Netflix เป็นบริการดูหนังออนไลน์แบบถูกลิขสิทธิ์รายแรกๆ ที่สามารถเติบโตขึ้นมาจนสามารถแซงร้านเช่าวิดีโอแบบเดิมไปได้
หากแต่ในพักหลังนี้มีผู้ให้บริการดูหนังออนไลน์ในลักษณะเดียวกับ Netflix เพิ่มขึ้นมาหลายเจ้า ซึ่งหลายเจ้าก็มีจุดเด่นที่มีค่าบริการที่ถูกกว่า และมีเนื้อหามากกว่าในประเทศนอกสหรัฐอเมริกา ดังนั้นแล้วในพักหลังนี้จึงเห็น Netflix พยายามสร้างจุดขายด้วยการผลิตเนื้อหาเองกันมากขึ้น
ล่าสุดทาง นาย David Wells ตำแหน่ง CFO ของทาง Netflix ได้ให้สัมภาษณ์ว่าต้องการที่จะเพิ่มเนื้อหาผลิตเองให้ได้ถึงครึ่งหนึ่งของเนื้อหาทั้งหมดภายในไม่กี่ปีข้างหน้านี้ ซึ่งจะรวมทั้งเนื้อหาที่ผลิตเอง 100% และเนื้อหาที่ร่วมมือกับสตูดิโอภายนอกด้วย
จากสถิติแล้ว ในปี 2016 นี้ ทาง Netflix ได้เพิ่มเนื้อหาของตัวเองเข้าไปแล้วรวมกว่า 600 ชั่วโมง เทียบกับ 450 ชั่วโมงในปี 2015 ซึ่งทั้งหมดนี้ใช้ทุนไปกว่าหกพันล้านดอลลาร์สหรัฐเลยทีเดียว ซึ่งทาง Netflix เองก็ต้องพยายามหาทางหารายได้ให้มากขึ้น แต่ทั้งนี้ทาง Netflix ยังไม่มีแผนเรื่อยการรับโฆษณาแต่อย่างใด
ก่อนหน้านี้ทาง Netflix ได้ปรับราคาค่าสมาชิกในสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักรเพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลให้มีการบอกเลิกสมาชิกไปเป็นจำนวนมาก (มากกว่าที่ทาง Netflix ได้คาดการณ์ไว้) แต่ทั้งนี้ทาง Netflix พบว่ามีผู้ใช้ราว 33-50 % ที่กลับมาเป็นสมาชิกอีกครั้ง
ที่มา – Variety ผ่าน Ars Technica
ความเห็นของเรา
ปัญหาของ Netflix คือการฝังตัวอยู่ในสหรัฐอเมริกานานเกินไป จนมีบริการลักษณะเดียวกันเกิดขึ้นนอกสหรัฐฯ เป็นจำนวนมาก และสามารถชิงลิขสิทธิ์การออกอากาศเหล่านี้ไปได้ก่อน (เอาง่ายๆ ในบ้านเราก็อย่างเช่น iFlix ที่มีเนื้อหามากกว่า Netflix ในบ้านเราอยู่พอสมควร)
ทางแก้ของ Netflix นั้นนอกจากจะไล่เจรจาลิขสิทธิ์การเผยแพร่นอกสหรัฐฯ แล้ว ก็มีเรื่องการสร้างเนื้อหาของตัวเองนี่ล่ะครับ ที่จะสามารถรับประกันได้ว่า Netflix จะมีเนื้อหาคุณภาพให้บริการในทุกประเทศทั่วโลก