เมื่อต้นปี 2561 ที่ผ่านมา iMI แบรนด์มือถือในไทยได้มีการปรับโฉมเปลี่ยนภาพลักษณ์ใหม่ ให้ทันสมัยขึ้น พร้อมทั้งเปิดตัวฟีเจอร์โฟนและสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่สำหรับเมืองไทยหลายรุ่น ได้แก่ iMI I9, X mini, X lite และ Vin 5 ทางทีมงาน ล้ำหน้าโชว์ ได้รับ 1 ในมือถือแบบฟีเจอร์โฟนที่เปิดตัวในครั้งนี้มาทดสอบ คือรุ่น iMI X mini หลังจากที่ได้ทดสอบลองใช้ ก็ต้องบอกว่า มันเป็นฟีเจอร์โฟนที่ขยันและตั้งใจใส่ลูกเล่นอะไรเข้าไปค่อนข้างหลากหลายเลยทีเดียว
ในยุคที่คนค่อนโลกเปลี่ยนมาใช้สมาร์ทโฟนกันเกือบหมดแล้ว เราเองก็สงสัยว่ายังมีตลาดของคนที่ต้องการใช้มือถือแบบฟีเจอร์โฟนอยู่อีกหรือ? ไอมี่จึงได้ออกแบบให้ฟีเจอร์โฟนรุ่นใหม่ ไม่ใช่เพียงแค่เอาไว้เป็นมือถือสำรองที่เอาไว้โทรเพียงอย่างเดียว แต่ทำงานเป็นส่วนต่อขยายจากสมาร์ทโฟนที่ใช้กันเป็นเครื่องหลัก
Unbox | แกะกล่องที่แปลกตาไม่เหมือนใคร
มาเริ่มตั้งแต่แกะกล่องกันเลย ทางไอมี่นั้นบอกมาเลยว่า ตัวแพ็คเกจของมือถือรุ่นนี้นั้นตั้งใจทำออกมาไม่เหมือนใคร คือตัวกล่องแพ็คเกจของ iMI X mini นั้นจะถูกบรรจุมาในสิ่งที่เรียกว่า “iMI Magic Box” ที่เป็นกล่องทรงสีเหลี่ยม แกะออกมาด้านในจะเป็นกล่องกระดาษที่ใส่ตัวเครื่องและอุปกรณ์เสริมต่างๆ อยู่ด้านใน
ความน่าสนใจของตัว Magic Box นั้น ออกแบบมาให้ทำอะไรได้หลายๆ อย่าง ตั้งแต่
- เป็น Power bank ที่สามารถเก็บกระแสไฟชาร์จเก็บไว้ในตัว ผ่านช่อง Micro USB และมีพอร์ต USB-A สำหรับเอาใช้เสียบชาร์จมือถือ, สมาร์ทโฟน หรืออุปกรณ์เสริมต่างๆ ได้
- เป็นลำโพงแบบไร้สาย ให้กดปุ่ม Power ค้างไว้เพื่อเปิดระบบ pairing กับสมาร์ทโฟน เพื่อเป็นลำโพงในการเล่นเพลงให้เสียงดังขึ้น และยังมีปุ่มสำหรับควบคุมเปลี่ยนเพลงได้ที่ตัวลำโพงเลย
- เป็น Lightbox ตัวกล่องจะมีไฟสีแบบ LED ที่กดเปิดขึ้นมาแล้วจะสว่างวาบๆ แบบ breathing ได้ เลือกเปิดเป็นสีแดง, เขียว, น้ำเงิน, เขียว, เหลือง, ชมพู, สลับสี หรือเลือกเปิดสว่างเป็นโคมไฟสีขาวค้างไว้ก็ได้ อันนี้ก็เหมาะสำหรับเอาไว้วางเปิดเป็นตัวปรับบรรยากาศแสงภายในห้องได้เก๋ๆ
ปกติเวลาที่ซื้อมือถือมา กล่องแพ็คเกจส่วนใหญ่ก็โยนทิ้งเพราะเก็บไว้ก็รกบ้าน แต่อันนี้ทำมาเป็นเหมือน gadget สำหรับใช้งานร่วมกับมือถือและสมาร์ทโฟนได้น่าสนใจเลยทีเดียว
ส่องดูรอบเครื่อง / ในแพ็กเกจมีอะไรมาให้บ้าง?
คราวนี้มาดูที่ตัวโทรศัพท์กันบ้าง ในแพ็กเกจนอกจากตัวเครื่องแล้ว จะมีอุปกรณ์เสริมอื่นๆ มาให้ครบ ทั้งตัวสายชาร์จแบบ Micro USB, อแดปเตอร์ชาร์จ, และหูฟังสมอลทอล์กแบบ In-ear ที่หัวเสียบจะเป็นแบบ Micro USB พร้อมคู่มือการใช้งานเบื้องต้น, ใบรับประกันสินค้า และมีเคส TPU แบบใสแถมมาให้ด้วย
ตัวเครื่อง X mini ตัวที่เราได้มาทดสอบนี้ จะเป็นสี Scarlet Red ที่ตัวเครื่องจะเป็นสีแดง ตัดกับขอบสีทอง ตัวเครื่องด้านหน้าปุ่มกดจะเป็นระบบสัมผัส ส่วนจอแสดงผลเป็นแบบ TFT ขนาด 2.3 นิ้ว (ความละเอียด 320 x 240 พิกเซล) ขนาดเล็กจับถนัดมือ
ทั้งด้านหน้าและหลังดีไซน์เป็นกระจกขอบโค้ง กับตัวขอบเครื่องที่โค้งรับด้วยเช่นกัน ทำให้โค้งมนทั้งเครื่องไม่มีสันเหลี่ยม ที่ด้านข้างเครื่องนั้น ไม่มีปุ่มกดใดๆ จะมีเพียงปุ่ม Power อยู่ที่ด้านบนของเครื่อง และที่ด้านล่างเครื่องมีช่องเสียบ Micro USB สำหรับชาร์จไฟและเสียบหูฟัง และถาดใส่ซิม
ระบบซิมของ X mini จะรองรับการใช้งานได้ 2 ซิมขนาด NanoSIM สแตนบายได้พร้อมกัน โดยช่องซิมที่ 2 เลือกได้ว่าจะเป็นใส่ซิมหรือเพิ่มหน่วยความจำ microSD ที่รองรับได้สูงสุด 32GB
ด้านหลังตัวเครื่องเป็นกระจกเช่นกัน มีโลโก้ใหม่ของ iMI ที่เป็นเมล็ดข้าว ที่มุมเครื่องมีกล้องความละเอียด 2 ล้านพิกเซลพร้อมไฟแฟลช
สรุปสเปคเบื้องต้นของ iMI X mini
- ขนาดเครื่อง 136 x 58.5 มิลลิเมตร หนา 6.7 มิลลิเมตร
- หน้าจอขนาด 2.3 นิ้ว แบบ TFT ความละเอียด 320 x 240 พิกเวล
- หน่วยประมวลผล MediaTek MTK 6572 (รุ่น 3G) MediaTek MTK 6261 (รุ่น 2G)
- หน่วยความจำภายในเครื่อง 512MB
- รองรับ Micro SD Card สูงสุด 32GB
- RAM 256MB
- เครือข่าย : 2G, 3G
- ระบบรับส่งข้อความ SMS, MMS
- เชื่อมต่ออินเทอร์เนต 3G, GPS, EDGE
- เชื่อมต่อไร้สาย : Bluetooth
- กล้องความละเอียด 2 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลช
- แบตเตอรี่ความจุ 900 mAh
- พอร์ตเชื่อมต่อ Micro USB
- มีให้เลือก 4 สี Scarlet Red, Luxury Gold, Midnight Grey และ Metallic Silver
ฟีเจอร์เด็ดน่าสนใจใน iMI X mini
เกริ่นเรื่องพื้นฐานการใช้งานเป็นโทรศัพท์กันก่อน X mini สามารถใส่ได้ 2 ซิม แบบ Nano SIM ซึ่งจะมีให้เลือกทั้งรุ่น 2G และ 3G ปุ่มกดหมายเลขเป็นแบบสัมผัสเรียบๆ การกดคำสั่งตามสไตล์ฟีเจอร์โฟน ที่จะมีปุ่มเมนู 2 ปุ่มใต้จอ, ปุ่ม 4 ทิศทาง ที่เอาไว้เป็นเมนูลัดเรียกกล้อง, บันทึกสั้น, เชื่อมต่อบลูทูธ และฟังเพลงผ่าน Music Player (จะเลือปรับเป็นคำสั่งอื่นก็ได้นะ)
เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน
iMI X mini จะมีระบบเชื่อมต่อไร้สายแบบ Bluetooth ที่จะเอาไว้ใช้เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนทั่วไป ได้ทั้งระบบ iOS และ Android โดยเมื่อเชื่อมต่อกันแล้วมันจะเอาไว้ใช้ทำงานควบคู่กับสมาร์ทโฟนเครื่องหลักของเราได้หลายอย่างเลยล่ะ
- เวลาที่มีสายโทรเข้ามาที่สมาร์ทโฟน จะมีเสียงเรียกเข้าเตือนเข้ามาที่ X mini ด้วยเช่นกัน โดยเราสามารถกดรับสายได้ทันทีโดยไม่ต้องหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมารับสาย แล้วก็สนทนาผ่าน X mini ไปได้เลย เรียกง่ายๆ ว่ามันใช้งานเป็น Handset แบบไร้สายได้ด้วยนั่นเอง
- สามารถซิงค์สมุดรายชื่อเบอร์โทรจากสมาร์ทโฟนมาใช้งานที่ X mini ได้ด้วย ทำให้เวลาโทรเข้าก็มีแสดงรายชื่อคนโทรเข้าตาม contact หรือจะกดเลือกจาก X mini เพื่อสั่งโทรออกด้วยสมาร์ทโฟนก็ได้ รวมถึงตัว message ก็สามารถซิงค์กับสมาร์ทโฟนได้ด้วยเช่นกัน
- แจ้งเตือนป้องกันสมาร์ทโฟนสูญหาย ด้วยที่มันเชื่อมต่อบลูทูธกับสมาร์ทโฟน ถ้าหากทั้ง 2 เครื่องหลุดจากการเชื่อมต่อ (ระยะประมาณ 10 เมตร) iMI X mini ก็จะมีการแจ้งเตือนให้เราทราบได้
- เป็นรีโมทสำหรับใช้ควบคุมการเล่นเพลงในเครื่องสมาร์ทโฟนได้
- มีฟังค์ชั่นนับก้าวเดิน (Step Counter) ที่จะเก็บสถิติและแจ้งเราได้ว่า ในแต่ละวันเราเดินไปเป็นจำนวนกี่ก้าว อันนี้ก็ถือเป็นฟีเจอร์เพื่อสุขภาพ ที่ช่วยให้เรารู้ว่าในแต่ละวันเราก้าวเดินมากน้อยแค่ไหน
- ใช้เป็นรีโมทชัตเตอร์ สั่งถ่ายภาพที่สมาร์ทโฟนได้ แต่ว่าตอนนี้รองรับเฉพาะระบบ Android เพียงอย่างเดียว ยังใช้กับ iOS ไม่ได้
สรุป
ต้องยอมรับเรื่องของความกล้าและมุมมองหาช่องว่างในตลาดมือถือในประเทศไทยของ iMI ที่ยังเห็นว่าฟีเจอร์โฟนนั้นยังมีคนต้องการใช้อยู่ เลือกทำในส่วนพื้นฐานสำหรับการโทรศัพท์เอาไว้ครบ ทั้งเรื่องโทรเข้า-ออก, รองรับ 2 ซิม, ฟังเพลง MP3, วิทยุ FM และแบตเตอรี่ที่ชาร์จแล้วอยู่ได้หลายวัน
คือถ้าแค่ทำออกมาทำได้แต่เรื่องเบสิค มันก็คงไม่น่าสนใจอะไร iMI X mini ออกแบบให้ตัวเครื่องดูเป็นวัสดุพรีเมี่ยม แล้วเพิ่มความสามารถในการทำงานเป็น “อุปกรณ์ต่อขยาย” ให้กับสมาร์ทโฟนได้ เพราะยังไงเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ตอนนี้ก็มีสมาร์ทโฟนเป็นเครื่องหลัก ทำให้มันมีอรรถประโยชน์เพิ่มเติมในการใช้งานในแต่ละวันมากขึ้น ไม่ได้แค่เอาไว้รับสายโทรเข้าโทรออกออย่างเดียว
ส่วนที่ขัดใจก็มีอยู่บ้าง เช่น เรื่องของช่องเสียบหูฟังที่ไม่มี ต้องใช้หูฟังที่เป็นแบบพอร์ต Micro USB แทน ถ้าหากมีพอร์ตมาให้เลยจะรู้สึกสะดวกกว่านี้มาก และที่ตัวเครื่องเองไม่มีปุ่มปรับระดับเสียง ส่วนเรื่องกล้องที่มีมาให้ความละเอียดค่อนข้างน้อย และทำงานตอบสนองข้างช้า จนรู้สึกว่าจริงๆ ไม่ต้องมีใส่มาให้ก็ได้ แล้วดีไซน์ให้ด้านหลังเรียบๆ ไปเลยก็ยังได้
สรุปแล้ว เรียกได้ว่าตัว iMI มองว่าตลาดยังมีความต้องการใช้ฟีเจอร์โฟนอยู่ เพื่อเป็นโทรศัพท์เครื่องที่ 2 ที่พกพาสะดวก แบตอยู่ได้หลายๆ วันไม่ต้องชาร์จบ่อย พกง่ายรับสายโทรเข้าโทรออก แล้วเพิ่มฟังค์ชั่นทำงานคู่กับสมาร์ทโฟนหลายๆ อย่าง ถือว่าตอบโจทย์การเป็น “โทรศัพท์เครื่องที่ 2” ได้อย่างน่าสนใจ เหมาะสำหรับคนที่ไม่อยากพกสมาร์ทโฟนพร้อมกัน 2 เครื่อง และต้องการมีอีกเครื่องเอาไว้เพื่อใช้งานเพียงแค่โทรออกรับสายเป็นหลัก ซึ่งฟีเจอร์โฟนนั้นได้เปรียบกว่าสมาร์ทโฟนตรงนี้ แถมด้วยตัวกล่อง iMI Magic Box มาด้วยเป็น gadget เก๋ๆ ใช้เป็นลำโพงไร้สาย, พาวเวอร์แบงค์ หรือโคมไฟ LED ก็ได้
ราคา iMI X mini
ในการเปิดตัววางจำหน่ายในประเทศไทย iMI X mini จะมีออกมาด้วยกัน 2 รุ่นหลักแยกตามการรองรับคลื่นความถี่ 2G และ 3G แถมด้วยรุ่นพิเศษ Fan Edition ที่จะมีรูปน้องเจ้านาย อยู่ด้านหลังเครื่องและผลิตออกมาจำนวนจำกัด
- รุ่น 2G ราคา 1,699 บาท
- รุ่น 3G ราคา 2,299 บาท
- รุ่น3G Fan Edition ราคา 2,599 บาท
นอกจากนี้ยังมีอีกรุ่นที่เปิดตัวมาพร้อมกัน นั่นคือ iMI I9 ที่หลักๆ คุณสมบัติการใช้งานจะเหมือนกันกับ iMI X Mini ทุกประการ ต่างกันก็เฉพาะดีไซนด้านหลังและสีที่มีให้เลือกแนวสดใสสำหรับสาวๆ และยังมีรุ่น Fan Edition ด้วยเหมือนกัน เป็นพรีเซนเตอร์คนล่าสุดของ iMI นั่นคือ เชียร์ ทิฆัมพร
สำหรับ iMI X mini มีจำหน่ายช่องทางออนไลน์ แบบ Exclusive กับทาง Shopee มีแถมชุดกิฟท์เซตให้ รุ่น iMI I9 จำหน่ายทางออนไลน์ Exclusive ทาง Lazada พร้อมชุดกิฟท์เซต ส่วนช่องทางออฟไลน์ ทั้ง 2 รุ่นนี้มีวางจำหน่ายผ่านช่องทาง บิ๊กซีซูเปอร์เซ็นเตอร์