สมาร์ทโฟนตัวท็อปรุ่นล่าสุดจากทาง Vivo หลังจากที่ปลายปีที่แล้วออกรุ่น V7 ไป มาปีนี้กับรุ่น Vivo V9 ยังเน้นยำจุดเด่นเรื่องการเซลฟี่ระดับตัวแม่ และมีการพลิกโฉมการออกแบบให้ดูสวยงามโฉบเฉี่ยวมากขึ้น
สเปค ข้อมูลเบื้องต้น Vivo V9
- ขนาด 154.81×75.03×7.89 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 150 กรัม
- หน้าจอ IPS FullView ขนาด 6.3 นิ้ว FHD+ (1080 x 2280) ratio 19:9
- ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 626 Octa-core
- ชิปประมวลผลกราฟฟิก Adreno 506
- ROM 64GB เพิ่มหน่วยความจำ microSD ได้สูงสุด 256GB
- RAM 4GB
- แบตเตอรี่ความจุ 3,260 mAh
- รองรับ 2 ซิม
- เชื่อมต่อ : Bluetooth 4.2, WiFi 2.4G WiFi / WAPI (รองรับ 5GWiFi), GPS, OTG
- ระบบเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (ด้านหลังเครื่อง)
- มีระบบปลดล็อคเครื่องด้วยการสแกนใบหน้า
- กล้องหน้า ความละเอียด 24 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0
- กล้องหลังคู่ 16 + 5 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0
- ระบบปฎิบัติการ Android 8.1 ครอบด้วย Funtouch OS 4.o
- ราคา 10,999 บาท
ความน่าสนใจของรุ่นนี้
ส่วนตัวแล้วผมมองว่า Vivo V9 นั้นเป็นการปรับโฉมหน้าด้านการดีไซน์สมาร์ทโฟนวีโว่จากที่เคยคุ้นตา ให้ดูทันสมัยและสวยงามแปลกไปจากเดิม เริ่มด้วยหน้าจอที่เป็นแบบ FullView ที่มีขนาดใหญ่ถึง 6.3 นิ้ว และใช้อัตราส่วนจอที่ยาวเหยียด 19:9 ทำให้ตัวเครื่องที่จอขนาดใหญ่ แต่ก็ไม่ได้กว้างมาก แถมขนาดเครื่องนั้นเล็กพอๆ กับสมาร์ทโฟนจอ 5.5 นิ้วทั่วๆ ไปอีกด้วย
ส่วนเรื่องความติ่งด้านบนของจอนั้น ยอมรับเถอะว่าเป็นเทรนด์ที่สมาร์ทโฟนค่อนโลกจะต้องมาในทิศทางนี้กันหมด แม้ว่าดีไซน์มันอาจจะดูขัดหูขัดตาสำหรับใครบางคน แต่มันก็ช่วยให้ได้พื้นที่หน้าจอที่ใหญ่ขึ้นโดยเครื่องมีขนาดเท่าเดิม จะเห็นได้ว่าหน้าจอของ V9 นั้นเกือบจะเต็มพื้นที่ด้านหน้าทั้งหมดเลยทีเดียว
การออกแบบตัวเครื่องเอง มีความโค้งมนดูกลมกลืนทั้งด้านหน้าและหลัง ที่สะดุดตามากๆ คือการทำ finishing ที่เป็นสีแบบ glossy เงาวับ (เครื่องที่เราได้มาทดสอบเป็นสีดำเซรามิค) เป็นแบบที่ไม่เคยเห็นวีโว่ทำมาก่อน ดูแล้วก็สวยดี แต่แน่นอนว่าความมันเงานี้ สัมผัสปั้บก็มาพร้อมกับรอยนิ้วมือ ถ้าเช็ดบ่อยก็เสี่ยงจะเกิดรอย คงต้องใช้เคสใสมาใส่ป้องกันเอาไว้อีกที
กล้องหน้าเซลฟี่ มี AI มาช่วยให้ถ่ายได้สวยเนียนยิ่งขึ้น
สำหรับวีโว่แล้ว ถือว่าเป็นแบรนด์ที่จัดเต็มเรื่องกล้องหน้ามาโดยตลอด และใน Vivo V9 นี้ก็เช่นกัน ให้ความละเอียดของกล้องหน้าเซลฟี่มาถึง 24 ล้านพิกเซล และก็เพิ่มระบบการประมวลผลด้าน AI มาช่วยวิเคราะห์ จากข้อมูลภาพเซลฟี่จากฐานข้อมูลของทางวีโว่ เพื่อมาใช้ปรับแต่งภาพถ่ายให้เหมาะสมกับอายุ, เพศ และสีผิว รวมถึงช่วยในเรื่องการปรับภาพในสภาวะที่แสงน้อยหรือจ้า
กล้องหน้าเซลฟี่ การปรับระดับความบิวตี้ มีให้เลือกได้ 6 ระดับ และเพิ่มตัว AI Beauty ที่จะปรับให้แบบเหมาะสม ที่ลองใช้แล้วรู้สึกชอบนะ คือมันไม่ได้เนียนจนเฟค หรือปรับจนดูไม่เป็นธรรมชาติ
กล้องหน้ายังมีเพิ่มลูกเล่น AR Sticker ที่ซ้อนภาพการ์ตูนเคลื่อนไหว หรือเอฟเฟคต่างๆ ให้การถ่ายเซลฟี่มีลูกเล่นน่ารักๆ และเพิ่มส่วนระบบการปรับแสงแบบสามมิติ ที่จำลองแสงของภาพได้หลายแบบ หรือเลือกเปลี่ยนฉากหลังให้เป็นขาวดำก็ได้
เลือกเป็น Portrait Mode ปรับฉากหลังให้เบลอได้ค่อนข้างสวยงาม ส่วนการแยกหน้าชัดหลังเบลอ ก็ยังมีแอบพลาดบ้างในเวลาที่ฉากหลังมีรายละเอียดที่เยอะมาก
Portrait mode นอกจากจะถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอได้แล้ว ยังเลือปรับแต่งแสงที่ตัวบุคคลได้ และปรับฉากพื้นหลังให้เป็นสีขาวดำได้ด้วย
กล้องหลังแบบคู่ 16 + 5 ล้านพิกเซล
ต้วกล้องถ่ายภาพหลักด้านหลังเองก็ถือว่าทำออกมาเป็นแบบกล้องคู่ ทำงานร่วมกันระหว่าง กล้องหลัก 16 ล้านพิกเซล กับกล้องเสริม 5 ล้านพิกเซล ช่วยทำงานและประมวลผลกับ AI ในการทำภาพถ่ายแบบหน้าชัดหลังเบลอ และการถ่ายแบบโบเก้
โหมดการถ่ายภาพกล้องหลังนั้นก็มีหลักๆ ให้เลือกใช้ได้ครบถ้วน ทั้งโหมดทั่วไป, โหมดใบหน้าสวย,โหมด Panorama, HDR, โหมดถ่ายภาพกลางคืน, PPT, Pro, Video, Live Photo ส่วน UI เมนูกล้องก็ยังคงเป็นสไตล์แบบของ Vivo
ภาพถ่ายกลางแจ้ง แสงเยอะ ใช้โหมด HDR เฉลี่ยแสงได้ค่อนข้างดี แต่ท้องฟ้าอาจจะยังสีไม่ค่อยเข้มเท่าไรนัก
ในสภาพแสงปกติ กล้องหลังถ่ายภาพเก็บรายละเอียดได้ครบถ้วนดี ส่วนสีสันก็ทำได้ดี
ถ่ายในเวลากลางคืน มีแสงไฟ เก็บสีได้ค่อนข้างดี แต่รายละเอียดในส่วนเงามืดจะมีหายไปบ้าง
ถ้าเจอแบบสภาพแสงน้อย กล้องยังเก็บรายละเอียดได้ไม่มาก รวมถึงความสว่างของภาพค่อนข้างน้อย เพราะว่ากล้องยังเป็นรูรับแสง f/2.0
มีโหมดโปรสำหรับตั้งค่าได้ทั้ง ISO, ความเร็วชัตเตอร์ และ ระยะโฟกัส ได้เอง เอาไว้ถ่ายไฟเวลากลางคืนได้อยู่
โหมดเล่นเกม + ประสิทธิภาพ
ค่อนข้างประทับใจกับโหมดนี้มาตั้งแต่ตอน V7 ที่ช่วยเวลาที่มีสายโทรเข้ามานั้น จะไม่ขัดจังหวะระหว่างเกมที่กำลังเล่นอยู่ โดยจะขึ้นเมนูแจ้งเตือนมาให้กดรับสายหรือตัดสายก็ได้
ส่วนเรื่องประสิทธิภาพของเครื่องในการเล่นเกม อันที่จริงสเปคก็ถือว่าอยู่ในระดับที่กลางๆ ไม่ได้ถึงกับเร็วจี๋มาก ด้วยตัวชิปที่เป็น Qualcomm Snapdragon 626 และ RAM ให้มา 4GB ถือว่าเล่นเกมกราฟฟิคหนักๆ ในระดับ medium ได้สบาย
ระบบปฎิบัติการมาเป็นตัวล่าสุด Android 8.1 Oreo ครอบด้วยตัว Funtouch OS 4.0 ที่ UI ไม่ได้ต่างจากรุ่นก่อนๆ เท่าใดนัก มีฟีเจอร์พื้นฐานในเรื่องการเล่นแอพแชทและ Facebook ได้ 2 บัญชีในเครื่องเดียว, การแบ่งหน้าจอเพื่อใช้งาน 2 แอพได้พร้อมกัน รวมถึงพวก Utility ในการจัดการด้านหน่วยความจำภายในเครื่อง, การประหยัดพลังงาน ฯลฯ
สิ่งที่ชอบ!
หลังจากที่ทดสอบลองใช้งานอยู่ประมาณ 2 สัปดาห์กับ Vivo V9 จะพูดถึงความรู้สึกทั้งเรื่องของสิ่งที่ใช้แล้วชอบ และมีอะไรบ้างที่ยังรู้สึกว่ายังมีขัดอกขัดใจอยู่บ้าง
- ถาดซิมที่เป็นแบบใส่ได้ 2 ซิม + microSD คือ บางครั้งก็เคยรู้สึกไม่ชอบสมาร์ทโฟนบางรุ่นที่ใช้ถาดซิมแบบ Hybrid ที่ต้องเลือกเอาว่า จะใช้เป็น 2 ซิม หรือ 1 ซิม + microSD ทั้งๆ ที่ตัวเครื่องก็ไม่ได้บางหรือเล็ก ส่วนใน V9 นี่จัดมาให้ 3 ช่องใส่ได้หมดเลย ไม่ต้องเลือก
- น้ำหนักเบาจับถนัดมือ นอกจากขนาดที่กำลังดีมือแล้ว ตัวน้ำหนักเครื่อง 150 กรัมนั้น ก็ถือว่าอยู่ระดับที่ค่อนข้างเบา (เนื่องด้วยด้านหลังเครื่องไม่ได้ใช้วัสดุเป็นกระจกหรือโลหะ)
- แบตเตอรี่ ขนาด 3,260 mAh ถือว่าใหญ่กำลังดี ถ้าไม่ได้เล่นเกมหรือโซเชียลหนักๆ ก็ใช้งานเต็มวันได้สบาย
- กล้องหน้าเซลฟี่ที่จัดการปรับแต่งใบหน้าได้หลายระดับ และแบบ AI ที่ดูเนียนกำลังดีดูเป็นธรรมชาติ
- AI HDR ในกล้องหน้าที่ช่วยเวลาถ่ายเซลฟี่สภาพย้อนแสง ช่วยให้หน้าสว่างขึ้นกว่าเดิม ทำออกมาได้ค่อนข้างน่าพอใจ
- ติ่งด้านหน้าจอขนาดกำลังดี มีที่เหลือด้านข้างสำหรับแสดงการแจ้งเตือนได้อยู่
สิ่งที่ยังรู้สึกขัดใจ!
- พอร์ตเชื่อมต่อยังคงใช้เป็น Micro USB ที่มีความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูลน้อยกว่าแบบ USB-C รวมถึงไม่มีระบบชาร์จเร็ว
- ความเงาของเครื่อง ที่จริงก็ดูสวยดี แต่ว่ามันเป็นรอยนิ้วมือง่ายมากๆ และถ้าหากเช็ดบ่อยๆ ก็หวั่นใจว่ามันจะเกิดรอยขนแมว
สรุป! Vivo V9 เหมาะสำหรับใคร
ในเรื่องการถ่ายเซลฟี่นั้น ยังคงทำได้ดีและน่าชมเชย ผมยังยกให้ ViVO เป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนที่มุ่งมั่นทำซอฟท์แวร์ปรับภาพถ่ายเซลฟี่ออกมาอย่างต่อเนื่อง ระบบ AI Beauty ที่ปรับแต่งใบหน้าของเราได้แบบเหมาะสมกำลังดี ไม่หลอกจนหลอน จึงขอยกให้เป็นเหตุผลหลักอันแรกเลย ถ้าสาวๆ อยากเน้นใช้สมาร์ทโฟนเพื่อการถ่ายเซลฟี่ Vivo V9 ไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน
รองลงมาคือเรื่องระบบปฎิบัติการ มาเป็นตัวล่าสุด Android 8.1 ที่ทำงานได้ไหลลื่น และ Funtouch 4.0 ก็ใช้งานง่ายไม่ยุ่งยาก รวมทั้งประสิทธิภาพเครื่องที่อยู่ในระดับกลาง แต่ก็ยังให้ประสบการณ์ใช้งานตลอดวันได้ดี
ส่วนทางด้านคอเกม ถ้าเป็นสาย ROV ก็เล่นได้อยู่ครับ แต่กราฟฟิคก็ปรับลงมาหน่อยก็ยังลื่นอยู่ การมีโหมดเกมก็ช่วยกันเรื่องสายซ้อนเข้ามาระหว่างเล่นได้ด้วย ทีนี้มาเทียบเรื่องกับราคาค่าตัวที่ 11,999 บาท กับทั้งหมด ถือว่าอยู่ในระดับที่สมน้ำสมเนื้อ ไม่ถูกไม่แพงจนเกินไป แต่ถ้าอยากให้คุ้มๆ แนะนำซื้อกับโอเปอเรเตอร์ที่มีส่วนลดค่าเครื่องให้ (พร้อมติดสัญญา) ก็ลดไปได้อีกหลายพันบาทเลยทีเดียว
ขอขอบคุณทาง Vivo ประเทศไทย สำหรับเครื่อง Vivo V9 สำหรับการทดสอบ