ธนาคารกลางสิงคโปร์เผยนโยบายส่งเสริมให้ภาคธุรกิจหันไปใช้การจ่ายเงินแบบดิจิตัลแทนการใช้เงินสด เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายในการดำเนินการจัดการและจัดเก็บเช็คเงินสด
สิงคโปร์เป็นหนึ่งในประเทศที่เรียกได้ว่าเศรษฐกิจดีมากเป็นอันดับต้นๆ ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากการวางตัวเป็นฮับด้านเศรษฐกิจและเทคโนโลยี ทำให้มีบริษัทต่างชาติเข้ามาตั้งถิ่นฐานกันเป็นจำนวนมาก และก่อให้เกิดการจ้างงานเป็นจำนวนมากตามไปด้วยเช่นกัน (ทั้งชาวสิงคโปร์เอง และชาวต่างชาติ)
ปัญหาหนึ่งของสิงคโปร์คือมีการง่ายเงินผ่านการเซ็นเช็คสูงมาก โดยเฉลี่ยแล้วชาวสิงคโปร์หนึ่งคน จะได้รับเช็คเฉลี่ยถึงปีละ 12.7 ใบเลยทีเดียว ซึ่งเช็คจำนวนมหาศาลเหล่านี้ ทำให้ธนาคารต้องเสียเงินในการจัดการเช็คและการจัดเก็บถึงกว่าปีละสองพันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (ราว 51,000 ล้านบาท) ซึ่งธนาคารกลางสิงคโปร์มองว่านี่เป็นการเสียเงินที่ “สูญเปล่า”
โดยในขั้นต้นธนาคารกลางจะส่งเสริมให้ธนาคารต่างๆ ในสิงคโปร์ “เก็บค่าทำเนียมการใช้กระดาษ” สำหรับการดำเนินธุรกรรมต่างๆ เพื่อเป็นการผลักดันให้ภาคธุรกิจหันไปใช้การจ่ายเงินแบบดิจิตอลแทน
นอกจากนี้ทางธนาคารกลางของสิงคโปร์ยังคาดหวังว่าต่อไปภายในปีหน้า การโอนเงินต่างๆ ภายในประเทศจะสามารถใช้ข้อมูลอื่นๆ เช่นหมายเลขโทรศัพท์, เลขประจำตัวประชาชน, หรือรหัสอื่นๆ (เช่นเลขพาสปอร์ต) ในการรับโอนเงินได้ แทนที่จะเป็นเลขบัญชีธนาคารเหมือนอย่างปัจจุบัน
ความเห็นของเรา
โดยส่วนตัวแล้วผมค่อนข้างเห็นด้วยกับการย้ายไปใช้ระบบดิจิตัลแทนธุรกรรมบนกระดาษอย่างเดิม เพราะมันจะช่วยทั้งลดค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บเอกสารและการดำเนินการต่างๆ และยังสามารถเก็บและสืบค้นหลักฐานต่างๆ ได้สะดวกขึ้นอีกด้วย
อย่างไรก็ดี ปัญหาหนึ่งที่ยังคงน่ากังวลก็คือเรื่องของความเป็นส่วนตัว และความปลอดภัยจากการปลอมแปลงข้อมูล อย่างเช่นกรณีของ PromptPay ในบ้านเรา ที่กำลังเป็นที่กังวลอยู่ตอนนี้ว่าจะปลอดภัยแค่ไหนครับ
ที่มา – Mashable