เรามักจะได้ยินโครงการรณรงค์ให้หันไปใช้ซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สแทนซอฟต์แวร์เชิงพาณิชย์อื่นๆ อยู่เสมอๆ ด้วยเหตุผลอมตะข้อหนึ่งว่ามันเป็นการลดต้นทุนด้านซอฟต์แวร์ในองค์กร
เมื่อปี 2003 เมืองมิวนิค เมืองแห่งของประเทศเยอรมนี (อดีตเมืองหลวงของประเทศบาวาเลีย) ได้ตัดสินใจย้ายระบบคอมพิวเตอร์ทั้งหมดของหน่วยงานรัฐบาลมาเป็นระบบลินิกซ์และซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สอื่นๆ ทั้งระบบ และกลายเป็นกรณีตัวอย่างที่ชุมชนโอเพนซอร์สมักยกขึ้นมาประกอบเวลาพูดถึงการย้ายระบบอยู่เสมอๆ
ผ่านไป 14 ปี ดูเหมือนว่าโครงการนี้จะไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบอย่างที่หวังเอาไว้ ล่าสุดรัฐบาลเมืองมิวนิคได้ตัดสินใจเตรียมย้ายระบบคอมพิวเตอร์ทั้งหมดกว่า 29,000 เครื่องไปเป็น Windows 10 ภายในปี 2020 นี้
ปัญหาหลักของการย้ายไปใช้ระบบลินิกซ์ที่ทางมิวนิคพบเจอนั้นคือซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์หลายๆ อย่างที่ใช้งานนั้นจำเป็นต้องทำงานบนระบบปฏิบัติการวินโดวส์เท่านั้น ทำให้รัฐบาลจำเป็นต้องมีคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานวินโดวส์รวมอยู่ด้วยจำนวนหนึ่ง ซึ่งต่อมาได้พบว่าการมีสองระบบปฏิบัติการอยู่ในระบบนั้นไม่เป็นผลดีในด้านการดูแลรักษาสักเท่าไหร่นัก จึงเป็นเหตุที่ทำให้ทางรัฐบาลจะสลับไปใช้วินโดวส์เพียงอย่างเดียว
ในปัจจุบันหน่วยงานรัฐบาลในมิวนิคได้เริ่มทดลองใช้ซอฟต์แวร์อย่าง Microsoft Office ผ่านทาง Virtual Machine กันบ้างแล้ว ทั้งนี้คาดว่างบประมาณที่ใช้ในการย้ายระบบกลับไป Windows 10 ทั้งหมดจะมีค่าใช้จ่ายราว 49.3 ล้านยูโร หรือประมาณ 1,900 ล้านบาท
อ้างอิง – Engadget