สงครามของ browser ในยุคหลังแทบจะผูกขาดอยู่ไม่กี่เจ้า ส่วนใหญ่ที่เห็นก็ใช้ chrome, firefox และ safari ซึ่งทั้ง 3 มีจุดเด่นหลักๆ คือเรื่อง add-on และการ sync แต่ chrome ได้เปรียบเพราะถูกผลักดันด้วย android ส่วน safari ก็ได้เปรียบเพราะมากับ OSX และ iOS ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่จะมี browser หน้าใหม่เกิดขึ้นมาได้ แต่เมื่อสัปดาห์ก่อนก็เกิดเรื่องตื่นตัวในวงการอีกครั้งเมื่อ Brave browser ออกสู่สายตาชาวโลก
สิ่งแรกที่ทำให้ Brave น่าสนใจก็คือมันถูกสร้างด้วยอดีต CEO Mozilla ซึ่งเป็นบริษัทผู้ให้กำเนิด firefox และ thunderbird อันเลื่องชื่อ จุดขายที่ถูกหยิบมาโม้บน Brave ก็คือความเร็วและการบล็อกโฆษณาตั้งแต่แรกเริ่ม
สถานะของ Brave ตอนนี้อยู่ในช่วงทดสอบ นั่นหมายความว่าไม่สามารถหาโหลดได้ทั่วไป แต่ต้องเข้าเว็บ www.brave.com และรีเควสขอเป็นผู้ทดสอบ
ในการรีเควสก็จะมีให้กรอกว่าเราใช้ระบบปฏิบัติการอะไรบ้าง ซึ่งผมก็เลือกทั้งหมดคือ Windows, OSX, iOS, Android และเมื่อเวลาผ่านไปราวสัปดาห์ ผมก็ได้รับเมลว่าได้สิทธิ์ทดสอบเวอร์ชั่น OSX
ตัวแอพมีขนาดราว 358 MB เมื่อทดสอบใช้งานบน MacBook ก็เปิดใช้งานได้เร็วมาก แต่มันก็ทำให้ผมอึ้งอยู่พักนึงเพราะแอพมันโล้นมากๆ นึกว่ายังโหลดไม่เสร็จ
เมนูต่างๆ ก็ไม่ได้ต่างอะไรจาก browser ทั่วไปนัก แต่สิ่งที่ทำให้ผมสะดุดตาคือ New Partitioned Session ซึ่งผมเข้าใจว่ามันเป็นการแยก Session ของแต่ละหน้าเพื่อให้ sign in หลายๆ id ได้บน browser เดียว และเมื่อทดสอบก็ได้ผลเช่นนั้นจริงๆ ผมสามารถใช้งานเมล outlook ได้มากกว่า 1 id ต่างจาก browser ทั่วไปที่ต้องให้เรา logout ออกเพื่อจะเข้าสู่ระบบด้วย id อีกอัน
ส่วน New Private Tab ก็เป็นการพรางตัวเหมือนกับ browser อื่นๆ ซึ่งโหมดนี้จะไม่เก็บข้อมูลใดๆ ทั้งสิ้น เวลาที่ผมจำเป็นต้องไปเล่นเครื่องคนอื่นก็มักจะเปิดใช้ Private Mode ทุกครั้ง เพราะอย่างน้อยมันก็ไม่จำรหัสผ่านของเรา ( ปรกติแล้ว browser จะจำรหัสที่เรากรอกนะจ๊ะ เจ้าของเครื่องสามารถดูได้ ถ้าไม่ใช้ Private Mode )
เมนูถัดมาก็มีหัวข้อสำหรับนักพัฒนาอย่าง Developer Tools และ Browser Console เหมือนกับ browser อื่น แต่ส่วนที่ต่างและเป็นจุดเด่นของ Brave ก็คือเมนูที่ชื่อ Bravery ที่เน้นเรื่องการบล็อกโฆษณาและรักษาความเป็นส่วนตัว
ผมได้ทดสอบใช้งานหลายๆ เว็บ พบว่ามันโหลดเว็บได้เร็วมากๆ ซึ่งในช่อง address bar สำหรับพิมพ์ชื่อเว็บก็จะมีบอกระยะเวลาที่ใช้โหลดเว็บ และส่วนใหญ่ก็ใช้เวลาไม่เกิน 4 วินาที แต่การบล็อกโฆษณารวมถึงป้องกันการติดตามอย่างพวก Tracking ก็จะทำให้การแสดงผลผิดเพี้ยนไปบ้าง ที่เห็นชัดๆ ก็คือพวกปุ่มแชร์หรือพวก Facebook Like Box ไม่แสดงผล หรือนับจำนวนครั้งที่แชร์ไม่ถูกต้อง
ผมลองปิด Block Tracking และผลที่ได้ก็คือกล่อง Facebook และการแชร์ต่างๆ กลับมาแสดงผลได้ถูกต้อง ส่วนการบล็อกโฆษณาก็ขึ้นอยู่กับเทคนิคการเขียนเว็บด้วย อย่างในกรณีนี้ หน้าเว็บ bacidea.com ยังคงแสดงผลโฆษณาแบนเนอร์ครบถ้วน แต่สำหรับ techoffside.com ก็มีบางส่วนหายไป
บนหน้าเว็บของ Brave ได้อธิบายที่มาของความเร็วด้วยรูปภาพอย่างง่ายก็คือ browser ทั่วไปต้องใช้เวลาในการประมวลผลโค๊ดสำหรับโฆษณาและพวก Tracking แต่สำหรับ Brave ที่ตัดส่วนนี้ออกไป จึงทำให้โหลดเว็บได้เร็วกว่าเดิมมาก
หลังจากได้ทดลองใช้ Brave สักพักก็ทำให้ผมนึกถึงการมาของ Opera เมื่อหลายปีก่อน ที่ชูจุดเด่นเรื่องความเร็วและตอนนั้น Opera ก็เร็วมากๆ ซะด้วย แต่ช่วงหลังก็ไม่มีจุดขายมากพอที่จะเบียดคู่แข่งได้ และที่ผมสนใจก็คือทิศทางของ Brave ในอนาคต เพราะตอนนี้ออกตัวชัดว่าเน้นความเร็วและบล็อกโฆษณา ซึ่งก็ทำได้ดีมากๆ
แต่อย่าลืมว่าหลายคนติด browser ตัวอื่นๆ ก็เพราะพวก add-on แต่ถ้า Brave คิดจะเปิดกว้างให้ติดตั้ง add-on ได้ แล้วมันจะทำให้เสียจุดเด่นเรื่องความเร็วรึเปล่า? …นี่คือสิ่งที่ผมสนใจ