VR และ AR Headset อาจจะอาจใช้เติบโตอย่างเชื่องช้ากว่าที่หลายคนคาดหวัง
แต่นักลงทุนยังคงทุ่มเงินเข้าสู่ธุรกิจที่เพิ่งเริ่มต้นแบบนี้
เพื่อเปลี่ยนแปลงวิธีที่ผู้บริโภคจะสามารถโต้ตอบกับโลกดิจิทัล
Leap Motion เป็นบริษัทที่ทำด้าน hand-tracking ที่ตั้งอยู่ในซานฟรานซิสโก
ล่าสุดสามารถระดมเงินทุนจำนวน 50 ล้านเหรียญใน series c โดยมี J.P. Morgan Asset Management เป็นผู้ดูแล
จนบริษัทสตาร์ทอัพแห่งนี้มีเม็ดเงินในมือสูงถึง 95 ล้านเหรียญในตอนนี้
ผู้สนับสนุนเงินลงทุนในครั้งนี้เกิดจากการร่วมทุนของบริษัทชั้นนำใน Silicon Valley
ได้แก่ Andreessen Horowitz และ Funders Founders ซึ่งมีการพัฒนาเทคโนโลยี hand-tracking มาเป็นเวลานานเพื่อทดแทนเมาส์และคีย์บอร์ด
ที่ผ่านมาบริษัทอายุเจ็ดปีแห่งนี้ พยายามที่จะค้นคว้าเทคโนโลยีที่ใช้ในการแก้ปัญหา
hand-tracking แบบสามมิติดูเหมือนจะไม่เหมาะสำหรับการโต้ตอบกับวัตถุที่ฉายบน desktop แบบ 2D
แต่ด้วยเทคโนโลยีของ AV /AR ทำให้ Leap Motion มุ่งสู่การปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับคอมพิวเตอร์
บนแพลตฟอร์มที่ยังไม่มีใครเข้าใจได้จริงๆ
การรวบรวมข้อมูลจากการใช้งานของมนุษย์ผ่าน VR / AR Headset นับเป็นความท้าทายอย่างมากสำหรับผู้ผลิตฮาร์ดแวร์
และ Leap Motion ก็ได้รับความสนใจจากผู้ผลิตแม้ว่าจะมีความซับซ้อนของแพลตฟอร์ม
เพราะสร้างแบบจำลองโครงร่างเสมือนของมือ จะใช้การคำนวณคอมพิวเตอร์เพื่อปรับปรุงตำแหน่งของผู้ใช้
ที่ผ่านมาบริษัท VR ที่มุ่งเน้นการเล่นเกมเช่น HTC, Sony และ Facebook Oculus ได้เลือกใช้คอนโทรลเลอร์แบบพกพาแบบดั้งเดิมกับฮาร์ดแวร์รุ่นปัจจุบัน
แต่ Oculus ได้แสดงให้เห็นว่ากำลังทดลองกับตัวควบคุมแบบถุงมือ และบริษัทที่อยู่เบื้องหลังชุดหูฟัง AR เช่น HoloLens, Meta และ Magic Leap
ล้วนจะเริ่มต้นด้วยเทคโนโลยี hand-tracking แม้ว่าแต่ละคนดูเหมือนจะสร้างโซลูชันของตนเอง
แต่ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จที่โดดเด่นที่สุด คือ Qualcomm ที่ออกแบบชุดหูฟังสำหรับ OEM
เป้าหมายของบริษัทคือเข้าสู่ตลาดของผู้บริโภค ในโพสต์บล็อกที่ประกาศเงินทุนลงวันนี้
บริษัทออกมาแถลงรายละเอียดว่า กำลังมองหาโอกาสในขยายตัวเพื่อการประยุกต์ใช้ในเชิงพาณิชย์ และองค์กร
รวมทั้งการศึกษาการดูแลสุขภาพ และการจำลองการฝึกอบรมอุตสาหกรรม
โดยบริษัทประกาศว่าจะเปิดสำนักงานแห่งใหม่ในเซี่ยงไฮ้
ความเห็นของทีมข่าวล้ำหน้าโชว์
การมองเห้นแบบ 360 องศากำลังจะกลายเป็นเรื่องที่พบได้ทั่วไป
เป้าหมายของเทคโนโลยนี่ในระยะเวลาอันใกล้คือความจริงเสมืนที่เราสัมผัสได้นั่นล่ะครับ
ที่มา : https://techcrunch.com/