หัวเว่ย (Huawei) เผยข้อมูลผลประกอบการธุรกิจสมาร์ทโฟนในประเทศไทย ครึ่งปีแรกของปี 2017 เมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันปีที่แล้ว จำนวนเครื่องที่ขายได้เพิ่มขึ้นกว่า 8 เท่า และเพิ่มขึ้น 5 เท่าในเชิงมูลค่า ครองส่วนแบ่งการตลาดในไทยขึ้นมาเป็น 2 หลัก ที่ 10.7%
หัวเว่ย มียอดขายสมาร์ทโฟนทั่วโลกกว่า 73 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้น 20.6%
คุณทศพร นิษฐานนท์ รองผู้อำนวยการ หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป (ประเทศไทย) ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับความสำเร็จของหัวเว่ยในครึ่งปแรกที่ผ่านมา ผลประกอบการในครึ่งปีแรกของปี 2560 ของ หัวเว่ย ยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ในตลาดโลกหัวเว่ยมียอดขายสมาร์มโฟนถึง 73 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้น 20.6% สำหรับยอดขายในไทยเองก็มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดถึง 8 เท่าในเชิงจำนวนเครื่อง และเพิ่มขึ้นถึง 5 เท่าในเชิงมูลค่า ส่วนแบ่งการตลาดในไทยจากเดิมเมื่อช่วงเดือน พ.ค. 2559 มีอยู่ 1.2% ได้เพิ่มขึ้นมาเป็น 10.7%
ทางหัวเว่ยเผยถึงปัจจัยที่ทำให้แบรนด์สามารถเติบโตในไทยอย่างต่อเนื่องได้ ด้วยยุทธศาสตร์สำคัญ 4 อย่างด้วยกันคือ
- พัฒนาผลิตภัณฑ์ หัวเว่ยให้ความสำคัญในการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ในสินค้า มีการตั้งศุนย์วิจัยและพัฒนา (R&D) ถึง 15 แห่งทั่วโลก มีศูนย์พัฒนานวัตกรรมร่วม (Joint Innovation Centers) 36 แห่งทั่วโลก ใช้งบลงทุนประมาณ 10% ของยอดขายในแต่ละปีมาพัฒนา ตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่าน หัวเว่ยใช้เงินลงทุนในด้านวิจัยและพัฒนาไปแล้วมากกว่า 45,000 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ
- ขยายช่องทางจัดจำหน่าย ปัจจุบัน หัวเว่ยมี Retail Shop มากกว่า 42,300 แห่งทั่วโลก สำหรับประเทศไทยตอนนี้มี หัวเว่ยแบรนด์ช็อป 41 แห่งทั่วประเทศ และยังเร่งขยายเพิ่มขึ้นต่อไป
- สร้างแบรนด์ จะเห็นได้ว่าหลายปีที่ผ่านมา หัวเว่ยให้ความสำคัญกับการสร้างแบรนด์มาก มีการจับมือร่วมกับแบรนด์ดังๆ ทั้ง Leica, Porche Design, Pantone ปัจจุบัน หัวเว่ยได้รับการจัดอันดับอยู่ที่ 83 ของ Fortune 500, อันดับที่ 88 ของ Forbe และ อันดับที่ 72 บน Interbrand
- ยกระดับบริการหลังการขาย ในไทยตอนนี้มีศูนย์บริการแล้วทั้งหมด 14 แห่ง และมีจุดรับเครื่องเพื่อส่งซ่อมกว่า 1,000 แห่งทั่วประเทศ และมีการบริการพิเศษทั้ง Diamond Service ที่ประกันเวลาการซ่อม เกินกำหนดเปลี่ยนเครื่องใหม่ให้ทันที และ Door to Door Service ที่เจ้าหน้าที่ของหัวเว่ยไปรับเครื่องซ่อมถึงที่
ไทยได้ขึ้นเป็น Tier 1 เป้าหมายตั้งเป้า โตขึ้น 3 เท่าจากปีที่แล้ว ขึ้นเป็นอันดับ 2 ในประเทศไทย
ในปีที่ผ่านมา ตลาดสมาร์ทโฟนในประเทศไทย หัวเว่ยเติบโตและได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีในฝั่งของกลุ่มพรีเมี่ยม (ราคาตั้งแต่ 15,000 บาทขึ้นไป) ซึ่งตอนนี้ทาง หัวเว่ย ได้ให้ความสำคัญกับตลาดในประเทศไทยเป็นระดับ Tier 1 ที่จะทำให้ได้รับการสนับสนุนทั้งด้านการทำการตลาด การเปิดตัวสินค้าเป็นกลุ่มแรกๆ พร้อมทั้งการเปิดศูนย์พัฒนาต่างๆ ในประเทศ เพื่อช่วยผลักดันตลาดในประเทศไทยให้เติบโตยิ่งขึ้นกว่าเดิม ล่าสุดก็ได้เปิดศูนย์ Open Lab ในประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เป้าหมายของหัวเว่ยในประเทศไทย ปี 2560 นี้ คาดว่าจะเติบโตขึ้น 3 เท่าเมื่อเทียบจากปีที่แล้ว ปัจจุบันตอนนี้หัวเว่ยเป็นอันดับที่ 3 ในไทย และตั้งใจที่จะขึ้นสู่อันดับ 2 ให้ได้ภายในปีนี้
ตอบคำถามเกี่ยวกับกรณี UFS และ ข่าวการลดความสำคัญสินค้ากลุ่มตลาดล่าง
ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ตามที่ทราบกันว่าทางหัวเว่ยมีประสบกับเรื่องร้องเรียนกรณี UFS ในการแถลงข่าวครั้งนี้ได้มีผู้สื่อข่าวสอบถามกับทางหัวเว่ยถึงผลกระทบ ซึ่งทางหัวเว่ยเองก็ยืนยันว่า สำหรับในประเทศไทยนั้นเป็นการเข้าใจคลาดเคลื่อนและทางหัวเว่ยไม่เคยโฆษณาในประเด็นของ UFS ซึ่งเรื่องนี้ถ้าพูดถึงผลกระทบนั้น มีบ้างเพียงระยะสั้น ซึ่งปัจจุบันความเชื่อมั่นต่างๆ กลับมาเป็นปกติแล้ว
อีกกรณีกับข่าวจากต่างประเทศที่ทาง CEO ของทางหัวเว่ยได้ให้สัมภาษณ์ว่า จะลดความสำคัญของสินค้าในกลุ่มตลาดล่างลง ทางหัวเว่ย (ประเทศไทย) ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า เชื่อว่าการให้สัมภาษณ์นี้เป็นความเห็นของ CEO ในตลาดบางประเทศไม่ได้หมายถึงระดับ Global เพราะว่าในประเทศไทยเอง สมาร์ทโฟนของ Huawei ในตระกูล Y Series ก็ได้รับการตอบรับและทำตลาดได้ดี และทางหัวเว่ยประเทศไทยตอนนี้ก็ยังยืนยันว่า ยังคงให้ความสำคัญกับสมาร์ทโฟนกลุ่มตลาดล่างเหมือนเดิม ส่วนตลาดพรีเมี่ยมก็จะยังเพิ่มเสริมความแข็งแกร่ง โดยในช่วงไตรมาสที่ 4 นี้จะมีสมาร์ทโฟนในตระกูล Mate Series เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยอย่างแน่นอน
สามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมของ หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป (ประเทศไทย ได้ที่: http://consumer.huawei.com/th, Facebook : HuaweiMobileTH, LINE: HuaweiMobileThailand, IG: Huawei.TH