หนึ่งในวิธีการศึกษาประวัติศาสตร์ที่ให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนอย่างหนึ่ง คงหนีไม่พ้นการอ่านหนังสือหรือจารึกต่างๆ จากสมัยโบราณนั่นเอง
อย่างไรก็ดี ม้วนหนังสือโบราณเหล่านี้ต่างก็เสื่อมสลายลงตามกาลเวลา การที่จะนำหนังสือเหล่านี้มาเปิดอ่านกันปกติก็ดูเหมือนจะยิ่งสร้างความเสียหายให้กับหนังสือเหล่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นหนังสือที่เสียหายอยู่ระดับหนึ่งก่อนแล้ว การนำมันมาเปิดอ่านก็จะยิ่งสร้างความเสียหายให้กับมันได้นั่นเอง
ล่าสุดนักวิทยาศาสตร์จากสหรัฐอเมริกาและอิสราเอล ได้ร่วมมือกันหาวิธีเปิดอ่านม้วนหนังสือโบราณ En-Gedi Scroll ที่ค้นพบบริเวณโอเอซิส Ein Gedi ของอิสราเอล ม้วนหนังสือนี้เขียนขึ้นด้วยภาษาฮิบรู คาดว่าถูกเขียนขึ้นในช่วงปี ค.ศ.50-100
ในขั้นตอนการอ่านนั้น นักวิทยาศาสตร์จะใช้การสแกนสามมิติความละเอียดสูง สแกนม้วนหนังสือทั้งหมดและแยกชั้นกระดาษที่ม้วนทับกันอยู่ออกจากกันเป็นส่วนๆ จากนั้นจึงสแกนหาส่วนที่สว่างกว่าปกติ ซึ่งจะแสดงถึงตำแหน่งของหมึกที่มีส่วนผสมของเหล็กหรือสารตะกั่ว จากนั้นจึงนำโมเดลสามมิติแต่ละส่วนที่สแกนได้มากางออกเป็นแผ่นเรียบๆ ต่อไป
เนื้อหาใน En-Gedi Scroll นั้นปรากฎเป็นเนื้อหาสองบทแรกของหนังสือเลวีนิติ ที่จัดอยู่ในหมวดเบญพรรณในไบเบิลส่วนพันธสัญญาเดิม ซึ่งข้อความใน En-Gedi Scroll นี้นับได้ว่าเป็นหนึ่งในจารึกจากพระคัมภีร์ไบเบิลที่เก่าแก่ที่สุดที่มีการค้นพบมาเลยทีเดียว
ที่มา – Engadget
ความเห็นของเรา
แม้ว่าทุกวันนี้ศาสนาจะมีบทบาทในสังคมลดน้อยลงจากในสมัยก่อน อีกทั้งประเทศไทยเราก็นับถือศาสนาพุทธกันเป็นส่วนใหญ่ แต่ถึงอย่างนั้นการได้เรียนรู้สิ่งที่คนยุคเกือบสองพันปีก่อนได้เขียนเอาไว้ ก็ยังคงมีประโยชน์กับมนุษยชาติ ทั้งในเรื่องของประวัติศาสตร์ สังคม รวมทั้งภาษาและวรรณกรรม
จริงๆ เรายังมีหนังสือโบราณอีกเป็นจำนวนมากที่รอให้นักประวัติศาสตร์นำมาศึกษา แต่การที่จะนำหนังสือโบราณเหล่านี้มาเปิดอ่านก็อาจจะทำให้เกิดความเสียหายต่อหลักฐานทางประวัติศาสตร์ได้ ซึ่งการที่นักวิทยาศาสตร์สามารถพัฒนาเทคโนโลยีที่ช่วยให้สามารถอ่านหนังสือเหล่านี้ได้โดยไม่ต้องเปิดหรือคลี่มันออกมา ก็จะช่วยถนอมหนังสือเหล่านี้ให้อยู่คู่กับมนุษยชาติได้อีกนานเลยทีเดียวครับ