รีวิว Brave browser ที่เร็วและไร้โฆษณา

สงครามของ browser ในยุคหลังแทบจะผูกขาดอยู่ไม่กี่เจ้า ส่วนใหญ่ที่เห็นก็ใช้ chrome, firefox และ safari ซึ่งทั้ง 3 มีจุดเด่นหลักๆ คือเรื่อง add-on และการ sync แต่ chrome ได้เปรียบเพราะถูกผลักดันด้วย android ส่วน safari ก็ได้เปรียบเพราะมากับ OSX และ iOS ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่จะมี browser หน้าใหม่เกิดขึ้นมาได้ แต่เมื่อสัปดาห์ก่อนก็เกิดเรื่องตื่นตัวในวงการอีกครั้งเมื่อ Brave browser ออกสู่สายตาชาวโลก

สิ่งแรกที่ทำให้ Brave น่าสนใจก็คือมันถูกสร้างด้วยอดีต CEO Mozilla ซึ่งเป็นบริษัทผู้ให้กำเนิด firefox และ thunderbird อันเลื่องชื่อ จุดขายที่ถูกหยิบมาโม้บน Brave ก็คือความเร็วและการบล็อกโฆษณาตั้งแต่แรกเริ่ม

สถานะของ Brave ตอนนี้อยู่ในช่วงทดสอบ นั่นหมายความว่าไม่สามารถหาโหลดได้ทั่วไป แต่ต้องเข้าเว็บ www.brave.com และรีเควสขอเป็นผู้ทดสอบ

Screen Shot 2016-01-28 at 02.00.05

ในการรีเควสก็จะมีให้กรอกว่าเราใช้ระบบปฏิบัติการอะไรบ้าง ซึ่งผมก็เลือกทั้งหมดคือ Windows, OSX, iOS, Android และเมื่อเวลาผ่านไปราวสัปดาห์ ผมก็ได้รับเมลว่าได้สิทธิ์ทดสอบเวอร์ชั่น OSX

Screen Shot 2016-01-28 at 01.26.42

ตัวแอพมีขนาดราว 358 MB เมื่อทดสอบใช้งานบน MacBook ก็เปิดใช้งานได้เร็วมาก แต่มันก็ทำให้ผมอึ้งอยู่พักนึงเพราะแอพมันโล้นมากๆ นึกว่ายังโหลดไม่เสร็จ

Screen Shot 2016-01-28 at 02.25.44

เมนูต่างๆ ก็ไม่ได้ต่างอะไรจาก browser ทั่วไปนัก แต่สิ่งที่ทำให้ผมสะดุดตาคือ New Partitioned Session ซึ่งผมเข้าใจว่ามันเป็นการแยก Session ของแต่ละหน้าเพื่อให้ sign in หลายๆ id ได้บน browser เดียว และเมื่อทดสอบก็ได้ผลเช่นนั้นจริงๆ ผมสามารถใช้งานเมล outlook ได้มากกว่า 1 id ต่างจาก browser ทั่วไปที่ต้องให้เรา logout ออกเพื่อจะเข้าสู่ระบบด้วย id อีกอัน

Screen Shot 2016-01-28 at 02.30.21

ส่วน New Private Tab ก็เป็นการพรางตัวเหมือนกับ browser อื่นๆ ซึ่งโหมดนี้จะไม่เก็บข้อมูลใดๆ ทั้งสิ้น เวลาที่ผมจำเป็นต้องไปเล่นเครื่องคนอื่นก็มักจะเปิดใช้ Private Mode ทุกครั้ง เพราะอย่างน้อยมันก็ไม่จำรหัสผ่านของเรา ( ปรกติแล้ว browser จะจำรหัสที่เรากรอกนะจ๊ะ เจ้าของเครื่องสามารถดูได้ ถ้าไม่ใช้ Private Mode )

Screen Shot 2016-01-28 at 01.27.25

เมนูถัดมาก็มีหัวข้อสำหรับนักพัฒนาอย่าง Developer Tools และ Browser Console เหมือนกับ browser อื่น แต่ส่วนที่ต่างและเป็นจุดเด่นของ Brave ก็คือเมนูที่ชื่อ Bravery ที่เน้นเรื่องการบล็อกโฆษณาและรักษาความเป็นส่วนตัว

Screen Shot 2016-01-28 at 01.30.10

ผมได้ทดสอบใช้งานหลายๆ เว็บ พบว่ามันโหลดเว็บได้เร็วมากๆ ซึ่งในช่อง address bar สำหรับพิมพ์ชื่อเว็บก็จะมีบอกระยะเวลาที่ใช้โหลดเว็บ และส่วนใหญ่ก็ใช้เวลาไม่เกิน 4 วินาที แต่การบล็อกโฆษณารวมถึงป้องกันการติดตามอย่างพวก Tracking ก็จะทำให้การแสดงผลผิดเพี้ยนไปบ้าง ที่เห็นชัดๆ ก็คือพวกปุ่มแชร์หรือพวก Facebook Like Box ไม่แสดงผล หรือนับจำนวนครั้งที่แชร์ไม่ถูกต้อง

Screen Shot 2016-01-28 at 01.32.42

ผมลองปิด Block Tracking และผลที่ได้ก็คือกล่อง Facebook และการแชร์ต่างๆ กลับมาแสดงผลได้ถูกต้อง ส่วนการบล็อกโฆษณาก็ขึ้นอยู่กับเทคนิคการเขียนเว็บด้วย อย่างในกรณีนี้ หน้าเว็บ bacidea.com ยังคงแสดงผลโฆษณาแบนเนอร์ครบถ้วน แต่สำหรับ techoffside.com ก็มีบางส่วนหายไป

Screen Shot 2016-01-28 at 01.35.15

บนหน้าเว็บของ Brave ได้อธิบายที่มาของความเร็วด้วยรูปภาพอย่างง่ายก็คือ browser ทั่วไปต้องใช้เวลาในการประมวลผลโค๊ดสำหรับโฆษณาและพวก Tracking แต่สำหรับ Brave ที่ตัดส่วนนี้ออกไป จึงทำให้โหลดเว็บได้เร็วกว่าเดิมมาก

หลังจากได้ทดลองใช้ Brave สักพักก็ทำให้ผมนึกถึงการมาของ Opera เมื่อหลายปีก่อน ที่ชูจุดเด่นเรื่องความเร็วและตอนนั้น Opera ก็เร็วมากๆ ซะด้วย แต่ช่วงหลังก็ไม่มีจุดขายมากพอที่จะเบียดคู่แข่งได้ และที่ผมสนใจก็คือทิศทางของ Brave ในอนาคต เพราะตอนนี้ออกตัวชัดว่าเน้นความเร็วและบล็อกโฆษณา ซึ่งก็ทำได้ดีมากๆ

แต่อย่าลืมว่าหลายคนติด browser ตัวอื่นๆ ก็เพราะพวก add-on แต่ถ้า Brave คิดจะเปิดกว้างให้ติดตั้ง add-on ได้ แล้วมันจะทำให้เสียจุดเด่นเรื่องความเร็วรึเปล่า? …นี่คือสิ่งที่ผมสนใจ

อดีตโปรแกรมเมอร์ที่ออกมาเรียนรู้โลกกว้าง อยากช่วยเหลือผู้คน ทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย บอกเล่าในสิ่งที่ตัวเองรู้ และอยากเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้สังคมน่าอยู่