จะเรียกว่างานเข้าก็ได้ เมื่อวันจันทร์ที่ 19 มีนาคม 2018 ราคาหุ้น Facebook ร่วงลงมาถึง 4.05% ในช่วงเปิดการซื้อขายล่วงหน้า สาเหตุมาจากข่าวอื้อฉาวเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาของ บริษัทวิเคราะห์ข้อมูล Cambridge Analytica นำเอาข้อมูลผู้ใช้งานเฟซบุ้คกว่า 50 ล้านคนไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต
ราคาหุ้น Facebook ร่วงลงมาเหลือ $177.60 เมื่อเทียบกับช่วงปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ มูลค่าหุ้นของ Facebook หายไปถึง 21 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 660 ล้านบาท
ประเด็นดราม่าครั้งนี้ที่กระทบกับราคาหุ้นของเฟซบุ๊ค เกิดขึ้นมาทาง Facebook ได้ทำการหยุดให้ข้อมูลกับทาง Cambridge Analytica ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำงานด้านการวิเคราะห์ข้อมูล โดยเฟซบุ๊คให้เหตุผลว่า เพราะว่าได้มีการละเมิดกฎหลายข้อ โดยมีข้อที่น่าสนใจคือ การนำข้อมูลผู้ใช้เฟซบุ๊คไปให้กับบุคคลอื่น
ว่าแต่ข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้เฟซบุ๊คนั้น มีอะไรบ้าง?
รู้กันดีว่า เฟซบุ๊คมีการเก็บข้อมูลผู้ใช้ทั่วโลกไว้อย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลความสนใจ, พฤติกรรมต่างๆ อย่าง การกด Like, ข้อมูลเพื่อน ฯลฯ และเรื่องนี้มันกลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมาทันที เพราะ Cambridge Analytica นั้น เป็นบริษัทที่ช่วยทำแคมเปญโฆษณาให้กับ ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ชนะการเลือกตั้งเมื่อปี 2016 เกิดข้อกังขาขึ้นมาว่า ได้เอาข้อมูลส่วนตัวผู้ใช้ Facebook มาใช้ในการหาเสียงเลือกตั้งครั้งนี้หรือเปล่า?
แน่นอนว่า ข้อมูลผู้ใช้เฟซบุ๊คนั้น ทาง Facebook ไม่สามารถนำไปให้หรือขายให้กับธุรกิจต่างๆ ได้โดยที่ไม่ได้รับการอนุญาตจากผู้ใช้ ผลที่จะเกิดต่อจากนี้คือ เฟซบุ๊คจะโดนการตรวจสอบจากทั้งหน่วยงานรัฐบาลของสหรัฐและอังกฤษ และถ้าผลออกมา Facebook มีความผิดจริง ก็จะต้องโดนการลงโทษที่ร้ายแรง
ความเห็นจากทีมข่าว ล้ำหน้าโชว์
ในยุคที่ข้อมูลคือสิ่งสำคัญและมีมูลค่า ผู้ที่สามารถถือครองข้อมูลเอาไว้ได้ก็จะได้เปรียบกว่า Facebook นั้นมีข้อมูลจากผู้ใช้ทั่วโลกมากกว่า 1,200 ล้านคน แต่นั่นก็ไม่ได้แปลว่า Facebook จะปล่อยให้คนเอาความเป็นส่วนตัวและข้อมูลผู้ใช้ นำไปหากำไรหรือทำการค้าโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต
เรื่องนี้จึงกลายเป็นประเด็นที่ต้องจับตามองว่าจะส่งกระทบกับ Facebook มากน้อยขนาดไหน ในภาวะที่ปัจจุบันเฟซบุ๊คนั้นเริ่มมีสัญญาณการถดถอยของผู้ใช้ รวมถึงการปรับเปลี่ยนอัลกอริทึ่มต่างๆ อยู่ในขณะนี้
อัพเดต : สรุปปิดตลาดในวันจันทร์ที่ 19 มีนาคม ราคาหุ้นของ Facebook ร่วงไปอยู่ที่ 172.56 USD ลดลง 12.53 USD คิดเป็น -6.77%
ข้อมูลจาก Business Insider
