นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราได้ยินแนวคิดเรื่องของการยำอุปกรณ์จับมือถือมาแปลงร่างเป็นโน๊ตบุ๊ค หากแต่ The Superbook เป็นโปรเจ็คบน Kickstarter ของ Andromium ที่มีแนวโน้มน่าจะเป็นไปได้จริงและก็มียอดลงขันเกินเป้าที่ตั้งไว้ถึง 3 เท่า ด้วยเวลาเพียง 1 ชั่วโมงหลังจากเปิดตัวโปรเจ็ค
Andromium เป็นทีมพัฒนาที่พยายามจะทำให้ Android เป็นได้มากกว่ามือถือด้วยการทำแอพออกมาอีกตัวในชื่อเดียวกับทีมคือ Andromium ในลักษณะคล้ายกับ Remix OS ด้วยการจับ Android มาตกแต่งหน้าตาให้เหมาะกับการใช้งานบนโน๊ตบุ๊ค ซึ่งมีแอพให้โหลดใช้งานได้ฟรี
ซึ่งเดิมทีโปรเจ็คนี้เกิดเมื่อราวต้นปี 2015 แต่ล่มไปเพราะครั้งนั้นใช้วิธีต่อมือถือเข้ากับ docking ซึ่งจำกัดรุ่นมือถือเลยทำให้ไม่เป็นที่สนใจเท่าที่ควร จึงเป็นเหตุให้โปรเจ็คนี้ล่มเพราะคนลงขันไม่ถึงจำนวนเป้าที่ตั้งไว้
Andromium กลับมาอีกครั้งในปี 2016 ด้วยการต่อยอดแนวคิดเดิมให้สะดวกมากขึ้น เพียงแค่มีมือถือ Android รุ่นใดก็ได้ ( แต่ควรจะมีสเป็กสูงหน่อย ) ต่อเข้ากับ The Superbook ก็พร้อมใช้งานได้ทันที ส่งผลให้ยอดที่ตั้งไว้ 50,000 usd แต่มีคนลงเงินให้ถึง 3 เท่าในเวลาเพียง 1 ชั่วโมงและผ่านไปไม่ถึงวันก็มียอดลงขันสนับสนุนถึง 270,000 usd
ข้อดีของการใช้ Andromium คู่กับ The Superbook ก็คือการได้รับประสบการณ์แบบโน๊ตบุ๊ค แต่สะดวกกว่าตรงที่ไม่ต้อง sync ข้อมูลระหว่างมือถือและโน๊ตบุ๊คให้วุ่นวายเพราะข้อมูลทั้งหมดอยู่บนมือถือ และ The Superbook ทำหน้าที่เป็นส่วนของการแสดงผลและป้อนข้อมูลเท่านั้น และยังไม่ต้องปวดหัวกับการอัพเกรด เพราะอิงข้อมูลจากมือถือที่เป็น Android และอัพเดทแอพผ่าน Play Store
ข้อมูลและจุดเด่นของ The Superbook
- หน้าจอ 11.6 นิ้วความละเอียด HD
- แบตเตอรี่ใช้ได้ 8 ชั่วโมง
- แป้นพิมพ์แบบ standard layout ใช้กับภาษาไทยได้ ไม่มีการตัดบางปุ่ม ( หลังไมค์ถามมาให้ครับ )
- ปรับแต่งแป้นพิมพ์ให้เหมาะกับ Android เช่นเปลี่ยนปุ่ม windows เป็น recent apps
- รองรับการทำงานแบบ multi-window เหมือนโน๊ตบุ๊คทั่วไป
- ใช้ชาร์จมือถือได้
- รองรับการเชื่อมต่อ 4G, WiFi, Bluetooth ฯลฯ ตามที่มือถือมี เพราะการประมวลผลทั้งหมดอยู่บนมือถือ
- รองรับ USB-C และ microUSB
- มีให้เลือก 2 สีคือ ทอง และ น้ำเงิน
- น้ำหนัก 900 กรัม
ส่วนเรื่องของราคาก็เริ่มต้นที่ 85 usd หรือราวๆ 2,900 บาทเท่านั้น!! ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้จาก Kickstarter
ความเห็นจากทีมข่าวล้ำหน้า
มันคืออีก item ที่ผมอยากได้ เพราะมือถือสมัยนี้สเป็กมันแรงพอที่จะใช้งานในเชิงโน๊ตบุ๊คได้แล้ว ติดแต่ว่ามันอยู่บนหน้าจอเล็กๆ และ UI/UX ที่ออกแบบให้ใช้แบบ full screen ที่ทำงานได้ทีละแอพ ต่างจาก Remix OS, Andromium
และที่สะดวกมากๆ ก็คือการที่ไม่ต้อง sync นี่แหละ เราสามารถถ่ายรูปแล้วเอามาใช้ต่อบน The Superbook ได้ทันที หรือถ้าพิมพ์ Word, แต่งรูปเสร็จ ก็สามารถมาใช้ต่อบนมือถือได้ทันทีเช่นกัน …สะดวกมากๆ
ถ้าแบตมือถือจะหมด ก็ยังสามารถทำงานได้ต่อเพราะ The Superbook สามารถ sync พร้อมกับชาร์จมือถือได้ และด้วยหน้าจอขนาด 11.6 นิ้วก็เหมาะแก่การพกพามากๆ อีกด้วย
และที่น่าสนใจคือถ้ายอดเงินสนับสนุนเข้าเป้าก็จะมีการเพิ่มคุณสมบัติ อย่างเช่นช่องเสียบ USB เผื่อใครจะเอาไว้ต่อ flash drive รวมถึงการขยับความละเอียดหน้าจอเป็น Full HD และแบตเตอรี่ที่อึดขึ้นอีกด้วย
โปรเจ็คนี้เค้าเชื่อว่าคนส่วนใหญ่เปลี่ยนมือถือทุก 2 ปี นั่นหมายความว่าการใช้ The Superbook ก็เหมือนได้เครื่องที่สเป็กใหม่ขึ้นทุกๆ 2 ปีนั่นล่ะ