เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ Huawei ได้เปิดตัว Mate 8 ในไทยอย่างเป็นทางการ และความน่าสนใจอยู่ที่ตรง Huawei ตัดสินใจนำรุ่น Mate 8 Premium มาขายในไทย ซึ่งเป็นสเป็กแบบจัดเต็ม
Huawei Mate 8 Premium วางขายในไทยด้วยค่าตัว 23,990 บาท กับหน้าจอขนาด 6 นิ้ว ความละเอียด Full HD ที่แม้บางคนอาจบอกว่าอยากได้ละเอียด 2K ตามเทรน แต่เมื่อมองมุมกลับแล้วการเลือกใช้หน้าจอ Full HD แต่มีแบตเตอรี่ขนาด 4,000 mAh และซีพียูอย่าง Kirin 950 ก็ทำให้ลื่นไหลมากขึ้น เพราะไม่ต้องประมวลผลหน้าจอเยอะ ก็เลยส่งผลให้ประหยัดแบตเตอรี่ด้วย ซึ่งทาง Huawei ให้ข้อมูลว่าใช้งานต่อเนื่องได้สูงสุด 2.36 วัน และยังรองรับระบบ Rapid Charge สำหรับชาร์จเร็วด้วย
ในส่วนของซีพียู Kirin 950 เป็นแบบ 64 bit, 16 nm FinFET+ และประกอบด้วย 3 ส่วนคือ
- A72 2.3 GHz, 4 core
- A53 1.8 GHz, 4 core
- i5 co-processor
ซึ่งทาง Huawei บอกว่าประสิทธิภาพดีกว่า Snapdragon 810 และ Exynos 7420 รวมถึงระบบระบายความร้อนแบบ 6 layer ที่ช่วยให้เครื่องไม่ร้อน
Mate 8 Premium มีแรมขนาด 4 GB กับหน่วยความจำภายใน 64 GB ที่เกิดมาพร้อมกับ android 6.0 ที่น่าจะเป็นอานิสงค์จากการร่วมงานกับ Google ในการผลิต Nexus
และแม้ว่า Mate 8 Premium จะมีหน้าจอใหญ่ถึง 6 นิ้ว แต่บริหารจัดการขนาดได้ค่อนข้างดี ทำให้ตัวเครื่องใกล้เคียงกับมือถือแบรนด์นึงที่มีปุ่ม Home กลมๆ และมีหน้าจอ 5.5 นิ้ว :p
นอกจากนี้ยังสานต่อระบบรักษาความปลอดภัยจากรุ่น Mate 7 ด้วยการใช้ระบบ security ในระดับ hardware สำหรับการสแกนนิ้วมือ และยังมีระบบ Full disk encryption และ SD card lock สำหรับเข้ารหัส SD card เพื่อป้องกันการนำไปเปิดบนเครื่องอื่น
อีกส่วนที่พัฒนาขึ้นก็คือไมค์ที่รับเสียงได้ในระยะ 3 เมตร มุมกว้าง 120 องศา สำหรับโหมด handsfree ซึ่งไมค์ 3 ตัวถูกใช้ในการตัดเสียงรบกวนระหว่างสนทนา รวมถึงการบันทึกเสียงหลายทิศทางเช่นห้องประชุมที่มีคนนั่งแต่ละมุมโต๊ะ ซึ่งสามารถเลือกได้ว่าต้องการบันทึกเสียงจากทิศทางไหน
รุ่นนี้รองรับการใช้งาน 2 ซิม และรองรับ 4G มี NFC, Bluetooth 4.2 LE รวมถึง WiFi Dual Band a/b/g/b/ac แต่ยังคงใช้การเชื่อมต่อแบบ microUSB ไม่ได้ขยับไปเป็น USB-C ตามเทรน แต่ Huawei ใส่วงเล็บต่อท้ายว่า High Speed USB ซึ่งผมยังไม่แน่ใจว่าหมายถึงอะไร
กล้องหลังความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสงขนาด 2.0 พร้อม OIS แบบ 3 แกน ใช้ระบบโฟกัสแบบ Hybrid คือ Phase Detection + Contrast Auto Focus ช่วยให้จับโฟกัสได้เร็วมาก ด้านการบันทึกวีดีโอทำได้สูงสุดที่ 1080p, 60 fps ส่วนกล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล บันทึกวีดีโอได้สูงสุด 1080p, 30 fps
เท่าที่ได้ทดสอบพบว่ากล้องก็ทำได้ดีในระดับแถวหน้าเทียบเท่ากับเรือธงค่ายอื่น ซึ่งอาจมีเด่นและด้อยในแต่ละจุดต่างกันไป แต่ที่ผมชอบก็คือการจับโฟกัสและถ่ายค่อนข้างเร็ว ส่วนการซูมแม้ว่าจะเป็นแบบ digital zoom แต่ก็ประมวลผลได้ดีระดับหนึ่ง ทำให้ภาพไม่แตกพร่ามากนัก ส่วนการบันทึกวีดีโอมีความน่าสนใจตรงระบบกันสั่น ซึ่งเมื่อเปิดใช้งานก็จะพบว่าภาพค่อนข้างนิ่ง และยังมีโหมดติดตามวัตถุ object tracking ทั้งภาพนิ่งและวีดีโอ ส่วนกล้องหน้าก็มีบิ้วตี้สไตล์เอเชียให้ได้ selfie กันตามชอบ
แต่ที่ผมประทับใจที่สุดเห็นจะเป็นโหมด Document readjustment ซึ่ง Huawei ถึงกับหยิบฟีเจอร์นี้ออกมานำเสนอเป็นพิเศษ เพราะมันเก่งกว่ารุ่นอื่นๆ ที่ผมเคยเล่นมา
ความสามารถของมันก็คือการถ่ายป้าย, กระดาษ หรือพวกกระดาน แล้วจะทำการ crop พร้อมกับปรับมุมองศาให้สวยงามอ่านง่าย แต่ที่ Mate 8 Premium ต่างจากรุ่นอื่นก็คือมันสามารถถ่ายรูปต่อเนื่องไปเรื่อยๆ แล้วค่อยมา readjustment ทีหลังได้ ซึ่งรุ่นอื่นๆ จะต้องทำการปรับแต่งทันทีที่ถ่ายเสร็จ ทำให้ไม่สามารถถ่ายรูปอย่างต่อเนื่องได้
ส่วนโหมดอื่นๆ ที่น่าสนใจก็คือ Professional ซึ่งเทียบเท่า Manual mode ปรับลากชัตเตอร์ได้นานสุด 8 วินาที และ All-focus ซึ่งเทียบเท่าโหมด re-focus ของค่ายอื่น ซึ่งอาศัยการถ่ายภาพรัวๆ หลายรูปในแต่ละระยะเพื่อมาเลือกทีหลังว่าต้องการโฟกัสที่ระยะไหน
นอกจากนี้ยังใช้เซ็นเซอร์กล้อง IMX298 ที่มีขนาดใหญ่กว่า Mate 7 อยู่ 23% และใหญ่กว่าคู่แข่งอย่าง iPhone 6s Plus พร้อมกับการประมวลผลตัวใหม่ในชื่อ IMAGESmart 4.0 ที่ช่วยให้คุณภาพดีขึ้น
การสั่งงานด้วยท่าทางเป็นอีกสิ่งที่ถูกปรับปรุงบน Mate 8 ในชื่อ Knuckle Sense คือการงอนิ้วและวาดลงไปบนหน้าจอที่สามารถเรียกใช้ได้จากทุกหน้า
และสามารถทำ long screenshot ได้เหมือนค่ายอื่นๆ แต่ว๊าวกว่าตรงที่หน้าจอจะไหลจับภาพไปเองเรื่อยๆ จนกว่าเราจะแตะหน้าจอเพื่อให้หยุดจับภาพ
ผมได้ลองทดสอบ Knuckle Sense ก็พบว่ามันไม่ง่ายเท่าไรสำหรับมือใหม่ ต้องปรับตัวกันสักพัก และเมื่อใช้งานโหมดนี้บ่อยๆ ก็จะเริ่มแสบข้อนิ้วมือ แต่ก็ถือว่าเป็นไอเดียที่ดี
Huawei Mate 8 Premium มีให้เลือกทั้งหมด 4 สี แต่ตามเอกสารที่ได้มา ให้ข้อมูลว่ามีเฉพาะสี Champagne Gold และ Mocha Gold
แม้ว่าจะเป็นงานเปิดตัว Mate 8 แต่ก็แอบทำการแนะนำตัวรุ่นน้องอย่าง Huawei GR5 กับหน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด Full HD กล้อง 13 และ 5 ล้านพิกเซล แบตเตอรี่ 3000 mAh ซีพียู Snapdragon 616 แรม 2 GB หน่วยความจำภายใน 16 GB ที่ไม่ได้เปิดเผยค่าตัวในงาน และยังมี Smart Watch มาโชว์ในงานอีกด้วย
ความเห็นจากทีมข่าวล้ำหน้า
ตั้งแต่ Huawei เป็นผู้ถูกเลือกให้ผลิต Nexus 6P ผมก็ค่อนข้างมั่นใจว่า Huawei จะมีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะแทบทุกค่ายที่ได้ทำ Nexus ก็เหมือนได้ติดปีกโดย Google และถ้าตามดูข่าวเมืองนอกจะเห็นว่า Mate 8 เป็นรุ่นที่สื่อหลายสำนักชื่นชม และบางคนก็บอกว่ามันคือ Nexus 6P เวอร์ชั่นที่เหมาะกับ end user
ซึ่งเดิมที Huawei ก็เป็นบริษัทที่มีรากฐานค่อนข้างแข็งแรงอยู่แล้ว เมื่อได้ติดปีกแบบนี้ก็ยิ่งทำให้ Huawei บินขึ้นไปได้สูงมากขึ้น ซึ่งจากข้อมูลในวันนี้บอกว่า Huawei มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 3 รองจาก Samsung และ Apple เลยทีเดียว
ผมเคยวิเคราะห์ในเพจ bacidea ว่าศึกของซีพียูหรือ SoC ตอนนี้ Qualcomm Snapdragon ยังคงเป็นเบอร์หนึ่งที่ Google และนักพัฒนาไว้วางใจ ส่วน Exynos ก็มีแต่ Samsung ที่ใช้ และยังไม่ได้รับการยอมรับเท่า Snapdragon ถ้ามองลงมายังตลาดล่างก็เป็นถิ่นของ MediaTek ซึ่งก็ดีระดับหนึ่ง แต่ไม่ดีพอที่จะเทียบชั้น Snapdragon
…แต่ที่น่าจับตามองที่สุดก็คือ Kirin นี่แหละ แม้ว่าในอดีตจะทำได้ไม่ดีนัก คล้ายกับ Exynos ที่ผลิตเองและใช้เอง แต่ต่างกันตรงที่ Huawei เป็นบริษัทที่ทำด้าน Network ด้วย และเค้าก็ชูจุดขายเรื่องคุณภาพภาครับ-ส่งสัญญาณว่าดีกว่าคู่แข่งมาตลอด และก็พัฒนาประสิทธิภาพให้ดีขึ้นเรื่อยๆ คล้ายกับ Exynos ที่วันนึงก็ทำได้ดีพอที่จะทำให้ผู้ใช้ทั่วไปยอมรับ แต่ก็ต่างกันตรงที่ Samsung ไม่ใช่คนที่ Google เลือกมาทำ Nexus แต่ Google เลือก Huawei นี่จึงเป็นความต่างที่อาจจะทำให้ Huawei อาศัยช่วงเวลานี้ในการกระโดดขึ้นมาเบียดกับ Exynos และ Snapdragon ได้