ในขณะที่เรามักเห็นภาพของประเทศเกาหลีใต้ในด้านความบันเทิงและเรื่องของเทคโนโลยี (โดยเฉพาะเครื่องใช้ไฟฟ้าและโทรศัพท์มือถือ) ในอีกมุมหนึ่งที่เราไม่ค่อยได้เห็นนักเกี่ยวกับประเทศเกาหลีใต้ นั่นคือเรื่องของการใช้พลังงาน
ปัจจุบันประเทศเกาหลีใต้นั้นพึ่งพาพลังงานจากถ่านหินและนิวเคลียร์ถึงกว่า 70% ซึ่งนอกจากเรื่องของมลพิษจากการเผาถ่านหินแล้ว โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ก็ยังผลิตกากกัมมันตรังสี รวมถึงเสี่ยงต่อการรั่วไหลในกรณีเกิดภัยธรรมชาติขึ้นด้วย
ล่าสุด นาย มุนแจอึน ประธานาธิบดีปรเทศเกาหลีใต้ ได้เสนอแผนงานด้านพลังงานแผนใหม่ออกมา โดยจะเน้นไปที่การลดการใช้พลังงานจากถ่านหินและนิวเคลียร์ลง และไปส่งเสริมการใช้งานพลังงานจากแก๊สธรรมชาติและพลังงานทดแทนต่างๆ แทน โดยในขั้นต้นจะมีการขึ้นภาษีพลังงานจากถ่านหินและนิวเคลียร์ หยุดการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินและนิวเคลียร์เพิ่มเติม (โรงที่เตรียมเริ่มก่อสร้าง ก็จะนำมาพิจารณาใหม่อีกครั้ง) นอกจากนี้จะยังลดค่าทำเนียมการนำเข้าเชื้อเพลิงสำหรับพลังงานทดแทนและแก๊สธรรมชาติลงด้วย
จากแผนดังกล่าว นายมุนแจอึนตั้งเป้าว่าจะให้ประเทศเกาหลีใต้เพิ่มอัตราการใช้พลังงานจากแก๊สธรรมชาติจาก 18% เป็น 27% และจากพลังงานทดแทนจาก 5% เป็น 20% ภายในปี 2030
ปัญหาที่ทางรัฐบาลเกาหลีใต้ต้องเตรียมรับมือในตอนนี้ คือปัญหาจากการเปลี่ยนไปใช้พลังงานทดแทนเร็วเกินไป ซึ่งจากการที่รัฐบาลเกาหลีใต้จะหยุดสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินและนิวเคลียร์เพิ่มเติม ต้องแน่ใจได้ว่าอัตราการผลิตพลังงานในประเทศต้องมีมากพอต่อการใช้งาน อีกทั้งยังไม่มีอะไรรับประกันได้ด้วยว่าพลังงานทดแทนต่างๆ จะสามารถผลิตได้ทันต่อความต้องการ เพื่อไม่ให้ราคาค่าพลังงานดีดตัวสูงขึ้นไปจนเกิดเป็นภาระต่อประชาชน
อ้างอิง – Engadget