ย้อนไปเมื่อวันที่ 8 สิงหาคมที่ผ่านมา ทางธนาคารออมสินได้ปิดให้บริการตู้ ATM ของธนาคารกว่า 3,343 ตู้ทั่วประเทศ โดยขึ้นข้อความว่าเป็นการปิดปรับปรุงระบบ
ล่าสุดทางธนาคารออมสินได้ออกมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมถึงสาเหตุการปิดบริการตู้ ATM เหล่านี้ ว่ามีการตรวจพบว่าเงินหายออกไปจากตู้ ATM เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม เป็นจำนวนกว่า 12 ล้านบาท โดยตู้ ATM ที่ถูกขโมยเงินนั้นเป็นตู้ของแบรนด์ NCR
หลังจากที่ธนาคารตรวจพบเรื่องดังกล่าว ก็มีการประสานงานไปยังบริษัทผู้ผลิตตู้ ATM ในประเทศสก็อตแลนด์เพื่อให้เข้ามาตรวจสอบระบบ และพบว่ามีการติดมัลแวร์ที่ตู้ ATM และมีการกดเงินออกจากตู้ ATM ครั้งละ 40,000 บาท จากตู้ ATM ทั้งหมด 21 ตู้
อย่างไรก็ดี การขโมยเงินครั้งนี้เป็นการขโมยเงินออกจากตู้เท่านั้น ไม่เกี่ยวข้องกับเงินในบัญชีของลูกค้าธนาคารแต่อย่างใด
ในตอนนี้ทางธนาคารออมสินได้แจ้งไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อแจ้งต่อไปยังธนาคารอื่นๆ ที่ใช้ตู้ ATM ของ NCR ให้ตรวจสอบและระมัดระวังมัลแวร์ดังกล่าว พร้อมกับประกาศปิดให้บริการตู้ ATM ของธนาคารออมสินที่เป็นแบรนด์ NCR โดยไม่มีกำหนด ซึ่งในระหว่างนี้ลูกค้าธนาคารสามารถกดเงินจากตู้ของธนาคารอื่นได้โดยไม่เสียค่าธรรมเนียมแต่อย่างใด
บริการอื่นๆ ของธนาคาร เช่นบัตรเครดิต บัตรเดบิต ธนาคารผ่านมือถือ (MyMo) และธนาคารผ่านอินเตอร์เน็ต ไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด ลูกค้าธนาคารสามารถใช้งานบริการเหล่านี้ได้ตามปกติ
อัพเดทข้อความเพิ่มเติมจากธนาคารแห่งประเทศไทย
#แบงก์ชาติ ชี้แจงกรณีตู้ ATM ธ.ออมสินบางส่วนหยุดให้บริการ ไม่กระทบต่อบัญชีลูกค้า และขอสง.มีมาตรการป้องกันอย่างรัดกุม pic.twitter.com/zvlhwvh8S1
— Bank of Thailand (@bankofthailand) August 23, 2016
ความเห็นของเรา
ที่ผ่านมาเว็บไซต์ TechOffside ของเราได้นำเสนอข่าวคราวของมัลแวร์ต่างๆ มาโดยตลอด และในวันนี้มันก็แผลงเดชสร้างความเสียหายกว่า 12 ล้านบาทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แม้ว่าการติดมัลแวร์ที่ตู้ ATM จะค่อนข้างต่างกับการติดมัลแวร์บนคอมพิวเตอร์หรือมือถือของเราอยู่ในระดับหนึ่ง แต่ถึงอย่างนั้นเราเองก็ควรระมัดระวังความปลอดภัยให้กับอุปกรณ์ต่างๆ ของเราอยู่เสมอ หมั่นอัพเดทแอนตี้ไวรัสและซอฟต์แวร์ให้เป็นรุ่นล่าสุด พยายามอ่านรายละเอียดต่างๆ ก่อนติดตั้งโปรแกรมใดๆ และไม่ติดตั้งหรือรันไฟล์ใดๆ มั่วซั่ว ก็จะช่วยให้เราปลอดภัยได้ระดับหนึ่งครับ
ที่มา – โพสต์ทูเดย์