ชาวไทยได้สัมผัสนั่นก็คือ Infinix Hot Note X551 ที่โดดเด่นในเรื่องของแบตเตอรี่ความจุสูงถึง 4,000 mAh รวมถึงยังสามารถชาร์จไฟได้เร็วกว่าสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นถึง 3 เท่า
สเปคของ Infinix Hot Note X551
- ขนาดเครื่อง 156 x 77.88 มม. หนา 8.9 มม.
- น้ำหนัก 172 กรัม
- ชิปเซท: Mediatek MT6592 Octa-core 1.4 GHz
- หน่วยประมวลผลกราฟฟิค : Mali-450 MP
- หน้าจอแบบ IPS ขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด HD 720 x 1280
- ระบบปฎิบัติการ Android 5.1 Lollipop ครอบด้วย X UI
- หน่วยความจำภายใน 16 GB รองรับ microSD สูงสุด 32 GB
- RAM 2 GB
- กล้องด้านหลังความละเอียด 8.3 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลชแบบ LED
- กล้องด้านหน้าความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
- GPS/ A-GPS
- Wi-Fi, Bluetooth 4.0
- รองรับ 2 ซิมการ์ดแบบ micro sim (3G ความถี่ 900 / 2100 MHz)
- แบตเตอรี่แบบลิเทียม-โพลีเมอร์ ความจุ 4,000 mAh
Open Box
แกะกล่องของ Infinix Hot Note X551 จะประกอบด้วยตัวเครื่อง, อแดปเตอร์สำหรับชาร์จ, สาย microUSB, หูฟัง และคู่มือสำหรับการใช้งานเบื้องต้น
Hand on
ตัวเครื่องของ Infinix Hot Note X551 วัสดุจะเป็นพลาสติกทั้งหมด สำหรับตัวเครื่องที่ได้มาทดสอบนั้นเป็นรุ่นฝาหลังสีทอง วัสดุและงานประกอบทำออกมาค่อนข้างเรียบร้อยและดูดี ฝาหลังมีลวดลายพื้นผิวแบบ brushed metal ช่วยทำให้เครื่องดูสวยขึ้นกว่าเป็นพลาสติกเรียบๆ
ด้านหลังที่มุมจะเป็นเลนส์กล้องความละเอียด 8.3 ล้านพิกเซลพร้อมแฟลชแบบ LED บริเวณเลนส์จะมีขอบนูนขึ้นมากั้นช่วยให้กระจกเลนส์ไม่ถูกขูดขีดกระแทกได้ง่าย ส่วนด้านล่างจะเป็นช่องของลำโพง
ตัวเครื่องด้านหน้าเป็นกระจกสีขาว มีปุ่มเมนูแบบสัมผัสอยู่ด้านล่างจอ 3 ปุ่ม (Recent apps, Home, Back) ส่วนด้านบนจะเป็นช่องลำโพงสนทนา, เซนเซอร์ และกล้องด้านหน้าความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
ด้านล่างตัวเครื่องจะมีช่องไมโครโฟนสำหรับสนทนาและพอร์ต microUSB ด้านบนตัวเครื่องมีช่องเสียบหูฟังขนาดมาตรฐาน 3.5 มิลลิเมตร
ส่วนด้านข้างเครื่องทางซ้ายจะเรียบๆ ไม่มีปุ่มอะไร ส่วนทางด้านขวาจะมีปุ่ม Power และปุ่มปรับระดับ เพิ่ม-ลดเสียง
ฝาหลังสามารถแกะออกได้ จะมีช่องสำหรับใส่ซิมแบบ micro sim ได้ 2 ช่อง และช่องใส่ microSD รองรับความจุได้สูงสุด 32 GB ส่วนแบตเตอรี่ความจุ 4,000 mAh นั้นจะติดกับตัวเครื่องไม่สามารถแกะออกได้
OS + User Interface
เปิดเครื่องมา ตัวระบบปฎิบัติการของ Infinix Hot Note X551 ที่ได้มาทดสอบนี้จะเป็น Android 5.1 Lollipop (แต่ที่กล่องเขียนเอาไว้ 4.4.2) ซึ่งครอบทับด้วย X UI ของทาง Infinix อีกที โดยพื้นฐานของหน้าตาทั้งหน้า Home, Lock Screen, App Drawer รวมไปถึง Notification Bar ก็จะมีหน้าตาคล้ายกับ Android เวอร์ชั่นมาตรฐาน
- แอพสามารถดาวน์โหลดได้จาก Google Play Store ได้รวมนอกจากนี้ยังมีตัว Palmplay สำหรับดาวน์โหลดเกมและแอพได้ด้วยเช่นกัน
- หน้าตาการใช้งานสามารถปรับเปลี่ยนได้ โดยมี Theme ให้เลือกหลายแบบและสามารถดาวน์โหลดวอลเปเปอร์เพิ่มได้
- สามารถเลือกเปลี่ยนฟอนต์ตัวหนังสือในระบบได้ทั้งที่มีติดตั้งในเครื่องและดาวน์โหลดเพิ่มได้
- ปุ่ม Recent Apps เมื่อกดจะเป็นการเลือกดูแอพที่เปิดค้างไว้รูปแบบเหมือนกับ Android Lollipop ปกติ จะมีเพิ่มตรงแจ้งว่าตอนนี้มีเปิดค้างอยู่ทั้งหมดกี่แอพ, กินทรัพยากรของ RAM อยู่ขนาดไหน และเมื่อกดปิดแอพไปจะได้ RAM คืนมาเท่าไร
- นอกจากนี้สำหรับที่หน้าจอตอนที่ปิดอยู่ สามารถแตะที่หน้าจอ 2 ทีเพื่อปลุกหน้าจอให้เปิดขึ้นได้ และที่หน้า Home กดแตะหน้าจอ 2 ทีก็จะสั่งให้ปิดหน้าจอได้โดยไม่ต้องไปกดปุ่ม Power
Performance
ทดสอบด้านประสิทธิภาพการใช้งานของเครื่องกันบ้าง ใช้ AnTuTu ในการทดสอบได้คะแนนรวม 30,220 ถือว่าอยู่ในระดับที่ไม่ธรรมดาเลยสำหรับมือถือระดับราคาไม่ถึง 5,000 บาท
ต่อมาทดสอบการทำงานของ CPU ด้วย Geekbench ได้คะแนน Single-core ที่ 370 และ Multi-core ที่สูงถึง 2113 ปิดท้ายการทดสอบด้วย Quadrant คะแนนได้อยู่ที่ 16,096
ลองทดสอบกับเกมกราฟฟิคหนักๆ อย่าง Need For Speed No Limit แล้วก็ยังสามารถได้อย่างลื่นไหล และภาพกราฟฟิคอยู่ในระดับที่ดี และไม่มีการกระตุกให้เห็น
Camera
สำหรับกล้องด้านหลังของ Infinix Hot Note X551 จะอยู่ที่ 8.3 ล้านพิกเซล ถ่ายภาพได้ขนาดสูงสุด 3840 x 2160 (อัตราส่วน 16:9) หรือ 3264 x 2448 (อัตราส่วน 4:3) ในการถ่ายภาพนิ่งมีฟีเจอร์ให้เลือกปรับแบบออโต้ได้หลายอย่าง ตั้งแต่เปิด-ปิดเสียงชัตเตอร์, แตะเพื่อล็อคโฟกัสที่วัตถุ, ตรวจจับรอยยิ้ม, ใช้การชู 2 นิ้วเพื่อสั่งถ่ายภาพ ฯลฯ
โหมดสำหรับการถ่ายภาพมีให้เลือกทั้งแบบ Auto, ถ่ายภาพย้อนแสงแบบ HDR, โหมด Beauty หน้าสวย, ถ่ายภาพพาโนรามา ส่วนการถ่ายวิดีโอกล้องหลังรองรับความละเอียดได้สูงสุด Full HD 1080p ส่วนกล้องหน้าได้ที่ HD 720p
ตัวอย่างภาพถ่ายด้วยกล้องหลัง 8.3 ล้านพิกเซล
จากเท่าที่ลองกล้องแล้วในการถ่ายกลางแจ้งถือว่าทำงานได้ดี แต่ถ้าถ่ายในร่มหรือแสงน้อยจะจับโฟกัสค่อนข้างยากรวมถึงมี noise พอสมควร
Feature
มาดูในส่วนฟีเจอร์ที่ Infinix Hot Note X551 ภูมิใจนำเสนอก็คือแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 4,000 mAh สามารถ Stand by ได้ 2 วัน, สนทนาได้ 21 ชั่วโมง, เล่นวิดีโอได้ต่อเนื่อง 8 ชั่วโมง, เล่นเพลงได้ 40 ชั่วโมง, เล่นอินเทอร์เนตได้นาน 6.3 ชั่วโมง
ในโหมด Setting ของแบตเตอรี่จะมีให้เลือกโหมดการประหยัดแบตเตอรี่ที่จะปรับระบบเครื่องให้ทำงานน้อยลงเพื่อช่วยยืดระยะเวลาการใช้งานให้ได้นานมากขึ้น และโหมดพลังงานต่ำพิเศษ ที่จะปิดระบบการเชื่อมต่อ เหลือให้ใช้ได้แค่โทรศัพท์รับสายโทรออก, รับส่ง message, บันทึกข้อความ, เครื่องคิดเลข, เครื่องบันทึกเสียง และนาฬิกาปลุก เพื่อให้เครื่องสามารถ stand by ได้นานเพิ่มขึ้น
และยังมีเทคโนโลยีชาร์จเร็ว X Charge Super Fast ที่รองรับกระแสไฟเข้าได้สูงสุดถึง 3A ที่ชูจุดเด่นตรงที่สามารถชาร์จไฟได้ไวกว่าสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นในท้องตลาดถึง 3 เท่า โดยใช้เวลาเพียงแค่ 20 นาทีก็สามารถใช้งานต่อไปได้ถึง 7 ชั่วโมง
เราได้ลองทดสอบชาร์จไฟ Infenix Hot Note X551 ด้วยอุปกรณ์ชาร์จมาตรฐานในชุด จะเห็นว่ามีสัญลักษณ์ Flash Charging ขึ้นมา เราเริ่มต้นที่แบตเตอรี่ในตัวเครื่องเหลือ 52% ทำการชาร์จเป็นเวลา 20 นาที ปรากฏว่าแบตเตอรี่เพิ่มขึ้นมาเป็น 74% ถือว่าเร็วกว่าการชาร์จของมือถือรุ่นอื่นๆ มาก เพราะอย่าลืมว่าความจุแบตเตอรี่มันใหญ่กว่าที่ 4,000 mAh ด้วย
จุดเด่น
- สเปคเครื่องทั้งขนาดหน้าจอ, CPU แบบ Octa-core, RAM 2GB เทียบกับราคาแล้วถือว่าเป็นสเปคที่ค่อนข้างคุ้มมากๆ เล่นเกมได้ลื่นไหลไม่มีสะดุด
- กล้องหลังความละเอียด 8.3 ล้านพิกเซล มีฟีเจอร์การถ่ายภาพพื้นฐานค่อนข้างครบถ้วน
- หน้าจอ ความละเอียด HD ขนาด 5.5 นิ้วแบบ IPS ที่มีมุมมองชัด สีไม่เพี้ยน
- แบตเตอรี่ 4,000 mAh ใช้ต่อเนื่องได้นาน
- X Charge ที่ชาร์จได้เร็วจริงๆ
จุดด้อย
- ถ่ายภาพใช้ Beauty mode ไม่สามารถเลือกระดับความหน้าเนียนได้
- รองรับ 3G เฉพาะคลื่น 900 / 2100 ของ AIS เพียงเครือข่ายเดียว
- CPU ยังเป็น 32-bit
- เครื่องน้ำหนัก 172 กรัมและหนา 8.9 มิลลิเมตรถือว่าค่อนข้างมากพอสมควร
Infenix Hot Note X551 เริ่มวางจำหน่ายแล้วผ่านทาง Lazada Thailand ในราคา 4,190 บาท