ปี 2018 นี้ Vivo ปล่อยสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่เด็ดๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง ไม่นานมานี้ก็เพิ่งเปิดตัว Vivo V9 ไป ตอนนี้ได้เวลาของรุ่นใหม่ที่หลายคนรอคอยกับ Vivo X21 จุดเด่นของรุ่นนี้คือการเอาเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดอย่างการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอมาใช้บนสมาร์ทโฟน หลังจากที่ทีมงานล้ำหน้าโชว์ ได้ลองใช้ก็รู้สึกว่า “เฮ้ย มันก็เจ๋งดีนี่หว่า” นอกจากนี้ Vivo X21 ยังคงเสน่ห์ตามสไตล์มือถือวีโว่อย่างสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นกล้องหน้าเซลฟี่ที่มี AI, หน้าจอใหญ่สีสด และชิปเสียงกระหึ่มระดับ Hi-Fi
รีวิว Vivo X21 การกลับมาอีกครั้งของเรือธงตัวจริง
ที่ผ่านมาสมาร์ทโฟนในซีรี่ย์ X ของ Vivo นั้นห่างหายไปจากตลาดประเทศไทยไปพักใหญ่ๆ พอสมควร ซึ่งตามศักดิ์แล้ว ตระกูล X นั้นคือรุ่นระดับท็อปสุดของ Vivo แล้ว ดังนั้นการมาของ Vivo X21 ครั้งนี้จึงเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นไม่น้อย เพราะในรุ่นนี้มีระบบใหม่อย่างการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอมาให้ ถือว่าเป็นรุ่นแรกของ Vivo ที่เอาระบบนี้มาใช้
แกะกล่อง ลองสัมผัส Vivo X21
หน้าตาตัวกล่องแพ็กเกจ Vivo X21 นั้นดูมีความพิเศษ ตัวกล่องเป็นสีน้ำเงินเหลือบ ที่เปิดออกมาก็จะเห็นสัญลักษณ์ของการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย เพราะว่า Vivo นั้นเป็น Official Partner การแข่งขันฟุตบอลโลกนั่นเอง
เปิดกล่องมาเจอกับตัวเครื่อง ด้านล่างจะมีตัวเคสกันรอยแถมมาให้ ที่เป็นแบบ TPU ใสโชว์ให้เห็นตัวเครื่องด้านหลัง ส่วนขอบข้างเป็นสีทึบ, มีเอกสารคู่มือแนะนำการใช้งานเบื้องต้นพร้อมเข็มจิ้มซิมเหน็บแถมมาให้ แล้วก็มีสายชาร์จแบบ Micro USB พร้อมอแดปเตอร์แบบ wall charge และหูฟังสมอลทอล์กแถมมาให้ครบในชุด
ตัวเครื่องที่ทางวีโว่ส่งมาให้เราได้ทดสอบนี้ เป็นสีดำเงากึ่งด้าน (คือไม่ได้เงาแว๊บวิ้ง) เฟรมเป็นอลูมิเนียมที่เคลือบสีดำเข้ากับสีเครื่อง การออกแบบใช้วัสดุเป็นกระจกขอบโค้งทั้งด้านหน้าและหลัง งานประกอบลงตัวสวยงามถือถนัดมือ
ด้านหน้าจอดีไซน์แบบ FullView ใหญ่ชิดขอบเกือบเต็มพื้นที่ เป็นจอแบบ Super AMOLED ขนาด 6.28 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2280 x 1080 พิกเซล) อัตราส่วน 19:9 และที่ด้านบนมี Notch เป็นติ่งอยู่ สำหรับเซนเซอร์, ลำโพงสนทนา และกล้องหน้าความละเอียด 12 ล้านพิกเซล
ด้านข้างทางขวาจะมีปุ่มกดสำหรับปรับระดับเสียง และปุ่ม Power ส่วนด้านบนจะเป็นช่องไมค์ที่ 2 และช่องเสียบหูฟังแบบ 3.5 มิลลิเมตร รุ่นนี้ดูแปลกกว่าสมาร์ทโฟนอื่นๆ ตรงที่ถาดใส่ซิมนั้นเอามาไว้ที่ด้านล่างอยู่ข้างๆ กับพอร์ตเชื่อมต่อและชาร์จแบบ Micro USB และลำโพง ส่วนตัวถาดซิมนั้นเป็นแบบ Hybrid เลือกใส่ได้แบบ 2 ซิม หรือ 1 ซิม + microSD
พลิกมาด้านหลังของเครื่องที่เป็นกระจกเงาสวยงาม มีกล้องคู่แบบ Dual Camera ความละเอียด 12 + 5 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลช LED โดยจะมีโลโก้ของ Vivo อยู่ตรงกลาง และนี่คือข้อดีของการมีสแกนนิ้วมือบนหน้าจอ ด้านหลังเครื่องเลยสามารถโชว์แบบโล่งๆ สวยๆ ได้เลย
โดยรวมงานประกอบและวัสดุทำออกมาดูดี ขนาดเครื่อง 154.45 x 74.78 มิลลิเมตร หนา 7.37 มิลลิเมตร และหนัก 156.2 กรัม เป็นขนาดที่ใหญ่กำลังดี ถือใช้งานมือเดียวได้ถนัด
ประสิทธิภาพภายใน
ดูเรื่องเครื่องเคราภายในกันบ้าง X21 ทางวีโว่เลือกใช้ชิปเซตของ Qualcomm Snapdragon 660 Octa Core 2.2 GHz หน่วยความจำภายในใส่มาให้ถึง 128GB แล้วยังเพิ่ม microSD ได้สูงสุดถึง 256GB ส่วน RAM ก็ให้มาถึง 6GB
ตัวชิปเซตอาจจะไม่ได้ใช้ตัวท็อปสุด แต่ก็ถือว่าประสิทธิภาพอยู่ในระดับที่ค่อนข้างดี เมื่อทำงานกับ RAM ที่เยอะเหลือเฟือ ทดสอบคะแนน Benchmark ผ่าน Antutu ได้ 127000 คะแนน ถือว่าค่อนข้างโอเค การใช้งานทั่วไปเรียกได้ว่าไหลลื่นไม่มีติดขัด เปิดแอพสลับใช้งานไม่มีสะดุด ส่วน Performance ของการเล่นเกม ลองทดสอบเล่น ROV แบบเปิดเฟรมเรตสูง ก็ยังเล่นได้ไหลลื่นอยู่
แบตเตอรี่ 3200 mAh
ด้วยความที่ตัวเครื่องถูกออกแบบให้มีขนาดเล็กและค่อนข้างบาง ทำให้ความจุของแบตเตอรี่นั้นใส่มาได้ 3200 mAh ที่ลองทดสอบแล้ว ในการใช้งานทั่วไปก็พอสำหรับอยู่ได้เช้ายันค่ำได้อยู่ แต่ถ้าเป็นสายเกมเมอร์หรือถ่ายรูปบ่อยก็อาจจะต้องมีเสียบชาร์จไฟช่วยบ้างระหว่างวัน
ระบบสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ
ฟีเจอร์เด่นพระเอกของรุ่นนี้ ด้วยการติดตั้ง Fingerprint scanner เอาไว้ที่บริเวณหน้าจอ อยู่ที่ตรงกลางด้านล่างของจอ วิธีการใช้งานก็เหมือนกันกับระบบสแกนนิ้วมือทั่วๆ ไป คือเริ่มด้วยการลงทะเบียนลายนิ้วมือ ด้วยการแตะนิ้วในมุมต่างๆ เพื่อเก็บรายละเอียดของนิ้วมือ
ในการใช้งานจริง ความเร็วในการสแกนนิ้วมือนั้นจะอยู่ที่ราวๆ 1-1.5 วินาที คือต้องแตะค้างไว้นิดนึง ซึ่งอาจจะใช้เวลามากกว่าระบบสแกนลายนิ้วมือทั่วๆ ไป และได้ลองทดสอบสแกนเวลาที่นิ้วเปียก ก็ไม่สามารถสแกนได้เช่นกัน
มีคำแนะนำในการใช้ฟีเจอร์นี้คือ ตอนที่ลงทะเบียนลายนิ้วมือให้แตะค้างนิ่งๆ ไว้ และกดน้ำหนักพอสมควร หรือถ้าอยากให้แม่นยำมากขึ้น ลองสแกนลงทะเบียนนิ้วเดียวกันไว้ 2 ครั้ง ก็ช่วยให้สแกนได้แม่นยำมากขึ้น
ปลดล็อคเครื่องด้วยสแกนใบหน้า
อีกระบบความปลอดภัยที่ใส่ให้มา ด้วยการสแกนใบหน้าเพื่อปลดล็อคเครื่อง อันนี้ทดสอบแล้วสแกนได้ค่อนข้างแม่นยำ (ยังมีหลุดๆ บ้าง) ความเร็วในการอ่านค่าใบหน้าถือว่ารวดเร็วดี ระดับที่ว่าหยิบเครื่องขึ้นมากดปุ่มให้หน้าจอติด ก็ตัดข้ามหน้า Lockscreen ไปยัง Home Screen ให้ทันที
Android 8.1 ผสานกับ Funtouch OS 4.0
ระบบปฏิบัติการเป็น Android 8.1 Oreo เวอร์ชั่นล่าสุด ทำงานโดยครอบไว้ด้วย Funtouch OS 4.0 ที่ออกแบบมาให้เรียบๆ และใช้งานได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม พร้อมทั้งใส่ฟีเจอร์และแอพเสริมให้มาพอสมควร อาทิ
- iTheme มีธีมให้เลือกดาวน์โหลดมาใช้ปรับแต่งหน้าตา UI ของเครื่องได้หลากหลายแบบ รวมถึงเลือกเปลี่ยนฟอนท์ตัวหนังสือในเครื่องได้
- iManager ระบบวิเคราะห์ระบบของเครื่อง และทำการช่วยปรับสภาพการทำงานทั้งระบบ RAM, จัดการพื้นที่เก็บข้อมูลในเครื่อง, ล้างแคช ฯลฯ
- ด้วยเพราะใช้หน้าจอเป็นแบบ Super AMOLED จึงมีคำสั่ง เลือกเปิดนาฬิกาเอาไว้ที่หน้าจอตอนปิดได้ แต่ว่าถ้าเลือกคำสั่งนี้จะมีการใช้งานแบตเตอรี่เพิ่มขึ้น และถ้าแบตเตอรี่มีน้อยกว่า 10% ฟีเจอร์นี้ก็จะถูกปิดใช้งาน
- ระบบ Smart Gesture สำหรับสั่งงานสมาร์ทโฟนด้วยการขยับหรือเคลื่อนไหว
- การแสดงผลหลายหน้าจอ ที่ให้สั่งเปิดแบ่งใช้งาน 2 แอพได้ในหน้าจอเดียว ด้วยการใช้ 3 นิ้วรูดบนหน้าจอ ระบบจะย่อแอพที่ใช้งานปัจจุบันลงเหลือครึ่งจอ แล้วให้เลือกเปิดอีกแอพมาใช้งานได้พร้อมกัน
- ระบบแสดงผลแยกหน้าจอของแอพข้อความ ได้แก่, Message, Facebook, LINE, Messenger โดยที่ระหว่างที่เรากำลังดูหนัง, ใช้บราวเซอร์, ดู Youtube, ดูวิดีโอ ถ้ามีการส่งข้อความมา จะมีบอลลูนแจ้งเตือนลอยขึ้นมา ให้เรากดแตะเพื่อเปิดแบ่งจอเพื่อใช้งานแชทได้ทันที
- โหมด Picture-in-Picture เป็นการปรับแอพให้เป็นหน้าต่างเล็กๆ ลอยอยู่ อาทิระบบแผนที่ของ Google Maps ที่สั่งให้นำทาง เราสามารถออกมาใช้งานแอพอื่นโดยที่แผนที่จะย่อเป็นจอเล็กนำทางให้เราได้
- App Clone สั่งเปิดใช้งานแอพพลิเคชั่นโซเชียลและแชทได้ 2 บัญชีในเครื่องเดียว โดยจะมีแอพที่ 2 เพิ่มขึ้นมาเพื่อลงทะเบียนใช้งานแยกกับบัญชีหลักได้
- EasyShare แอพสำหรับจัดการโอนส่งไฟล์ระหว่างสมาร์ทโฟนเครื่องอื่น ใช้ได้ทั้งระบบ Android และ iOS โอนหากันได้ทั้งรูปภาพ, ข้อความ, รายชื่อ ฯลฯ
- ระบบจัดการภาพ AI และแกลลอรี่ที่จัดหมวดหมู่ของภาพให้อัตโนมัติ เลือกค้นหาภาพด้วยคำเฉพาะได้ เช่น วันที่, สถานที่, คนสัตว์สิ่งของ ฯลฯ
- โปรแกรมแก้ไขภาพทำได้มากมาย โดยเฉพาะการปรับบิวตี้ที่แก้ได้ละเอียดยิบ ทั้งปรับโครงหน้า, ลดสิวฝ้า ยืดตัวสูง ฯลฯ เรียกได้ว่าไม่ต้องไปหาแอพแต่งภาพอะไรให้เสียเวลา
Game Mode เล่นเกมได้ไม่ต้องหัวร้อน
ลูกเล่นใหม่ที่ทาง Vivo ใส่มาให้กับสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ ที่ช่วยให้ระหว่างกำลังเล่นเกม หากมีสายโทรศัพท์เข้ามา แต่ก่อนนั้นเกมจะถูกหยุดแล้วหน้าจอรับสายจะโผล่ขึ้นมาแทน ขัดอารมณ์ของเหล่าเกมเมอร์ที่เล่นติดพัน ใน Game Mode จะปรับให้เวลาที่สายโทรเข้ามาเป็น Overlay ซ้อนแจ้งเข้ามา เราเลือกได้ที่จะตัดสาย หรือกดรับแล้วสนทนาไปพร้อมกับเล่นเกมได้เลย
มาพร้อมชิปเสียงที่ให้พลังเสียงกระหึ่มสะใจ
จุดเด่นของ Vivo ที่ขึ้นชื่อลือชาและแตกต่างจากสมาร์ทโฟนแบรนด์อื่นๆ ในท้องตลาด ก็คือการใส่ชิปเสียง Hi-Fi มาในสมาร์ทโฟน ใน Vivo X21 ใช้เป็นชิปเสียง AK4376A ที่ช่วยขับพลังเสียงเวลาฟังผ่านช่องหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร
เวลาที่เสียบหูฟังจะมีแจ้งสถานะระบบเสียงขึ้นเป็น Hi-Fi จากการทดสอบฟังผ่านทาง Joox (Hi-Fi), Spotify และ Youtube ใช้หูฟัง KZ ราคาหลักร้อยฟัง ก็เห็นความแตกต่างในรายละเอียดของเสียงขึ้นมาอย่างชัดเจน ที่มีมิติของเครื่องดนตรีแต่ละชิ้นชัดมากขึ้นกว่าเดิม
กล้องหน้าเซลฟี่ 12 ล้านพิกเซลพร้อม AI
ความละเอียดของกล้องหน้าใน Vivo X21 นั้นอยู่ที่ 12 ล้านพิกเซล แบบ DualPixel มีการทำงานและฟีเจอร์ที่ใส่มาให้อย่างดี ตั้งแต่ระบบ AI ที่ช่วยปรับ Beauty ใบหน้าในการถ่ายเซลฟี่ให้อย่างเป็นธรรมชาติ ตรวจจับแยกได้ว่าเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง เพื่อปรับภาพให้เหมาะสม
มีระบบไฟแฟลชจากแสงหน้าจอ, ปรับค่า HDR เพื่อเฉลี่ยแสงในการถ่ายกรณีที่ย้อนแสง และถึงแม้ว่าจะเป็นกล้องหน้าแบบเดี่ยว แต่ก็ยังมีโหมดปรับหน้าชัดหลังเบลอให้มาด้วย
การถ่ายแบบ Portrait ที่สามารถเลือกจัดแสงของภาพได้ ทั้งแบบแสงธรรมชาติ, ไฟสตูดิโอ หรือจะปรับฉากหลังให้เป็นสีขาวดำก็ทำได้ ถ่ายไว้แล้วมา edit ทีหลังก็ได้ด้วย
สำหรับกล้องหน้ายังมีโหมดถ่ายเซลฟี่หมู่ที่เลื่อนบิดมือเพื่อเก็บภาพได้มุมที่กว้างขึ้น, ภาพถ่ายแบบ Live Photo, ถ่ายวิดีโอด้วยกล้องหน้าได้ความละเอียดสูงสุดถึง 4K และยังมีปรับ Beauty ในการถ่ายวิดีโอได้ด้วย (แต่จะถ่ายได้ความละเอียดสูงสุดที่ 720p) แถมด้วยโหมด AR Sticker แบบน่ารักๆ ก็มีมาให้ด้วยเช่นกัน
กล้องหลังคู่ Dual Camera
กล้องคู่ของ Vivo X21 จะเป็นกล้องหลัก 12+5 ล้านพิกเซล แบบ DualPixel ในโหมดการถ่ายภาพและวิดีโอ ก็จะมี Beauty ให้มาด้วยเหมือนกับกล้องหน้า มีเพิ่มเติมในโหมด Doc สำหรับใช้ถ่ายภาพงานเอกสาร, โหมด Pro ที่เลือกปรับค่า EV, ISO, Speed Shutter, White Balance และ Autofocus ได้เอง โดยที่ Speed Shuter เลือกเปิดได้นานสุดถึง 32 นาที และโหมดถ่ายภาพพาโนราม่า
พื้นฐานแล้วโหมดต่างๆ ในการถ่ายภาพก็มีหมดสำหรับการถ่ายภาพและวิดีโอทั่วไป ไม่ได้มีโหมดยิบย่อยอะไรให้ยุ่งยาก เมนูหน้าตาใช้งานได้ง่าย ตัวกล้องหลังรูรับแสงกล้องหลัก f/1.8 ส่วนกล้องเสริมเป็น f/2.4 ที่ถ่ายภาพเวลากลางวันหรือแสงธรรมชาติได้สวยงาม ส่วนเวลากลางคืนนั้นก็ยังทำงานได้ค่อนข้างดี แต่ถ้าแสงน้อยมากๆ ก็มีสูญเสียรายละเอียดของภาพ และมี Noise เกิดขึ้นอยู่บ้าง
สำหรับกล้องหลังนั้น ก็มี AI เข้ามาช่วยวิเคราะห์ซีนในการถ่ายภาพ เพื่อให้ได้ภาพถ่ายที่ออกมาสวยงามอีกด้วย
สรุป Vivo X21 ลองแล้วโดนใจแค่ไหน?
จุดเด่นที่แตกต่างจากสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ คือระบบการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ ใช้ครั้งแรกยังแอบรู้สึกติดขัดบ้างเล็กน้อย เพราะจังหวะการสแกนและความเร็วในการสแกนจะนานกว่าระบบปกติที่เคยใช้มา แล้วพวกเป็นตำแหน่งสแกนบนจอจึงต้องมองและเล็งวางนิ้วให้ตรงกับจุดสแกนจึงจะสแกนได้ แต่พอใช้ไปสักพักก็เริ่มเคยชิน
ความดีของการแสกนลายนิ้วมือบนหน้าจอก็คือ มันทำให้ด้านหน้าที่ตอนนี้เทรนด์ดีไซน์เป็นแบบ FullView จอเต็มพื้นที่ แล้วก็ไม่ต้องเอาสแกนลายนิ้วมือไปแปะไว้ที่ด้านหลังเครื่อง ที่บ่อยครั้งมันไม่ถนัดเท่ากับสแกนที่ด้านหน้า
ส่วนด้านอื่นๆ นั้นดีไซน์เครื่องที่เรียบๆ วัสดุพรีเมี่ยมดูสวยงาม สเปคภายในอาจจะไม่เร็วแรงบ้าคลั่งแต่ให้ RAM 6GB พร้อม ROM 128GB นั้นเหลือกินเหลือใช้ในทุกกิจกรรม รวมถึงเล่นเกมกราฟฟิคหนักๆ ก็ยังเอาอยู่ได้สบาย
กล้องหน้าและกล้องหลังแบบคู่ แบบ DualPixel ที่สามารถช่วยในการโฟกัสและเก็บรายละเอียดได้ดีขึ้น และได้ตัวซอฟท์แวร์และระบบ AI มาช่วยให้การถ่ายเซลฟี่ออกมาได้สวยถูกใจได้อยู่
และสิ่งที่ประทับใจมากๆ คือระบบเสียง Hi-Fi ที่ถือเป็นซิกเนเจอร์ของสมาร์ทโฟนวีโว่ ที่ให้เสียงที่มีมิติมากกว่าเดิม รวมกับหน้าจอที่เป็น Super AMOLED เอาไว้ดูหนังดู Youtube จอใหญ่สีสวยได้เพลินๆ ส่วนเรื่องของเกมนั้นบรรดาเกมฮิตๆ ทั้งหลายอาจจะปรับสเปคกราฟฟิคระดับกลางแล้วเล่นได้ลื่นสบายๆ
โดยรวมแล้วศักดิ์ศรีความเป็นเรือธงของ Vivo X21 อาจจะไม่ได้หวือหวามาก แต่ทำออกมาได้ลงตัว ใช้งานได้ถนัดมือไม่ค่อยมีอะไรจุกจิกกวนใจ
ราคา Vivo X21 และวันวางจำหน่าย
วีโว่จัดงานเปิดตัว Vivo X21 ในวันที่ 22 พฤษภาคม 2561 พร้อมประกาศราคาและวันวางจำหน่าย โดยในประเทศไทยจะมีเข้ามาจำหน่ายด้วยกัน 2 สีคือ สีดำ และ สีแดง ในราคา 19,990 บาท
โดยจะเริ่มเปิดให้จองล่วงหน้าในงาน Thailand Mobile Expo 2017 ตั้งแต่วันที่ 24-27 พฤษภาคมนี้ (Pre-order ราคา 1,000 บาท) รับตุ๊กตา FIFA ทันที และจะเริ่มวางจำหน่ายเป็นทางการ 1 มิถุนายน 2561