เปิดตัวอย่างเป็นทางการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับไอโฟนรุ่นใหม่ รุ่นพิเศษในโอกาสฉลองครบรอบ 10 ปี ที่ไอโฟนออกมาพลิกโฉมโลกของสมาร์ทโฟน กับรุ่นที่ใช้ชื่อว่า iPhone X (ไอโฟน เท็น) ที่หน้าตานั้นทุกคนอาจจะไม่รู้สึกตื่นเต้นมากนัก เพราะเห็นจากภาพหลุดก่อนหน้านี้มาสักพักใหญ่ๆ แล้ว แต่หลังจากเปิดตัวแล้ว เราจะมาสรุปทุกอย่างที่คุณต้องรู้ กับไอโฟน เทน รุ่นใหม่ตัวนี้ ว่ามีนวัตกรรมใหม่อะไรที่น่าตื่นตาตื่นใจ และที่สำคัญคือ ราค และวันวางจำหน่าย
https://youtu.be/mW6hFttt_KE
https://www.youtube.com/watch?v=K4wEI5zhHB0
iPhone X จอ OLED เป็นครั้งแรก ฉีกรูปลักษณ์การออกแบบที่ต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
เป็นครั้งแรกที่ Apple เปลี่ยนมาใช้หน้าจอแบบ OLED เป็นครั้งแรก โดย Apple เรียกจอว่า “Super Retina Display” กับ ขนาดหน้าจอ 5.8 นิ้ว ที่ไร้ขอบเต็มพื้นที่ด้านหน้าของเครื่อง เว้นไว้เฉพาะด้านบนที่สำหรับเซนเซอร์, กล้อง ไมโครโฟนและลำโพง ความละเอียดหน้าจอ 2436 x 1125 พิกเซล (458ppi) ถือว่าเป็นหน้าจอที่มีความละเอียดมากที่สุดเท่าที่ Apple เคยใช้ใน iPhone
หน้าจอ Super Retina Display ที่เป็นเทคโนโลยี OLED นี้ ยังเป็นจอที่รองรับการแสดงผลแบบ HDR, Dolby Vision, HDR10 ความเปรียบต่างของภาพ (Contrast = 1,000,000 : 1) และการแสดงผล True Tone ที่คมชัดสมจริง
ตัวเครื่องนั้นเฟรมของเครื่องเป็นอลูมิเนียมขัดเงาแบบโค้งมน รับกับหน้าจอที่โค้งไร้ขอบอย่างสวยงาม ส่วนด้านหลังก็เป็นวัสดุกระจก นอกจากนี้ตัวเครื่องก็ยังประกอบมาในมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่นได้เหมือนกับใน iPhone 7 และ iPhone 7 Plus
ไม่มีแล้วปุ่ม Home เปลี่ยนวิธีการใช้งานใหม่ด้วยการ Gesture
การออกแบบให้หน้าจอเต็มพื้นที่ด้านหน้า ทำให้ iPhone X เอาปุ่มโฮมที่มีมาตั้งแต่รุ่นแรกออกไป และเปลี่ยนรูปแบบการใช้งานใหม่ ด้วยการกวาดนิ้วจากด้านล่างของจอขึ้นมา แทนการกดปุ่มโฮม และการเลื่อนค้างไว้ก็สามารถใช้แทนการเลือกแอพต่างๆ ที่เปิดไว้ ส่วนการเรียกใช้งาน Siri ก็เปลี่ยนไปใช้ด้วยปุ่ม Power ด้านข้างแทน
Face ID การสแกนใบหน้า
คราวนี้เมื่อไม่มีปุ่มโฮม หลายคนอาจจะสงสัยว่าแล้วแบบนี้ระบบรักษาความปลอดภัยในเครื่องอย่าง TouchID สแกนลายนิ้วมือจะไปอยู่ที่ไหน ตอนแรกข่าวลือบอกว่าจะเป็นการสแกนจากบนหน้าจอ แต่สุดท้ายเมื่อเปิดตัว Apple ได้นำเสนอเทคโนโลยียืนยันตัวบุคคลแบบใหม่ที่เรียกว่า FaceID ที่เป็นการสแกนใบหน้ามาใช้แทน
การสแกนใบหน้านั้น มีการใช้เซนเซอร์หลายอย่างเข้าช่วยกันเพื่อให้สามารถเก็บรายละเอียดของใบหน้าได้อย่างแม่นยำ เพราะไม่ใช่แค่กล้องสแกนใบหน้า แต่ยังใช้เซนเซอร์อินฟราเรด ทำงานคู่กับ Flood illuminator และ Dot projector เพื่อสแกนใบหน้าของผู้ใช้ให้เป็นแบบ 3 มิติ
และยังทำงานควบคู่กับระบบ Machine learning ที่จดจำใบหน้าของผู้ใช้ ไม่ว่าจะเป็นการแต่งหน้า ทรงผม ใส่หมวก ใส่แว่น หรือแม้แต่ฝาแฝด ระบบ FaceID ก็ยังสามารถจำแนกตัวบุคคลได้อย่างแม่นยำ
ตัว FaceID นั้นใช้งานในการยืนยันเพื่อปลดล็อคเครื่องได้ เพียงแค่ผู้ใช้มองที่หน้าจอ สัญลักษณ์ล็อคหน้าจอจะถูกปลดออก จากนั้นก็กวาดนิ้วที่หน้าจอเพื่อปลดล็อคได้ในทันที และ FaceID ก็ยังสามารถใช้งานกับ Apple Pay เพื่อยืนยันการชำระเงิน หรือใช้แทนรหัสในแอพต่างๆ ได้ด้วย
ขุมพลังภายในรุ่นใหม่ A11 Bionic Neural engine แบบ 6 แกน
ชิปประมวลผลใน iPhone X นั้นจะเป็นรุ่นใหม่ A11 Bionic เหมือนกับใน iPhone 8 และ 8 Plus ที่เป็นแบบ 6 แกน แยกกันทำงานในระดับประสิทธิ 2 แกน (เร็วกว่า A10 25%) และแบบ 4 แกน ในการทำงานทั่วไป (เร็วกว่า A10 ถึง 70%) โดยจะมีต่างก็ตรงมี Neural engine ที่เพิ่มขึ้นมาเพื่อช่วยประมวลผลในส่วนของประมวลผลใบหน้าของ FaceID
Animoji เปลี่ยนหน้าอารมณ์อีโมจิด้วยหน้าของเรา
Apple เอาความสามารถในการสแกนใบหน้ามาใช้ร่วมกับตัวอีโมจิได้อย่างชาญฉลาด โดยในการสนทนา เราสามารถส่งอีโมจิด้วยสีหน้าอารมณ์ของเราเองได้อย่างอิสระ ไม่ว่าจะยิ้ม หัวเราะ โกรธ ขมวดคิ้ว ฯลฯ ตัวอีโมจิแบบที่เราเลือกก็จะเปลี่ยนหน้าตาม เลือกส่งได้ทั้งแบบเป็นสติกเกอร์ หรือจะเป็นวิดีโอเคลื่อนไหวพร้อมเสียงก็ได้ (แน่นอนว่าตอนนี้มันใช้ได้แค่เฉพาะใน iMessage เท่านั้น)
กล้องคู่ด้านหลัง 12 ล้านพิกเซล เป็นแบบ Dual OIS
การออกแบบกล้องด้านหลัง เป็นแบบคู่เหมือนใน iPhone 8 Plus แต่ว่าเปลี่ยนแนวการเรียงของกล้องเป็นแนวตั้งแทน สเปคของกล้องนั้นเหมือนกันกับ iPhone 8 Plus คือ เป็นกล้องความละเอียด 12 ล้านพิกเซล แบบกล้องคู่ (Wide f/1.8 + Tele f/2.4) โดยมีระบบป้องกันสั่นไหวแบบ OIS (Optical Image Stabilization) ทั้ง 2 กล้อง จึงทำให้สามารถถ่ายภาพในสภาพแสงน้อยได้ดีขึ้น รวมถึงการถ่ายวิดีโอมีการสั่นไหวลดน้อยลงกว่าเดิม
กล้องคู่นั้นเมื่อมีประสิทธิภาพมากขึ้น ก็สามารถทำงานได้ดีทั้งกับระบบ AR และการถ่ายภาพแบบ Portrait ที่มีความสามารถในการแยกมิติของบุคคลกับฉากหลังได้ดีกว่าเดิม และยังปรับแสงของภาพได้แบบสตูดิโอ
กล้องหน้าถ่าย Portrait Mode ได้
ถึงแม้ว่ากล้องหน้าของ ไอโฟน เทน จะไม่ได้เป็นกล้องคู่ แต่ก็สามารถถ่ายโหมด Portrait Selfie ได้ โดยอาศัยระบบกล้องและเซนเซอร์ของ FaceID มาใช้ในการประมวลผล จึงทำให้เลือกโหมด Portrait ได้เหมือนกับกล้องคู่ด้านหลัง
รองรับการชาร์จแบบไร้สาย Wireless Charging
เป็นครั้งแรกที่ Apple นำเทคโนโลยีชาร์จแบบไร้สายมาใช้กับไอโฟน โดยใช้มาตรฐาน Qi ที่ใช้กันอยู่ทั่วไปได้ทันที แต่ Apple ก็มีการนำเสนอรูปแบบของแทนชาร์จแบบใหม่ AirPower สำหรับชาร์จทั้ง iPhone X, Apple Watch รวมถึง AirPod รุ่นใหม่ที่ตัวเคสเก็บหูฟังจะรองรับระบบชาร์จไร้สาย เมื่อนำอุปกรณ์มาวางเพื่อชาร์จบนแท่น ก็จะแสดงผลที่หน้าจอของไอโฟนให้ทราบถึงปริมาณแบตเตอรี่ได้ทันที
iPhone X ราคา พร้อมวางจำหน่ายเดือนพฤศจิกายนนี้
รุ่นความจุของ ไอโฟน เท็น จะมี 2 ขนาดด้วยกันคือ 64GB และ 256GB (ไม่มีรุ่น 128GB แล้ว) ส่วนสีนั้นมีให้เลือก 2 สีคือ Silver และ Black
- iPhone X 64GB ราคา $999 หรือประมาณ 35,000 บาท
- iPhone X 256GB ราคา $1149 หรือประมาณ 38,200 บาท
ในต่างประเทศจะเริ่มให้เปิดจอง Pre-Order วันที่ 27 ตุลาคม และจะเริ่มขาย 3 พฤศจิกายน
ข้อมูลเพิ่มเติม : Apple.com