รีวิว Meizu MX5 สมาร์ทโฟนทางเลือกลูกเล่นดี มีครบทุกฟังค์ชั่น

แบรนด์สมาร์ทโฟนจากประเทศจีนอย่าง Meizu ถือว่าเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยได้สักพัก ด้วยการเปิดตัวรุ่นแรก M2 Note ที่ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนราคาไม่สูงมากแต่ให้ประสบการณ์ในการใช้งานได้น่าประทับ ต่อมาได้เปิดตัวอีก 2 รุ่นคือ M2 ที่เน้นราคาประหยัดและ MX5 ตัวนี้ ที่ต้องบอกว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่ให้ความรู้สึกในการใช้งานได้เกินกว่าที่คาดมาก

ทำไมถึงเรียกว่า “สมาร์ทโฟนทางเลือก”

ถ้ามองในปี 2015 ที่ผ่านมา กับตลาดสมาร์ทโฟนในไทย สิ่งที่ดูจะน่าสนใจไม่น้อยคือมีบรรดาสมาร์ทโฟนจากผู้ผลิตรายใหม่เข้ามาทำตลาดในบ้านเราเป็นจำนวนมาก ที่ไม่ได้เป็นแบรนด์ใหญ่ที่ทำตลาดทั่วโลก แต่เป็นผู้ผลิตที่มีสมาร์ทโฟนผลิตออกมาไม่กี่รุ่นและขายในไม่กี่ประเทศ แต่กลุ่มที่ดูน่าสนใจที่สุดเห็นจะเป็นแบรนด์ผู้ผลิตจากประเทศจีน ที่มีเข้ามาในไทยหลายเจ้ามาในปีที่ผ่านมา และ Meizu เองก็เช่นกัน เป็นแบรนด์จากฝั่งจีนที่ทำสมาร์ทโฟนออกมาได้น่าสนใจ ทั้งเรื่องของดีไซน์, งานการประกอบที่ปราณีต, ฟังค์ชั่นการใช้งานที่มีครบถ้วน และที่สำคัญเรื่องของราคานั้นอยู่ในระดับที่คุ้มเกินค่าตัวอยู่พอไม่น้อย

Meizu MX5

In The Box

กล่องของ MX5 จะมาเป็นสีขาวเรียบๆ ด้านในจะมีตัวเครื่อง Meizu MX5 นอนอยู่ในกล่องกระดาษอีกชั้น, ซองคู่มือการใช้งานเบื้องต้นที่มีเข็มกดถาดซิมมาให้, สายชาร์จและเชื่อมต่อข้อมูลแบบ micro USB และอแดปเตอร์สำหรับชาร์จไฟแบบ 2.0 A และไม่ต้องตกใจ ในแพคเกจไม่มีตัวหูฟังสมอล์ทอล์คมาให้นะ

Hand On

Meizu MX5 วัสดุตัวเครื่องเป็นแบบโลหะ ขอบเครื่องตัดขอบสวยงาม งานประกอบถือว่าปราณีตดีมาก ตัวเครื่องหน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด Full HD ส่วนกระจกด้านหน้าเป็น Gorilla Glass 3 จอเป็นแบบ AMOLED ที่ให้สีสวยสด

mx5-front

ด้านบนของจอเป็นช่องสนทนา, เซนเซอร์แสง และกล้องด้านหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล

mx5-mtouch

ด้านล่างของจอจะมีปุ่ม mTouch 2 ที่เป็นอีกเอกลักษณ์ของ Meizu ซึ่งปุ่มนี้รวมทุกการควบคุมเอาไว้ที่ปุ่มเดียว โดยจะเป็นตัวสแกนลายนิ้วมือแบบแตะแล้วสแกน ที่ต้องบอกว่าทำงานได้รวดเร็วมาก จากการทดสอบในการปลดล็อคเครื่องสามารถทำได้เร็วแบบไม่ถึงวินาที

คราวนี้ในการใช้งานถ้าเราแตะที่ปุ่ม mTouch 2 ก็จะเป็นคำสั่ง Back ถ้ากดลงไปหนักๆ ก็จะเป็นการกด Home เพื่อออกจากแอพไปที่หน้า Home Screen สำหรับคำสั่ง Recent app เลือกเปลี่ยนแอพที่เปิดค้างเอาไว้ จะไม่ได้กดที่ปุ่มนี้ แต่จะเป็นปาดด้านนอกของจอจากด้านล่างขึ้นด้านบน จากที่ลองใช้ก็รู้สึกชอบมาก เป็นการเปลี่ยนรูปแบบการสั่งงานบน Android ผ่านปุ่มๆ เดียวได้อย่าลงตัว

มาดูที่ด้านข้างของเครื่องกันบ้าง ด้วยตัวเครื่องที่ออกแบบเป็นลักษณะวัสดุชิ้นเดียว ด้านข้างเป็นทรงโค้งมนรับกับอุ้งมือ ด้านขวาจะมีปุ่ม Power และปรับเสียง + – ส่วนด้านซ้ายจะเป็นช่องสำหรับใช้เข็มกดถาดซิมออกมา ซึ่ง Meizu MX5 จะรองรับ 2 ซิมแบบ Nano Sim รองรับ 4G (ไม่มีช่องสำหรับใส่ microSD เพิ่มนะครับ น่าเสียดายมาก)

ด้านล่างของตัวเครื่อง Meizu MX5 จะเป็นช่องไมค์สนทนา, พอร์ต micro USB และช่องลำโพง ส่วนที่ด้านบนเครื่องจะเป็นช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. และช่องไมค์สำหรับตัดเสียงรบกวน

mx5-back

ด้านหลังของเครื่องโชว์ความเป็นโลหะที่สวยงาม มีโลโก้ Meizu อยู่ด้านล่าง ส่วนตรงกลางด้านบนจะเป็นเลนส์กล้องที่นูนออกมาจากตัวเครื่อง ความละเอียดสูงถึง 20 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลช LED และยังมีระบบ Laser auto-focus ที่ช่วยทำให้เวลาถ่ายภาพสามารถจับโฟกัสได้อย่างรวดเร็ว

สวัสดี เราคือ “Flyme OS”

สำหรับสมาร์ทโฟนของ Meizu แล้วจะมีการปรับแต่ง Android 5.1 เป็นแบบของตัวเองที่เรียกว่า Flyme OS สำหรับใน Meizu MX5 ใครที่ใช้หลังจากที่ Setup เข้ามาเรียบร้อยแล้ว แนะนำให้ทำการอัพเกรด Flyme OS เป็นอันดับแรกเลย วิธีการอย่างง่ายคือทำการต่อ Wi-Fi แล้วเข้าแอพ Upgrade ก็จะทำการเช็คเวอร์ชั่นแล้วทำการโหลดเวอร์ชั่นล่าสุดมาติดตั้ง ไฟล์ขนาดค่อนข้างใหญ่ แนะนำให้ต่อสายชาร์จแบตเอาไว้ด้วย สำหรับวิธีการอัพเดตแบบละเอียดสามารถอ่านได้ที่ meizuthailand

mx5-flyme-os

สำหรับเครื่อง Meizu MX5 ที่ทดสอบผมจัดการอัพเกรดเป็นตัวใหม่ล่าสุด 5.1.2.0G ที่เปลี่ยนหน้าตาเมนูเล็กน้อย และมีเพิ่มฟีเจอร์การใช้งานมาหลายอย่าง หลังจากที่อัพเกรดเสร็จแล้ว สิ่งที่แนะนำให้ทำเป็นอย่างต่อไปคือ ไปตั้งค่าคีย์บอร์ดภาษาไทย เพราะถึงแม้ตัว Flyme OS จะมีภาษาไทยให้เลือก แต่คีย์บอร์ดของระบบเองไม่มีภาษาไทยมาให้นะ แต่เมื่อหลังจากที่อัพเกรดแล้วจะมีคีย์บอร์ดของ Touchpal ติดตั้งเพิ่มขึ้นมา ก็ให้ไปตั้งค่าภาษาไทยใน Touchpal หรือถ้าไม่ถนัดก็ให้เข้า Google Play ไปโหลดแอพคีย์บอร์ดอื่นๆ มาติดตั้งเองก็ได้

หน้า Home จะมีได้สูงสุดทั้งหมดคือ 9 หน้า (หน้าละ 4 x 5 แถว) โดยที่จะไม่มี App drawer แยก นั่นคือทุกแอพที่โหลดมาก็จะกองอยู่ที่หน้าโฮมนี่ล่ะ ถ้าใครรู้สึกว่ามันรกมากก็จัดการลากมารวมเก็บเป็นโฟลเดอร์เอาก็ได้

App & Feature

  • Gallery เราสามารถเลือกดูรูปภาพภายในเครื่องได้ 2 แบบคือ Photo ที่แสดงตาม Timeline วันเวลาที่ถ่าย (ย่อขยาย thumbnail ภาพได้ด้วยการ pinch เหมือนในแอพ Photos ของ Google) และแบบ Gallery ที่เลือกจัดเก็บเป็นโฟลเดอร์ได้ นอกจากนี้ยังมี Photo Editor ภายในตัวที่ให้แต่งปรับสี, คร็อปภาพ, วาดขีดเขียน, ทำเบลอภาพ ฯลฯ ได้สารพัด
  • Painter คือแอพวาดรูปแต่งรูปที่มีลูกเล่นค่อนข้างเยอะ เลือกหัวปากกาได้หลายแบบ, เลือกวาดเป็นสีหรือลายแพทเทิร์น และตัดภาพเป็นชิ้นลากเปลี่ยนตำแหน่ง ฯลฯ
  • Memo – แอพสำหรับจดบันทึกที่มี Template สวยๆ ให้เลือก 4 แบบ นอกจากพิมพ์ข้อความเพื่อบันทึกแล้ว ยังเลือกแทรกตัว List, ภาพ, บันทึกเสียง หรือวาดภาพ Paรnter แทรกเอาไว้ได้
  • Recorder – สำหรับใช้บันทึกเสียงพูด มีฟีเจอร์ที่น่าสนใจอย่างการกด Bookmark ระหว่างการบันทึกเสียงได้ เหมือนกับเป็นการปักหมุดช่วงของการบันทึกเสียงที่ต้องการเน้นเอาไว้เลือกฟังย้อนหลังได้สะดวกยิ่งขึ้น เหมาะเอาไว้เวลาใช้อัดเลคเชอร์หรือสัมภาษณ์
  • Browser – ตัวเว็บบราวเซอร์ที่ติดมาให้กับเครื่อง ถือว่ามีฟีเจอร์ติดมาเยอะเกินคาด มีเลือกเปิด No Image Mode เพื่อไม่โหลดภาพระหว่างที่ท่องเว็บเพื่อประหยัดค่าเนต, Night mode ปรับหน้าเว็บให้กลายเป็นโทนสีมืด
  • File Explorer –  แอพจัดการไฟล์ต่างๆ ภายในเครื่อง แยกหมวดหมู่การเข้าถึงไฟล์ตามแต่ละประเภท หรือจะ browse หาเองก็ได้
  • Security – รวม Utility สำหรับจัดการไฟล์และระบบเครื่องไว้ในแอพเดียว ถือว่าสะดวกดีไม่ต้องไปโหลดแอพจากที่อื่นมาเพิ่ม จัดการได้ทั้งลบไฟล์ขยะ, เร่ง RAM, ตั้งค่าควบคุมปริมาณการใช้ Data ผ่านเครือข่าย, บล็อคเบอร์โทร-SMS, จัดการ Permissions แอพต่างๆ ที่อยู่ในเครื่อง, เลือกโหมดสำหรับประหยัดพลังงานยืดอายุการใช้แบตเตอรี่, และเช็คไวรัสให้ได้ด้วย
  • Gesture wakeup – คำสั่งบนหน้าจอเวลาที่ปิดอยู่ อาทิแตะ 2 ครั้งเพื่อปลุกหน้าจอ, ลากจากล่างขึ้นบนเพื่อปลดล็อค, ลากเป็นตัวอักษรเพื่อเปิดแอพที่เลือก แต่ถ้าเลือกเปิดฟีเจอร์นี้จะมีผลกับแบตเตอรี่ที่จะหมดเร็วขึ้นด้วยนะ
  • Fingerprint Scan – ระบบสแกนลายนิ้วมือเพื่อปลดล็อคเครื่อง ตัวสแกนอยู่ที่ปุ่ม mTouch ด้านหน้าใหญ่พอดีนิ้ว สามารถบันทึกได้ทั้งหมด 5 ลายนิ้วมือ

Performance

สเปคของตัว Meizu MX5 ต้องบอกว่างัดกับสมาร์ทโฟนเรือธงหลายๆ รุ่นได้สูสีเลยทีเดียว โดยใช้ชิปเซ็ต MediaTek Helio X10 Turbo (ARM® Cortex®-A53™ 2.2 GHz octa-core) ชิปประมวลผล PowerVR G6200 ใส่แรมมาให้ 3GB ส่วนหน่วยความจำในเครื่องรุ่นที่เข้าไทยจะเป็น 32GB

คะแนนทดสอบด้วย Antutu ทำไปได้ 55296 ส่วน Geekbench ได้คะแนน Single-core ไป 936 และ Multi-core ที่ 4413 เรียกได้ว่ากับสมาร์ทโฟนราคาหมื่นต้นๆ ได้ขนาดนี้ถือว่าโอเคเลย การใช้งานทั่วไปเครื่องไม่มีอาการหน่วงระหว่างการเปิดปิดหรือเปลี่ยนแอพ เล่นเกมกราฟฟิคสูงๆ ได้อยู่ แต่มีเรื่องความร้อนอยู่บ้างเมื่อใช้งานหนักๆ

ด้านความบันเทิงดูภาพยนตร์รองรับไฟล์ MP4, 3GP, MOV, MKV, AVI, FLV, MPEG ส่วนไฟล์เสียงนั้นรองรับถึงระดับไฟล์ FLAC ที่ให้คุณภาพเสียงระดับสูง

Camera

กล้องของ Meizu MX5 ถือเป็นอีกจุดเด่นที่น่าสนใจ เพราะกล้องหลังนั้นมีความละเอียดสูงถึง 20.7 ล้านพิกเซล f/2.2 ส่วนกล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล f/2.0

กล้องหลังตัวโหมดการถ่ายภาพมีให้เลือกหลากหลาย ทั้งการถ่ายแบบ Auto ที่โฟกัสได้รวดเร็ว, Manaul ที่เลือกปรับค่าการถ่ายภาพได้อิสระ เราสามารถถ่ายภาพพวก Light Trail หรือไฟกลางคืนได้, โหมดบิวตี้ปรับสีผิว เนียนเรียบ ตาโต แก้มตอบมีครบ, ถ่ายพาโนราม่า, Light Field ถ่ายภาพแล้วเลือกปรับโฟกัสทีหลังได้, ถ่ายภาพระยะใกล้ Marco และถ่ายภาพ GIF เคลื่อนไหวได้ 5 วินาที

ส่วนกล้องหน้าเรื่องความละเอียดสำหรับการถ่ายเซลฟี่นั้น 5 ล้านถือว่าเหลือเฟืออยู่แล้ว ตัวซอฟท์แวร์ถ่ายภาพมีฟีเจอร์โหมด Auto, Manual, Beauty และ GIF

การถ่ายวิดีโอสำหรับกล้องหลังสามารถเลือกความละเอียดได้สูงสุดถึงระดับ 4K ส่วนกล้องหน้าได้เต็มที่ 1080p และรองรับการถ่ายวิดีโอแบบ Slow-motion ได้ด้วย

โดยรวมแล้วสำหรับการใช้งานถ่ายภาพถือว่าน่าพอใจ เปิดใช้งานกล้องได้รวดเร็ว ฟีเจอร์การถ่ายภาพมีเพียงพอสำหรับการถ่ายภาพแทบจะทุกรูปแบบ สำหรับกล้องหลังถึงแม้ว่าจะถ่ายได้ถึง 20.7 ล้านพิกเซลแต่ชอบที่จะปรับลงมาใช้แค่ 12 ล้านเพราะว่าขนาดไฟล์ยิ่งละเอียดสูงยิ่งใหญ่ (ภาพ 20 ล้านไฟล์ต่อภาพอยู่ที่ 7-8 MB เลย)

สรุป

ก่อนหน้านี้เคยได้ทดสอบ Meizu M2 Note ไปก็ยังรู้สึกประทับใจอยู่ในเรื่องฟีเจอร์การใช้งาน ประสิทธิภาพ กับตัวเครื่องที่ราคาไม่สูงมาก มาถึงตัว Meizu M5 ก็เรียกได้ว่าไม่ทำให้ผิดหวัง เครื่องที่งานประกอบดีวัสดุดูพรีเมี่ยม ปุ่ม mTouch2 ที่สแกนลายนิ้วมือได้รวดเร็ว, Flyme OS ที่เรียบง่าย ไม่ยุ่งเหยิง และทาง Meizu เองก็ยังพัฒนา Flyme OS อย่างต่อเนื่อง คิดว่าน่าจะฝากความหวังกับรอมตัวใหม่ๆ ในอนาคตได้อีกหลายเวอร์ชั่น

ราคาค่าตัวของ Meizu MX5 อยู่ที่ 10,990 บาท ขายในประเทศไทยผ่านทาง Lazada.co.th ที่กดสั่งออนไลน์ปั๊บไม่กี่วันก็มาส่งให้ถึงประตูหน้าบ้าน  ราคาเทียบกับสเปคแล้ว เทียบกับสมาร์ทโฟนยี่ห้ออื่นที่ราคาเกือบๆ 20,000 บาทได้สบายๆ

จุดเด่น

  • หน้าจอ AMOLED สีสดคมชัด
  • เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือทำงานได้เร็ว
  • Flyme OS ให้ประสบการณ์การใช้งานที่น่าประทับใจ
  • กล้องมีโหมดถ่ายภาพให้เลือกหลากหลาย พร้อมเครื่องมือปรับแต่งภาพ
  • แอพที่ให้มาในเครื่องเลยใช้ประโยชน์ได้ครบถ้วน

จุดด้อย

  • เพิ่ม microSD ไม่ได้
  • Google Service จะต้องโหลดติดตั้งเองทั้งหมด (แต่มี Google Play Store ติดตั้งมาให้แล้ว)
  • Store สำหรับดาวน์โหลดและซื้อ Theme แต่หน้า Home ถูกเอาออกไปในเวอร์ชั่น International
  • ลำโพงเสียงค่อนข้างธรรมดา

Specification: Meizu MX5

  • ขนาด 74.7 x 149.9mm หนา 7.6 mm หนัก 149 g
  • แบตเตอรี่ความจุ 3150mAh ถอดเปลี่ยนไม่ได้
  • หน้าจอ AMOLED ขนาด 5.5 นิ้ว 1920 x 1080 (401ppi) กระจก Gorilla Glass 3
  • MediaTek Helio X10 Turbo processor
    ARM® Cortex®-A53™ 2.2 GHz x 8
    PowerVR G6200 GPU
  • 3GB LPDDR3 RAM
  • หน่วยความจำภายใน 32GB (เพิ่ม microSD ไม่ได้)
  • ปุ่ม mTouch 2.0 ระบบสัมผัส รองรับการสแกนลายนิ้วมือได้ 5 ลายนิ้วมือ
  • รองรับ 2 ซิม nano sim (FDD-LTE / TD-LTE / TD-SCDMA / WCDMA / GSM)
  • Wi-Fi 802.11 ac/b/g/n Wi-Fi รองรับ dual-band Wi-Fi (2.4GHz/5GHz)
  • Bluetooth 4.1
  • เซนเซอร์ : Hall Effect sensor, Gravity sensor, IR proximity sensor, Gyroscope, Ambient light sensor, Touch sensor, Digital compass
  • GPS, A-GPS, GLONASS
  • กล้องด้านหลัง 20.7 ล้านพิกเซล เลนส์แบบ 6 ชิ้น ƒ/2.2 กันด้วยกระจก Gorilla Glass 3 มี Burst mode, Panoramic lens, Laser-aided focusing และไฟแฟลชแบบ Dual-tone
  • กล้องด้านหน้า 5 ล้านพิกเซล f/2.0

Blogger สาย Multi Function ตามติดเทคโนโลยีมือถือ, แท็บเล็ต, แอพ, เกมคอนโซล, โลกโซเชียล และจักรยาน