เราน่าจะคุ้นเคยกับแนวคิดการทำนายอาชญากรรมและหยุดผู้ต้องสงสัยก่อนลงมือกันอย่างดีจากภาพยนตร์และซีรี่ส์ Minority Report ล่าสุดประเทศจีนได้เริ่มทดสอบแนวคิดลักษณะเดียวกันแล้ว โดยเป็นการใช้ AI เข้ามาทำนายแนวโน้มการก่ออาชญากรรม
รายงานจาก Financial Times ระบุว่าตำรวจจีนได้ร่วมมือกับบริษัท Cloud Walk ในการทดสอบระบบ AI ที่เป็นการรวมการทำงานระหว่างระบบรู้จำใบหน้า การติดตามการเคลื่อนไหว และการติดตามพฤติกรรมต่างๆ ซึ่งระบบดังกล่าวจะนำเอาข้อมูลการไปยังสถานที่ต่างๆ ของเป้าหมายมาประมวลผล และหาคำนวนว่าจะมีโอกาสก่ออาชญากรรมใดๆ หรือไม่
ยกตัวอย่างเช่นระบบติดตามคนคนหนึ่ง แล้วพบว่าคนคนนี้ได้ไปซื้อมีดเล่มหนึ่งซึ่งอาจจะดูปกติทั่วไป แต่ถ้าระบบพบว่าคนเดิมยังคงไปซื้อกระสอบและฆ้อนเพิ่มด้วย ก็มีโอกาสว่าคนคนนั้นจะนำเอามีดไปทำอะไรบางอย่างที่ไม่ใช่ทำอาหารเสียแล้ว ระบบก็จะแจ้งเตือนเจ้าหน้าที่ขึ้นมา
นอกจากนี้ระบบดังกล่าวยังสามารถใช้ติดตามพฤติกรรมรายบุคคลได้ด้วยผ่านเครือข่ายกล้องวงจรปิดกว่า 176 ล้านตัว (และยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ) ซึ่งระบบจะสามารถแจ้งเตือนไปยังเจ้าหน้าที่ไหน เมื่อบุคคลต้องสงสัยเข้าไปยังเขตหวงห้ามต่างๆ (เช่นห้ามบุคคลบางกลุ่มเข้าใกล้เขตโรงเรียนเกิน 100 เมตร)
จริงๆ แล้วระบบการทำนายอาชญากรรมล่วงหน้านั้นมีใช้กันมานานแล้ว เช่นระบบ KeyCrime ที่ใช้อยู่ในมิลาน หรือ PredPol ที่ใช้อยู่ในกรมตำรวจกว่า 20 กรมในสหรัฐอเมริกา แต่ระบบที่จีนพัฒนาขึ้นนี้สามารถเจาะจงระบุไปที่ตัวบุคคลได้ ในขณะที่ระบบอื่นสามารถระบุได้แค่แนวโน้มกว้างๆ เท่านั้น
นอกจากความร่วมมือกับ Cloud Walk แล้ว รัฐบาลจีนยังร่วมมือกับ UniView เพื่อทำระบบติดตามการเดินทางระหว่างประเทศด้วย โดยระบบจะระบุตัวบุคคลต้องสงสัยที่เดินทางไปยังประเทศที่การเมืองอ่อนไหวบ่อยๆ เช่นพม่าหรือเวียดนาม และนอกจากนี้รัฐบาลจีนยังเตรียมลงทุนด้วยเม็ดเงินสูงถึง 150,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 5 ล้านล้าน บาท ภายในปี 2030 ในการพัฒนาระบบ AI สำหรับการสอดแนมประชาชนเพิ่มเดิม
อ้างอิง – Mashable