ขึ้นชื่อว่าเป็นโฆษณานั้นก็ล้วนไม่มีใครอยากรับชมกันทั้งนั้น ยิ่งโฆษณาบนหน้าเว็บที่มักจะน่ารำคาญและทำให้เว็บโหลดช้าด้วยแล้ว ยิ่งอยากทำให้ลงโปรแกรมบล็อคโฆษณาเพื่อปิดทิ้งไปให้รู้แล้วรู้รอดเลยทีเดียว
Facebook เองก็เป็นอีกหนึ่งในบริษัทที่มีรายได้หลักมาจากการโฆษณา จึงออกมาประกาศนโยบายใหม่ในเรื่องนี้ครับ โดยทาง Facebook ได้กล่าวว่าโดยปกติแล้วโฆษณาที่ตรงกับความสนใจของผู้ใช้นั้นจะเป็นประโยชน์กับผู้ใช้เอง (เช่นวงดนตรีที่ชอบกำลังจะมาเปิดแสดงแถวๆ บ้าน) หากแต่โฆษณาหลายตัวกลับไปเป็นเช่นนั้น ทำให้ผู้ใช้จำนวนมากเลือกที่จะลงโปรแกรมบล็อคโฆษณานั่นเอง
เพื่อแก้ปัญหานี้ Facebook จึงทำการเพิ่มการตั้งค่า Ads Preferences เข้ามาในเมนูการตั้งค่า Privacy อีกที (ในขณะนี้อาจจะยังไม่ขึ้นให้ทุกคนครับ) ซึ่งในนี้จะมีการลิสต์ให้ทั้งหมดว่าเราไปอยู่ในกลุ่มเป้าหมายของโฆษณาใดของบริษัทใดบ้าง รวมทั้งหัวข้อหรือเพจใดที่เราเกี่ยวข้อง ที่ทำให้เราเห็นโฆษณานี้
และพร้อมกับตัวเลือกการจัดการโฆษณาที่มาขึ้น (และซ่อนอยู่ในหลืบลึกที่ไม่ค่อยมีใครเห็น) ทาง Facebook จึงเริ่ม “บังคับ” แสดงโฆษณาให้ผู้ใช้เห็น แม้ผู้ใช้จะเปิดใช้งานโปรแกรมบล็อคโฆษณาอยู่ก็ตาม
ความเห็นของเรา
โฆษณาจัดได้ว่าเป็นแหล่งรายได้สำคัญสำหรับเว็บไซต์หรือบริการต่างๆ ที่ให้บริการแบบฟรีครับ (แม้แต่บางเว็บที่มีโมเดลการเก็บเงิน ก็อาจจะยังมีโฆษณาเล็กๆ น้อยๆ เข้ามาเพื่อเพิ่มรายได้) ดังนั้นแล้วการที่ผู้ใช้บล็อคโฆษณาจึงทำให้รายได้ของพวกเขาหายไปนั่นเอง
อย่างไรก็ดี ต้นทางปัญหาเองกลับอยู่ที่เป็นโฆษณาที่แสดงขึ้นมาได้ไม่ตรงกับความสนใจของเรา อีกทั้งโฆษณาบางตัวยังจู่โจมน่ารำคาญอีกต่างหาก ไม่ว่าจะด้วยข้อความ หรือรูปภาพ ที่เห็นแล้วชวนหงุดหงิดเสียสุขภาพจิตอยู่ร่ำไป
ดังนั้นแล้วโดยส่วนตัว ถ้าหากต้องการให้ผู้ใช้กับโฆษณาสามารถอยู่ร่วมกันได้ ก็จำเป็นที่จะต้องสร้างระบบแสดงโฆษณาที่แม่นยำตรงตามความสนใจของผู้ใช้ รวมทั้งมีการคัดกรองโฆษณาที่มีคุณภาพขึ้นมาแสดงครับ
ที่มา – Boy Genius Report