หลังจากที่ MiBand รุ่นแรกได้วางจำหน่ายไปเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ด้วยสเป็คที่ดีเยี่ยมบวกกับราคาโครตจะถูกทำให้ MiBand 1 กลายเป็น Wearable Device ประเภท Fitness tracker ที่มียอดจำหน่ายสูงเป็นอันดับ 1 ของโลก หลังจากนั้น Xiaomi ก็ออกรุ่น 1s ซึ่งก็ไม่ได้ดังเปรี้ยงปร้างเท่าไหร่ และในที่สุด MiBand 2 ก็ได้เปิดตัวพร้อมกับดีไซน์ใหม่จัดสเป็คและฟีเจอร์มาให้แบบเต็มเหนี่ยว แต่ก็ยังขายในราคาที่โครตจะถูกเช่นเคย
ผมจะขอข้ามสเป็คของ MiBand 2 ไปนะครับ เนื่องจากผมเคยเขียนไปแล้วรอบนึงสามารถย้อนกลับไปอ่านได้ที่ MiBand 2 ไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรมากเรามาเริ่มกันเลยครับ MiBand 2 มีการปรับเปลี่ยนดีไซน์จากรุ่นแรกพอสมควรโดยเพิ่มหน้าจอ OLED เข้ามา ซึ่งสามารถแสดงผลข้อมูลต่างๆได้เลย ไม่จำเป็นต้องเปิดดูผ่านสมาร์ทโฟนเหมือนรุ่นแรก ตรงนี้ชอบมากครับ
กล่องกระดาษแข็งแรงมาก ภายในกล่องก็ไม่มีอะไรมากครับ มีตัว MiBand 2 สายรัด คู่มือ แล้วก็สายชาร์จ ตัวสายชาร์จควรเก็บเข้ากล่องทุกครั้งหลังใช้งานนะครับ ไม่งั้นมันจะหายเพราะว่าเราจะชาร์จทุกๆ 20 วัน ถ้าเก็บไม่เป็นที่เป็นทางผ่านไป 20 วันก็อาจจะหาไม่เจอแล้ว ฮ่าๆ
หน้าปัดเป็นกระจกที่ดูสวยงามมาก ขอบกระจกแอบโค้งเล็กน้อย เคลือบสารลดแสงสะท้อนทำให้สามารถใช้งานกลางแจ้งได้ ต้องบอกเลยว่าต่อให้แดดจัดเราก็ยังสามารถเห็นข้อมูลต่างๆได้อยู่ครับ ตรงจุดนี้ดีมากๆ หน้าจอมีความคมชัดอยู่ในระดับดี แต่ก็ไม่ได้คมกริ๊บเมื่อเอามาส่องดูใกล้ๆ แต่ถ้าดูในระยะปกติก็คมชัดมากๆแล้วครับ มีปุ่มที่ทำจากอโนไดซ์อลูมิเนียม เพียงแค่แตะเบาๆก็จะสามารถดูข้อมูลต่างๆได้ กันน้ำตามมาตรฐาน IP67 ใส่ลุยฝนเบาๆได้ ล้างมือได้ แต่ไม่ควรใส่อาบน้ำหรือว่ายน้ำครับ
สายของ MiBand ทำจากวัสดุทางการแพทย์ที่ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิว ตัวสายบางและแบนกว่ารุ่นแรกเล็กน้อยแต่ดูเหนียวทนทานกว่า จากที่เคยใช้รุ่นแรกมา 1 ปี ขาดไป 2 เส้นแล้วครับ ฮ่าๆ ตัวนี้ต้องรอดูว่าอายุการใช้งานจะยาวนานแค่ไหน การสวมเบาสบายมากๆ รู้สึกเหมือนใส่ริชแบนด์ธรรมดา การล็อคกับข้อมือแน่นหนาดีครับกดแล้วดังแป๊กๆเลย รุ่นแรกเวลาล็อคแล้วมันจะหน่วงๆยวบๆบางครั้งชอบแอบหลุด
ที่ด้านหลังมีเซนเซอร์ ADI ในการตรวจอัตราการเต้นของหัวใจ เพียงแตะปุ่มเบาๆก็สแกนและแสดงผลข้อมูลทันที ใช้เวลาการสแกนประมาณ 5 วินาทีครับ
MiBand 2 มีเซนเซอร์การตรวจจับการยกข้อมือ เมื่อเรายกข้อมือขึ้นมาหน้าปัดจะแสดงข้อมูลทันที ตรงจุดนี้ก็ทำได้ดีมากๆเช่นกัน เพราะทุกครั้งที่ยกขึ้นมามันติดทุกครั้งเลยครับ ต่อให้วางแขนไว้บนโต๊ะแล้วบิดข้อมือเพียงนิดเดียวก็ยังติด
เมื่อแตะที่ปุ่มจะเป็นการแสดงผลข้อมูลอันต่อไปเรื่อยๆซึ่งเราสามารถตั้งค่าเองได้ว่าจะให้มันแสดงข้อมูลอะไรบ้าง อย่างในรูปจะเป็นจำนวนก้าวเดิน และอัตราการเต้นของหัวใจตามลำดับครับ
MiBand 2 เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่านบลูทูธและแอปพลิเคชั่น โดยการรีวิวครั้งนี้ผมขอใช้แอพ Mi Fit ซึ่งเป็น Official App จากทาง Xiaomi นะครับ การเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนก็ไม่มีอะไรมากครับ เพียงเปิดบลูทูธแล้วเข้าแอพจากนั้นก็กดค้นหา เมื่อเจอแล้วมันจะบอกให้เราแตะปุ่มบนหน้าปัดเพียงเท่านี้ก็พร้อมใช้งานครับ (การใช้งานจำเป็นต้องมี Mi Account)
เมื่อเข้าแอพมาก็จะมีหน้าตาดังรูปนี้เลยครับ ที่หน้าแรกจะมีข้อมูลจำนวนก้าวที่เดินในวันนี้แสดงอยู่ ที่ด้านล่างจะมีแท็บใหญ่ๆทั้งหมด 3 แท็บ แต่เราจะข้ามไปก่อนครับ
เรามาดูที่จำนวนก้าวกันก่อน เมื่อเราแตะที่จำนวนก้าวก็จะสามารถดูข้อมูลเชิงลึกได้เช่น เวลานี้เดินไปกี่ก้าว เป็นระยะทางเท่าไหร่ เมื่อกดที่สถิติจะบอกข้อมูลเป็นรายวัน รายเดือนหรือรายสัปดาห์ได้ครับ จำนวนแคลโลรี่ที่เผาผลาญมันจะคำนวนจากน้ำหนักและส่วนสูงของเราที่ใส่ไว้ในตอนแรกครับ
ย้อนกลับมาเราจะเห็นข้อมูลการนอนหลับ ซึ่งเมื่อกดเข้ามามันจะบอกว่าเมื่อคืนเราหลับไปทั้งหมดกี่ชั่วโมง หลับลึกกี่ชั่วโมง หลับตื้นกี่ชั่วโมง ตื่นแล้วยังนอนต่อบนที่นอนอีกกี่นาที ในส่วนของเวลาการนอนและการตื่นก็ทำได้ตรงครับ (แต่ขอปิดเอาไว้ ไม่เขอเปิดเผยครับ อาย ฮ่าๆ) และเช่นกันสามารถดูข้อมูลเป็นสถิติในแต่ละวันได้
ย้อนกลับมาจะเห็นอัตราการเต้นของหัวใจ เมื่อกดเข้าไปจะมีบอกว่าครั้งล่าสุดที่วัดหัวใจเราเต้นกี่ครั้งต่อนาที และมีข้อมูลบอกแต่ละครั้งก่อนหน้านี้ที่เรากดวัดด้วยครับ แต่แอพ Mi Fit ไม่สามารถวัดแบบ Real-time ได้ ต้องใช้แอพจากผู้พัฒนาคนอื่นครับ แต่ก็ต้องอย่าลืมว่ามันก็จะกินแบตเตอรี่มากขึ้นเหมือนกัน ในส่วนของสถิติต่อเนื่องครั้งล่าสุดของผมมันขึ้นว่า 12 วัน ก็หมายความว่าผมเดินครบ 6,000 ก้าวต่อวัน (ที่ผมตั้งเอาไว้) ติดต่อกันเป็นระยะเวลา 12 วันครับ
จากนั้นเรามาดูในส่วนของโปรไฟล์กันบ้างครับ จะมีข้อมูลก้าวเฉลี่ยของผมบอกเอาไว้ และระยะทางที่เดินมาทั้งหมดตั้งแต่ใช้ MiBand มา ตั้งแต่รุ่นแรก ผมตกใจมากที่ผมเดินมากว่า 1,269 กิโลเมตรแล้ว เยอะสุดๆไปเลย (เป็นระยะเวลาปีกว่าๆ) เมื่อกดเข้าไปที่อุปกรณ์ของฉันจะมีเปอร์เซ็นต์แบตเตอรี่บอกครับ จากเมื่อวานจนถึงวันนี้ลดลงไป 2% โดยประมาณ เมื่อกดค้นหาแบนด์ตัว MiBand จะสั่นเพื่อเป็นการเช็คว่ายังไม่ขาดการติดต่อ สามารถตั้งได้ว่าใส่ที่ข้อมือด้านไหน
ในส่วนของการตั้งค่าการแสดงผล เราจะสามารถตั้งได้ว่าให้หน้าปัดแสดงผลข้อมูลอะไรบ้างโดยจะเรียงตามลำดับไปเรื่อยๆตามการแตะ ตรงนี้ผมอยากให้เราสามารถกำหนดได้ว่าให้อันไหนมาก่อนมาหลัง แอบเซ็งเล็กน้อย
ในส่วนของยกข้อมือขึ้นมาดูข้อมูลก็คือการเปิดใช้เซนเซอร์เวลาเรายกข้อมือขึ้นมานั่นแหละครับ ใครจะปิดก็ได้ครับถ้าอยากประหยัดแบต เวลาดูก็แตะปุ่มเอาเอง ตัวช่วยด้านการนอนก็ตามที่มันบอกครับ มันจะแม่นยำขึ้นแต่ก็ใช้แบตเตอรี่มากขึ้นเช่นกัน ด้านล่างก็เป็นปุ่มยกเลิกการจับคู่กับ MiBand
กลับออกมาที่หน้าโปรไฟล์เมื่อเลื่อนลงมาจะมีเป้าหมายการออกกำลังกาย ซึ่งเราตั้งได้เองตั้งแต่ 2,000 ก้าว ไปจนถึง 30,000 ก้าว สามารถตั้งน้ำหนักตัวตามเป้าหมายได้ครับ การแจ้งเตือนสถิติการออกกำลังกายถ้าเปิดเอาไว้มันจะแจ้งเตือนเราอัตโนมัติตอน 21.30 น. ว่าวันนี้ออกกำลังกายไปเท่าไหร่ เป็นยังไงบ้าง การแจ้งเตือนการตื่นนอนมันก็จะบอกเราตอนตื่นนอนว่าเมื่อคืนนอนเป็นยังไงบ้างอัตโนมัติ ในส่วนของเพื่อนเราสามารถแชร์ข้อมูลการออกกำลังกายกับเพื่อนๆได้ และการตั้งค่าจะเอาไว้ตั้งหน่วยการนับต่างๆเช่น กิโลกรัม ปอนด์ กิโลเมตร ไมล์
มาที่แท็บการตั้งค่า เราจะตั้งได้ว่าเมื่อมีสายเรียกเข้าดังนานเท่าไหร่จึงจะให้ MiBand สั่น สามารถตั้งปลุกได้เช่นกันโดย MiBand จะสั่นแบบนุ่มนวลทำให้เราตื่นมาโดยไม่เกิดอาการกระชาก ตรงจุดนี้ผมชอบมากๆครับ ในส่วนของแอปเราจะสามารถตั้งได้ว่าให้ MiBand แจ้งเตือนแอพอะไรบ้าง สามารถกดจัดการแอพเพื่อตั้งค่าให้แจ้งเตือนได้ทุกแอพเลยครับ
การแจ้งเตือนนั่งนานเกินไป ก็ตามชื่อที่มันบอกเลยครับ เมื่อเรานั่งนานเกิน 1 ชม.ตัว MiBand จะสั่นแจ้งเตือนให้เราลุกออกไปเดินบ้าง ในขณะที่ผมนั่งรีวิวอยู่มันแจ้งเตือนไป 2 รอบแล้วครับ ฮ่าๆ เมื่อกดเพิ่มเติมก็จะสามารถตั้งค่าได้ละเอียดยิ่งขึ้นตามรูปครับ ในส่วนการห้ามรบกวนเราสามารถตั้งระยะเวลาเริ่มและสิ้นสุดได้ เช่น 22.00 – 8.00 น. ถ้ามีคนโทรเข้ามาช่วงเวลานี้ตัวแบนด์จะไม่สั่นแจ้งเตือนครับ
เมื่อเลื่อนลงมาด้านล่างจะเจอปลดล็อกหน้าจอ ในส่วนนี้เราสามารถใช้ MiBand ในการปลดล็อคเข้าสมาร์ทโฟนได้ ถ้าเราสวม MiBand เอาไว้มันจะข้ามหน้าต่างที่ต้องใส่รหัสผ่านไปเลยครับ (สามารถใช้ฟีเจอร์นี้กับ Mi Notebook Air ได้)โดยระยะจะอยู่ที่ประมาณ 2 – 3 ฟุต ถ้าเกินจากนี้จะต้องใส่รหัสผ่านเพื่อปลดล็อคสมาร์ทโฟน (ในกรณีที่เราตั้งเอาไว้) ฟีเจอร์นี้ไม่สามารถใช้กับ ios ได้ครับ ส่วน Android ยี่ห้ออื่นๆที่ไม่ใช่ Xiaomi ผมไม่มั่นใจว่าสามารถใช้ได้หรือ เปล่ารอคนที่ใช้งานยี่ห้ออื่นมาช่วยยืนยันครับ ในส่วนสามารถมองเห็นได้ผมไม่ทราบจริงๆครับว่ามีเอาไว้ทำไม ใครรู้ก็สามารถคอมเม้นบอกได้เลยครับ มาแชร์ความรู้กัน ตัวแอพสามารถซิงค์ข้อมูลร่วมกับ WeChat , Google Fit , Sina Weibo ได้ครับ
ทีนี้เรามาดูการแจ้งเตือนที่หน้าปัดกันบ้างครับ ถ้ามีคนโทรมาหน้าปัดก็จะขึ้นเป็นรูปโทรศัพท์ ถ้าเป็นการแจ้งเตือน Facebook ก็จะขึ้นเป็นไอคอน Facebook เลยครับ แต่ Line มันจะขึ้นว่า App แทน และแอพอื่นๆก็เช่นกัน การสั่นแจ้งเตือนแอพหรือข้อความทำได้ดีมากครับๆ มันจะสั่นเบาๆ 2 ครั้ง ไม่แรง รู้สึกเหมือนมีคนมาสะกิดที่ข้อมือ ทำให้ไม่น่ารำคาญครับ
สรุปการรีวิว
MiBand 2 เป็น Fitness Tracker ที่มีฟีเจอร์ครบครัน วัสดุที่ใช้ทำยอดเยี่ยมมากๆครับ งานประกอบดี สายรัดคุณภาพดี ราคาที่วางจำหน่ายที่จีนคือประมาณ 800 บาท แต่ราคาที่ร้านหิ้วในไทยขายกันคือ 1,490 บาท เพราะตอนนี้ตลาดพ่อค้าคนกลางปั่นกันสนุกสนานพอมาถึงไทยก็แพงขึ้นตามลำดับ แต่ตัวนี้ผมได้มาในราคาประมาณ 1,000 บาท ในช่วงลดราคา มีจำนวน 3,000 ชิ้น ผมไปกดแย่งกับเค้ามาจนได้ ฮ่าๆ ถึงแม้ว่าคุณจะซื้อมาในราคา 1,490 บาท แต่ถ้าเทียบกับแบรนด์อื่นๆคุณจะรู้ได้เลยว่า 1,490 บาทก็ยังถือว่าถูกอยู่ดี ถ้าใครที่รักและชื่นชอบการออกกำลังหายและห่วงใยในสุขภาพของตนเอง ถือว่าคุ้มค่าคุ้มราคามากๆครับ