ในบรรดาอุปกรณ์ประเภทสายรัดข้อมือเพื่อสุขภาพ (Fitness Wristband) แล้ว Fitbit ถือว่าเป็นแบรนด์ที่เอาจริงเอาจังกับตลาดนี้มาโดยตลอด ต่อเนื่องหลายปีที่ผ่านมา Fitbit ได้ออกสินค้าแบบสวมใส่ เพื่อติดตามเก็บข้อมูลการเคลื่อนไหวในแต่ละวันของเรา เพื่อนำข้อมูลไปประมวลผลและแนะนำผู้ใช้ให้มีพฤติกรรมในการใช้ชีวิตที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้น และนี่คือ รีวิว Fitbit Alta HR ที่มีจุดเด่นในการเพิ่มระบบตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ (Heart Rate Monitoring) แบบแสง พร้อมคุณสมบัติใหม่ที่พัฒนาขึ้นมาช่วยในการเก็บข้อมูลการนอนได้ดีกว่าเดิม และวิเคราะห์แนะนำเพื่อให้คุณปรับเปลี่ยนการนอนให้พักผ่อนได้เต็มที่และมีศักยภาพมากขึ้น
รีวิว Fitbit Alta HR แกะกล่อง Unbox
ในแพ็คเกจของ Fitbit Alta HR แกะกล่องมาถือว่าภายในค่อนข้างจะ minimal มากๆ คือจะมีเพียงแค่ตัว Fitbit Alta HR พร้อมกับสายชาร์จแบบ USB มาให้ และคู่มือการใช้งานเบื้องต้นสั้นๆ ให้มาแค่นี้เลย เริ่มมาแนะนำว่าให้ทำการเสียบชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มก่อน โดยที่ตัวชาร์จจะใช้หนีบกับด้านหลังตัวเครื่อง จากนั้นก็เอาไปเสียบชาร์จกับช่อง USB อะไรก็ได้
ตัวเครื่องของ Fitbit Alta HR ถ้าเทียบเรื่องขนาดแล้ว ถือว่าเล็กลงมาจากรุ่นก่อนๆ อย่าง Charge HR หรือ Charge 2 อย่างเห็นได้ชัด ตัวเรือนใช้วัสดุที่เป็นสแตนเลสสตีลที่มีน้ำหนักเบา แต่แข็งแรงทนทานและดูสวยงามพรีเมี่ยมกว่ารุ่นก่อนๆ ที่จะเป็นเรือนพลาสติก
ตัวสายวัสดุเป็นยางที่มีลวดลายสวยงาม ตัวล็อกสายเป็นแบบนาฬิกาจึงใส่ได้แน่นหนาไม่หลุดง่าย ความยาวของสายจะมีให้เลือกซื้อได้ 3 ขนาดด้วยกันคือ S L และ XL (XL จะมีขายเฉพาะสั่งออนไลน์จากต่างประเทศเท่านั้น) โดยที่ขนาด S จะเหมาะกับสาวๆ ข้อมือเล็ก ส่วน L จะเหมาะกับผู้ชายมากกว่า นอกจากนี้ตัวสายของ Fitbit Alta HR ยังออกแบบมาให้สามารถถอดเปลี่ยนได้อีกด้วย เพียงแค่กดตรงคลิปด้านหลังแล้วเลื่อนออกก็ถอดได้แล้ว โดยที่สายก็มีจำหน่ายแยกให้เลือกได้หลายสีหลายแบบด้วยกัน
หน้าจอของตัวเรือนจะเป็นแบบ OLED สีขาวดำที่สามารถแสดงผลเวลากลางแจ้งได้ค่อนข้างดี ตามปกติหน้าจอจะดับอยู่ เราสามารถใช้นิ้วแตะเคาะๆ ที่หน้าจอ 2 ครั้งเพื่อปลุกให้หน้าจอติด จากนั้นก็แตะเพื่อเปลี่ยนหน้าจอแสดงผลค่าต่างๆ ได้ หรือจะไปตั้งค่าให้มันแสดงผลเมื่อเรายกข้อมือขึ้นมาดูก็ได้ จึงทำให้การออกแบบตัวเรือน Fitbit Alta HR ไม่มีปุ่มใดๆ บนตัวเครื่องเลย
ที่ด้านหลังของตัวเรือนจะมีช่องสำหรับเสียบกับสายชาร์จเพื่อชาร์จแบตเตอรี่ ที่จะใช้เป็นแบบลิเธี่ยมโพลิเมอร์ ใช้เวลาในการชาร์จจนเต็ม 100% ประมาณ 2 ชั่วโมง และการชาร์จแต่ละครั้งจะสามารถใช้งานต่อเนื่องได้นานสูงสุดถึง 7 วัน และจะมี PurePulse เซนเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ เทคโนโลยีที่ Fitbit พัฒนาขึ้นมาให้สามารถตรวจวัด HR ของผู้ใช้ได้ตลอดทั้งเวลา 24 ชั่วโมง
Fitbit Alta HR ยังมีคุณสมบัติในการกันน้ำได้ด้วย แต่จะอยู่ในระดับที่ป้องกันละอองน้ำ, ฝน, เหงื่อ ฯลฯ ใช้สำหรับใส่ออกกำลังกายหรืออาบน้ำได้ แต่ไม่สามารถถึงขั้นใส่ลงไปเล่นกีฬาในน้ำหรือว่ายน้ำได้
เชื่อมต่อกับแอพพลิเคชั่นในสมาร์ทโฟน
Fitbit Alta HR ในตัวเองนั้นมีหน่วยความจำที่สามารถเก็บข้อมูลกิจกรรมของผู้ใช้ได้นานสูงสุดถึง 30 วัน โดยที่เราจะต้องใช้งานควบคู่กับแอพพลิเคชั่น Fitbit บนสมาร์ทโฟน ที่มีรองรับทั้งระบบ iOS และ Android ให้เราทำการดาวน์โหลดแอพมาติดตั้ง จากนั้นก็ทำการเชื่อมต่อ Fitbit Alta HR กับสมาร์ทโฟนผ่านทาง Bluetooth เมื่อทำการลงทะเบียนอุปกรณ์เข้ากับบัญชีของเราเรียบร้อยแล้ว จากนี้ข้อมูลในการเคลื่อนไหวในแต่ละวันของเรา ก็จะถูกส่งเข้ามาในแอพเพื่อที่จะนำไปจัดเก็บเป็นสถิติและวิเคราะห์ให้เราได้แล้ว
ตรวจจับการเคลื่อนไหวตลอดทั้งวันทั้งคืน 24 ชั่วโมง
ในตัวของ Fitbit Alta HR จะมีเซนเซอร์หลายตัวที่จะเก็บข้อมูลการเคลื่อนไหวของเรา เพื่อนับจำนวนและนำไปวิเคราะห์กับระบบ โดยสิ่งต่างๆ ที่มันเก็บให้เราได้จะมี
- Step จำนวนก้าวเดินในแต่ละวัน จากผลการวิจัยแนะนำให้คนเราควรจะเดินอย่างน้อยวันละ 10,000 ก้าว จะช่วยให้ร่างกายได้มีการออกกำลังกายในระดับที่ช่วยให้มีสุขภาพที่แข็งแรงได้
- ระยะทาง จะเป็นการคำนวนโดยการประเมินจากจำนวนก้าวเดินของเรา
- พลังงานที่เผาผลาญ จะเป็นการคำนวนการเผาผลาญพลังงานในแต่ละวันของเรา โดยนับจากระบบเมตาโบลิซึ่ม ที่ร่างกายคนเราเผาผลาญอยู่ตลอดเวลาไม่ว่าจะเป็นตอนนั่งเฉยๆ หรือนอนหลับ (ที่จะแตกต่างกันไปตามช่วงอายุ, เพศ, น้ำหนัก ส่วนสูง) รวมกับการเผาผลาญที่ได้จากกการเดินและการออกกำลังกายในแต่ละวัน
- Active Minutes นับช่วงเวลาที่เราได้ออกกำลังกายในแต่ละวัน เราสามารถตั้งเป้าได้ ส่วนตัวเลขเวลาที่แนะนำให้เราควรออกกำลังกายในแต่ละวันนั้น อย่างน้อยควรจะไม่น้อยกว่า 30 นาที และออกกำลังกายให้ได้ตามเป้าอย่างน้อย 5 วันต่อ 1 สัปดาห์
- การเคลื่อนไหวทุกชั่วโมง เราสามารถตั้งเป้าช่วงเวลาระหว่างวัน แนะนำให้ตั้งในช่วงของเวลาการทำงาน ถ้าหากระหว่างวันเรานั่งทำงานต่อเนื่องเป็นเวลานานเกินกว่า 1 ชั่วโมง Fitbit Alta HR จะทำการสั่นเพื่อแจ้งเตือนให้เราลุกขึ้นเพื่อขยับร่างกายหรือเดินเพื่อเคลื่อนไหว เป็นการช่วยป้องกันไม่ให้มีอาการ ออฟฟิศซินโดรม ที่มีสาเหตุมาจากการนั่งทำงานต่อเนื่องเป็นเวลานาน
- น้ำหนักตัว เราสามารถบันทึกน้ำหนักร่างกายของเราในแต่ละวัน จะใช้เป็นวิธีชั่งแล้วพิมพ์เก็บข้อมูลเอง หรือจะเชื่อมต่อกับอุปกรณ์พวกตาชั่งอิเล็คทรอนิกส์ของ Fitbit ก็ได้
- อาหารและน้ำที่ทานในแต่ละวัน ใช้สำหรับจดบันทึกอาหารสำหรับคนที่ต้องการควบคุมน้ำหนักและนับแคลอรี่ของอาหารที่ทานในแต่ละวัน รวมถึงปริมาณน้ำที่ทานในแต่ละวัน
- Resting Heart rate ด้วยความสามารถที่ Fitbit Alta HR เก็บค่าอัตราการเต้นของหัวใจได้ตลอดเวลา ค่า Resting HR ที่จะบอกได้ว่าช่วงอัตราการเต้นของหัวใจในเวลาที่พักผ่อนนั้นอยู่ที่เท่าไร
- Cardio Fitness เป็นการคำนวนค่า VO2 Max ที่เป็นอัตราความสามารถของร่างกายที่เก็บเอาออกซิเจนระหว่างที่ออกกำลังกายได้ดีขนาดไหน โดยระบบจะประเมินในช่วงที่เราออกกำลังกาย มาวัดเป็นคะแนนตามช่วงอายุ ว่าเกณฑ์ความฟิตร่างกายของเรานั้นอยู่ในระดับไหน
- Heart rate in zone เป็นการนับรวมช่วงการออกกำลังกายในโซนต่างๆ ที่จะแบ่งเป็น 3 โซนคือ Fatburn ที่จะมีผลในเรื่องการออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนัก Cardio การออกกำลังกายเพื่อพัฒนากล้ามเนื้อ และ Peak คือโซนที่ออกกำลังกายจนร่างกายเริ่มรับภาระระดับหนัก โดยจัดรวมประเมินให้ดูได้เป็นแบบรายวันและรายเดือน ให้เรารู้ได้ว่าช่วงที่ผ่านมาเราออกกำลังกายแล้วได้ผลด้านใดในระดับไหน
รีวิว Fitbit Alta HR กับการออกกำลังกาย
ตัวของ Fitbit Alta HR มีระบบในการเก็บข้อมูลกิจกรรมการออกกำลังกายแบบอัตโนมัติ ที่เรียกว่า SmartTrack ทำหน้าที่เก็บข้อมูลการกิจกรรมออกกำลังกายให้อัตโนมัติ เมื่อเรามีการออกกำลังกาย อาทิ เดิน วิ่ง ปั่นจักรยาน หรือเล่นฟิตเนส ต่อเนื่องนานเกิน 15 นาที ระบบจะสร้าง Log กิจกรรมนั้นให้ทันที พร้อมเก็บค่าการเคลื่อนไหวและแคลลอรี่ที่เผาผลาญระหว่างเล่นกิจกรรมนั้นให้ทันที
หรือถ้าอยากจะเก็บข้อมูลออกกำลังกายที่ละเอียดมากขึ้น ก็สามารถเข้าไปที่แอพ Fitbit แล้วสั่งบันทึกกิจกรรมเองก็ได้ โดยที่ระบบจะเก็บข้อมูล GPS เพื่อเก็บเส้นทางในการเดินหรือวิ่งให้เราได้ด้วย
Sleep Stages เก็บข้อมูลการหลับได้ละเอียดยิ่งกว่าเดิม
ฟีเจอร์ในเรื่องของการเก็บข้อมูลการนอนของ Fitbit Alta HR ถือว่าเป็นการพัฒนาและทำได้ดีขึ้นจากรุ่นก่อนหน้านี้มาก จุดเด่นที่ Fitbit ทำได้ดีอย่างแรกคือสามารถบันทึกการนอนให้อัตโนมัติ ไม่จำเป็นต้องกดเริ่มบันทึกหรือกดหยุดบันทึกในเวลาที่ตื่น จากนั้นมันจะเก็บระดับช่วงเวลาการนอนของเรา โดยแบ่งเป็น phase ได้ถึง 4 ระดับ จากแต่ก่อนเก็บได้เพียงแค่ 3 ระดับ โดยใน Fitbit Alta HR จะแยกระดับในการนอนออกเป็นช่วงต่างๆ ดังนี้
- Awake คือช่วงที่เราตื่น ที่นับตั้งแต่ช่วงกำลังจะหลับ, ตื่นขึ้นมากลางดึก และตอนที่ตื่นตอนเช้า
- REM เป็นช่วงการหลับที่สมองของเรายังคงทำงาน จะเรียกช่วงนี้ว่า “หลับฝัน” ก็ได้ ซึ่งถ้าหากเราตื่นนอนขึ้นมาระหว่างที่อยู่ในช่วง REM เราจะสามารถจำเรื่องราวที่ฝั่นอยู่ได้
- Light ช่วงการหลับตื้น การหลับในช่วงนี้ร่างกายจะได้รับการพักผ่อนได้ดีที่สุด โดยถ้าหากเราตื่นในช่วงนี้ ร่างกายก็จะรู้สึกสดชื่นที่สุด
- Deep ช่วงของการหลับลึก จะเรียกว่าหลับสนิทเลยก็ได้ โดยที่การหลับในตอนนี้ ระบบประสาทสัมผัสต่างๆ ในร่างกายจะทำงานน้อยลง ซึ่งถ้าหากเราตื่นขึ้นมาในระหว่างที่กำลังหลับลึก ร่างกายอาจจะรู้สึกอ่อนเพลียได้
ถ้าดูจากกราฟที่ Fitbit Alta HR ประเมินได้ จะเห็นได้ว่ามีการเก็บข้อมูลและนำมาวิเคราะห์ให้อย่างละเอียด พร้อมทั้งสรุปเวลาในการนอนในแต่ละวัน มาประเมินค่าเฉลี่ยสรุปให้เห็นว่าเราพักผ่อนเพียงพอหรือไม่ ไม่ใช่แค่ว่าจำนวนชั่วโมงการนอน แต่ดูได้ว่าเราหลับใน PHASE ไหนมากที่สุด
ทางการแพทย์มีการแนะนำว่า ปริมาณชั่วโมงการนอนหลับที่เหมาะที่สุดสำหรับคนไทยอยู่ที่ 7-8 ชั่วโมง โดยช่วงเวลาที่เหมาะในการเข้านอนมากที่สุดคือช่วย 4 ทุ่ม เพราะว่าในช่วงเวลาตอนเที่ยงคืนถึงตี 2 มนุษย์จะสามารถพักผ่อนแล้วฟื้นฟูร่างกายได้ดีที่สุดในช่วงนี้ เมื่อเรานอนก่อนแล้วมาอยู่ในช่วงหลับตื้นตอนเที่ยงคืน–ตี 2 นี้ ก็จะทำให้การนอนของเรามีผลต่อร่างกายได้ดีที่สุด
Sleep Insight บอกได้ว่าคุณต้องปรับพฤติกรรมการนอนอย่างไร
อีกสิ่งที่เพิ่มเติมขึ้นมาใน Fitbit Alta HR ก็คือการให้คำแนะนำในการปรับเปลี่ยพฤติกรรมการนอนของเรา เมื่อเราใช้งานไปสักพัก ระบบจะเอาข้อมูลทั้งช่วงเวลาการนอน, ปริมาณที่หลับ มาคิดและแจ้งเตือนว่า เราจะต้องปรับเปลี่ยนการนอนอย่างไร เช่น ควรจะต้องเข้านอนให้เร็วขึ้นกว่าเดิมหรือไม่ เพื่อควบคุมพฤติกรรมการนอนของเราให้อยู่ในช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด โดยที่ Sleep Insights จะเป็นคำแนะนำอยู่ในหัวข้อ Sleep (ตอนนี้มีเป็นภาษาอังกฤษอย่างเดียว)
ฟีเจอร์อื่นๆ ที่ Fitbit Alta HR สามารถทำได้
นอกจากจะเอาไว้ใช้สวมใส่เพื่อเก็บข้อมูลด้านสุขภาพแล้ว Fitbit Alta HR ยังใช้งานควบคู่กับสมาร์ทโฟนของเรา เพื่อใช้ในการแจ้งเตือนต่างๆ มายังที่ข้อมือของเราด้วยการสั่นและแสดงผลบนหน้าจอ OLED โดยมันจะสามารถเตือนในเวลาที่มีสายโทรเข้ามา (พร้อมแสดงหมายเลขที่โทรเข้า), SMS (ยังไม่รองรับภาษาไทย), ตารางนัดหมายในปฎิทิน ฯลฯ และยังตั้งเวลาปลุกให้สั่นเตือนได้อีกด้วย
Fitbit Alta HR เหมาะสำหรับใคร?
การพัฒนาตัวอุปกรณ์ของ Fitbit จนมาเป็นรุ่น Alta HR ถือว่ามีความลงตัวในหลายๆ ด้าน ตั้งแต่รูปแบบการดีไซน์ที่สวยงาม ขนาดที่เล็กลงและดูเข้ากับไลฟ์สไตล์ของผู้สวมใส่ในแต่ละวัน ไม่ดูเป็น gadget จนเกินไป รวมถึงความเป็นแฟชั่นที่เลือกถอดเปลี่ยนสายรูปแบบต่างๆ ได้ตามที่เราต้องการได้ ตัวเรือนมีขนาดที่เบาในระดับที่ใส่แล้วไม่รู้สึกรำคาญ และใส่นอนได้สบายๆ
ข้อมูลการออกกำลังกายในแต่ละวัน ทำได้ทั้งแบบอัตโนมัติหรือจะเลือกบันทึกเองก็ได้ และการเพิ่มการวิเคราะห์ VO2 Max ก็ถือเป็นฟีเจอร์ที่ดีมาก เพราะช่วยให้เรารู้ได้ว่า ตอนนี้ความฟิตของร่างกายในการเล่นกีฬานั้น พร้อมมากน้อยขนาดไหน เพื่อที่จะได้เพิ่มลดหรือปรับแผนการฝึกฝนหรือออกกำลังกายได้ดีขึ้น
เรื่องความแม่นยำในการเก็บข้อมูล Fitbit นั้นพัฒนาจนสามารถเก็บได้ใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากที่สุด ไม่โดดเว่อร์เกินความจริง ทั้งเรื่องของก้าวเดินและการนอน โดยเฉพาะการนอนที่เพิ่มความละเอียดของ PHASE การหลับมาเป็น 4 ขั้น ถือว่าช่วยให้วิเคราะห์พฤติกรรมการนอนได้ดีขึ้นมาก
ถือว่าเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยให้คุณรู้ถึงประสิทธิภาพและความฟิตของร่างกายได้แบบละเอียด อาจจะไม่เน้นหนักเรื่องของการออกกำลังกายและการฝึกฝนมากนัก แต่หัวใจที่สำคัญที่จะทำให้ร่างกายและสุขภาพของเราแข็งแรง การเล่นกีฬามากๆ ปั่นจักรยานหลายร้อยกิโล หรือโหมวิ่งเพียงอย่างเอาเป็นเอาตาย บางครั้งก็อาจจะเกิดโทษกับร่างกายมากกว่าจะได้สุขภาพที่ดี และการนอนหลับพักผ่อนที่หลายคนมองข้ามไป จริงๆ แล้วคืออีกหัวใจหลักที่จะทำให้ร่างกายของเราสามารถฟื้นฟูพลัง เพื่อใช้ในกิจกรรมต่างๆ ในวันใหม่ได้อย่างเต็มที่ รวมถึงเป็นการให้ร่างกายภายในของเราซ่อมแซมตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ การนอนจึงเป็นเรื่องที่เราต้องคำนึงพอๆ กับการออกกำลังกายเลยทีเดียว
ตอนนี้ Fitbit Alta HR เริ่มวางจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการแล้ว โดย Fitbit Alta HR ราคา 7,490 บาท มีสีของสายให้เลือก 4 สีด้วยกันคือ สีดำ, สีฟ้าเทา, สีส้มคอรัล และสีชมพูฟิวเซีย และจะมีอุปกรณ์เสริมเป็นสายแบบคลาสิค, สายหนังพรีเมี่ยม และกำไลข้อมือดีไซน์พิเศษออกมาเพิ่มเติมในอนาคต