พบกับสมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดจาก OPPO หลังจากที่ปลายปีที่แล้วปล่อยรุ่น F5 มาก่อน ตอนนี้มากันที่ OPPO F7 ที่ทางทีมงานล้ำหน้าโชว์ได้มาทดสอบ และรีวิว ที่โดยรวมแล้วถือว่าเป็นอีกรุ่นที่โดดเด่นและน่าสนใจ กับการพัฒนาเพิ่มเติมค่อนข้างมาก ที่ลองใช้แล้วมีเรื่องให้ประทับใจหลายอย่างเลยทีเดียว
รีวิว สเปคเบื้องต้น OPPO F7
- หน้าจอ FHD+ ขนาด 6.23 นิ้ว อัตราส่วน 19:9
- CPU : MediaTek P60 octa-core 2.0 GHz
- GPU : Mali-G72 MP3
- ROM : 64GB / 128GB เพิ่ม microSD Card ได้
- RAM : 4GB
- กล้องหลัง : 16 ล้านพิกเซล f/1.8
- กล้องหน้า : 25 ล้านพิกเซล f/2.0
- แบตเตอรี่ : 3400 mAh
- รองรับ 2 ซิม แบบ Dual 4G Standby และ Dual VoLTE
- ระบบปฎิบัติการ Android 8.1 ครอบด้วย ColorOS 5.0
- มีให้เลือก 3 สี : สีดำ Diamond Black, สีเงิน Moonlight Silver, สีแดง Solar Red
- ราคาเปิดตัว : OPPO F7 64GB ราคา 10,990 บาท , OPPO F7 128GB ราคา 14,990 บาท
ลองสัมผัส
พอแกะกล่องมา พบกับตัวเครื่องที่เห็นความแตกต่างเรื่องดีไซน์จากรุ่นก่อนๆ ค่อนข้างมาก ตัวที่เราได้มาทดสอบนี้จะเป็นสี Daimond Black ที่เป็นสีดำที่สวยแปลกตา เพราะฝาด้านหลังจะไม่ได้ดำเรียบๆ แต่มีเหลือบเป็นเหลี่ยมกะรัตเหมือนกับเพชรสมชื่อ จริงๆ ตัวสีชูโรงของ F7 จะเป็นสีแดง Sola Red (ตามกล่อง) แต่ส่วนตัวพอลองจับแล้วกลับชอบเจ้าสีดำนี่มากกว่า ด้วยการทำเป็นแบบไดมอนด์ที่ด้านหลังนี่ล่ะ
ดีไซน์ตัวเครื่องเฟรมนั้นเป็นลักษณะโค้งมนจับได้ถนัดมือ ด้วยขนาดตัวเครื่อง 156 × 75.3 มิลลิเมตร หนา 7.8 มิลลิเมตร หนัก 158 กรัม
จุดเด่นที่หน้าจอแบบ FullView เต็มขอบ 3 ด้าน (บน–ซ้าย–ขวา) ให้ความรู้สึกชัดเต็มตาดี ด้วยขนาด 6.23 นิ้ว ในอัตราส่วน 19:9 หน้าจอใช้เป็นแบบ LCD ความละเอียด Full HD+ ที่ดูแล้วก็ยังคมชัดได้ในขนาดหน้าจอที่ใหญ่ขึ้น
และแน่นนอนเมื่อเป็นจอแบบ FullView ก็จะต้องมาพร้อมกับติ่งด้านบน ซึ่งมีขนาดไม่ใหญ่มาก เพราะเว้นไว้สำหรับกล้องหน้า, ลำโพงสนทนา และเซนเซอร์ ทำให้การแสดงผลในส่วนบาร์ด้านบนได้พื้นที่กว้าง
ตัวถาดซิมด้านข้างเครื่อง อันนี้ชอบมาก เพราะเป็นแบบ Triple Slot ที่ให้เราใส่ซิมขนาด nano SIM ได้ 2 เบอร์ พร้อมกับช่องใส่ microSD สะดวกกว่าแบบ Hybrid ที่ต้องเลือกระหว่างซิม 2 กับเอสดีการ์ด นอกจากนี้ระบบสัญญาณยังเป็นแบบ Dual 4G ทั้ง 2 ซิมอีกด้วย
ด้านล่างของเครื่องมีพอร์ตหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร และพอร์ตเชื่อมต่อแบบ Micro USB ซึ่งก็แอบเสียดายที่ OPPO ยังไม่เปลี่ยนมาเป็น USB-C ที่โอนถ่ายข้อมูลได้เร็วกว่า
ในแพ็คเกจนั้นจะมีตัว Charger, สายชาร์จแบบ Micro USB , หูฟังสมอลทอล์ค และเคสใสแบบ TPU มาให้ และที่หน้าจอเครื่องก็มีฟิล์มกระจกกันรอยติดมาให้เรียบร้อย
โดยรวมแล้วตัวเครื่อง OPPO F7 นั้นดีไซน์ใหม่ตามยุคสมัยได้ค่อนข้างลงตัว ตัวเครื่องหน้าจอใหญ่เต็มตาแต่ก็ยังพอถือใช้งานมือเดียวได้ รวมถึงความโค้งมนรอบเครื่องและฝาหลังที่เงาวับดูสวยงามหรูหราดี
สเปคภายในและการใช้งาน
ตัวชิปเซตภายในใช้เป็น MediaTek Helio P60 Octa-core ความเร็ว 2.0 GHz ชิปประมวลผลกราฟฟิค Mali-G72 MP3 หน่วยความจำภายในเครื่องให้พื้นที่มา 64GB และ RAM 4GB
สเปคนี้ดูแล้วถือว่าอยู่ในระดับกลางถึงค่อนข้างสูง ด้วยประสิทธิภาพของ Helio P60 เองก็ถือว่าแรงใช้ได้ คะแนน Antutu ที่ระดับแสนนิดๆ ก็ถือว่าทำได้ดีพอสมควรเลยล่ะ
ประสิทธิภาพในการเล่นเกมนั้น ถือว่าอยู่ในระดับที่พอใช้ คือถ้าเล่นเกมที่เน้นกราฟฟิคหนักๆ อย่าง ROV หรือ PUBG อาจจะต้องปรับความละเอียดกราฟฟิคที่ไม่สูงมาก แต่ถึงอย่างไรใน OPPO F7 ก็มี Game mode ที่จะช่วยจัดการระบบเครื่องระหว่างที่เล่นเกม เพื่อให้ performance การเล่นให้ดีขึ้นได้อยู่บ้าง รวมถึงยังมีระบบเวลาสายเข้าระหว่างที่เล่นเกมก็สามารถรับได้โดยที่สายไม่หลุด หรือเลือกเปิดแอพสนทนาขึ้นมาระหว่างที่เล่นเกมก็ได้
เรื่องของแบตเตอรี่กันบ้าง ในเครื่องให้มาความจุ 3,400 mAh ใหญ่ระดับที่อยู่เต็มๆ วันได้สบาย แต่ก็มีคาใจเล็กน้อยตรงที่แบตเตอรี่ให้มาค่อนข้างใหญ่ แต่ว่าดันไม่มีระบบการชาร์จเร็วให้มาด้วย ทำให้เวลาชาร์จแบตเตอรี่กว่าจะเต็มก็ใช้เวลานานอยู่พอสมควร
ตัวระบบปฎิบัติการเป็นเวอร์ชั่นใหม่ Android 8.0 Oreo ที่ครอบด้วย ColorOS 5.0 ที่ส่วนตัวดูแล้วใช้ง่ายขึ้นกว่าแต่ก่อน ตั้งแต่ตัวแอพในเครื่องก็มีติดตั้งมาไม่เยอะมาก ส่วนของการจัดเมนู Setting ต่างๆ ก็เป็นหมวดหมู่ ค้นหาง่ายขึ้น
แอพประเภท Utility ในการจัดการเครื่องทั้งเรื่องพื้นที่จัดเก็บข้อมูล หน่วยความจำ แอพภายในเครื่อง มีมาให้ครบ และยังมีทั้ง App Clone สำหรับเล่นแอพโซเชียลได้หลายบัญชีในเครื่องเดียว, การเปิดใช้งาน 2 แอพแบบแบ่งหน้าจอ ถือว่าครบเครื่องการใช้งานด้านพื้นฐานทั้งหมด
กล้องถ่ายเซลฟี่ ที่สวยถูกใจที่สุด ในงบราคาหมื่นต้นๆ
จุดเด่นของ OPPO ที่เน้นและพัฒนามาอย่างต่อเนื่องก็คือกล้องหน้าสำหรับการถ่ายเซลฟี่ ใน OPPO F7 นี้ ให้กล้องหน้าความละเอียดสูงถึง 25 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.0 ที่มีระบบ AI มาช่วยในการถ่ายเซลฟี่ เพื่อประมวลผลภาพเซลฟี่ให้ออกมาได้ใบหน้าที่สวยเนียนอย่างสมดุล คือไม่ได้เนียนขาวโจ๊ะผิวเกลี้ยงจนดูหลอกตา แถมด้วยยังมีระบบ HDR ที่ช่วยปรับค่าความสว่างของภาพให้ดูสว่างสวยงามแม้ว่าจะถ่ายในสภาพย้อนแสงก็ตาม
ระบบปรับบิ้วตี้ของกล้องหน้าเลือกได้ทั้งแบบ AI และแบบปรับระดับได้ตั้งแต่ 1-6 มีเลือกปรับ Portrait Mode หน้าชัดหลังเบลอที่ทำได้ดีพอใช้ และมีปรับโหมดภาพสีจัดเร่งสีให้สดขึ้นเป็นพิเศษ รวมถึงมีแฟลชแบบเปิดไฟสว่างหน้าจอเพื่อเพิ่มความสว่างเวลาเซลฟี่แสงน้อยได้ด้วย
ส่วนโหมดอื่นๆ ของกล้องหน้าก็มีทั้งแบบถ่าย Time-lapse, ถ่ายวิดีโอได้ความละเอียดสูงสุดที่ Full HD 1080p แต่ถ้าเลือกเปิดโหมดบิวตี้ในการถ่ายวิดีโอจะได้สูงสุดที่ HD 720p, มีโหมดสติกเกอร์แบบ AR เอาไว้ถ่ายภาพหรือวิดีโอน่ารักๆ ได้หลายแบบ สุดท้ายจะเป็นถ่ายเซลฟี่แบบพาโนราม่าแบบบิดหน้าจอได้ด้วย
โดยรวมแล้ว กล้องหน้าของ OPPO F7 ตอบโจทย์ความต้องการของสาวๆ ที่อยากได้กล้องหน้าเซลฟี่ที่ถ่ายออกมาแล้วสวยเป๊ะ ไม่ต้องไปผ่านแอพอะไรอีก โดยระดับการปรับบิวตี้แบบ AI นั้นได้ภาพที่สวยกำลังดี ไม่เนียนจนหลอน รวมถึงการปรับแสงแบบ HDR ก็ช่วยเฉลี่ยให้ทั้งภาพดูสวยงามยิ่งขึ้น
ตัวอย่างภาพกล้องหน้าเซลฟี่
กล้องหลัง 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8
ความละเอียดของกล้องหลังนั้นอาจจะน้อยกว่ากล้องหน้า แต่ตัวค่ารูรับแสงนั้นจะกว้างกว่าที่ f/1.8 ในการถ่ายภาพเวลากลางคืนก็จะดีกว่าพอสมควร แต่ถ้าเจอมืดมากๆ ก็ยังมี noise ขึ้นมารบกวนเยอะอยู่
โหมดการถ่ายต่างๆ มีไม่เยอะแต่มีพื้นฐานมาครบ ส่วนใหญ่ก็จะเหมือนกับกล้องหน้าที่มีตั้งแต่ถ่ายภาพ ที่เลือกเปิดโหมดเซลฟี่ได้ด้วย ทว่าเลือกได้ 6 ระดับแล้วดันไม่มีแบบ AI ให้เลือกเหมือนกันกล้องหน้า (แอบเสียใจ) ถ่ายวิดีโอได้ความละเอียด 1080p เช่นกัน แต่ถ้าเลือกบิวตี้ก็จะได้สูงสุดแค่ 720p, โหมดสติกเกอร์, พาโนราม่า และมีโหมด Pro สำหรับปรับแต่งค่าการถ่ายภาพได้อิสระ เลือกความเร็วชัดเตอร์ได้นานสุด 16 วินาที และมีเลือกถ่ายภาพความละเอียดสูงโหมด Ultra HD ได้อีกด้วย
การใช้งานกล้องหลัง ถึงแม้ว่าจะมาเป็นกล้องเดี่ยวไม่ได้เป็นแบบ dual camera แต่ก็ยังสามารถถ่าย Portrait Mode ได้อยู่ อีกทั้งยังมี AI ที่แบ่งโปรไฟล์การถ่ายภาพได้ 16 รูปแบบ โดยรวมการใช้งานถือว่าคุณภาพดีพอใช้ ถ่ายรูปทั่วๆ ไปในแต่ละวันได้ แต่ในเวลากลางคืนหรือแสงน้อยกล้องยังแอบมีจับโฟกัสได้ค่อนข้างยาก และเสียดายตรงที่เมนูของกล้องมีโหมดให้เลือกใช้ไม่ค่อยมากสักเท่าไหร่
ตัวอย่างภาพจากกล้องหลัง
สรุป : OPPO F7 เหมาะสำหรับใคร?
จากการทีมงาน (โดยเฉพาะสาวๆ) ได้ทดสอบลองใช้งานมาประมาณ 2 อาทิตย์ สรุปความเห็นตรงกันว่า “กล้องหน้าเซลฟี่นั้นประทับใจมากๆ” ด้วยความง่ายของระบบ AI ที่ไม่ได้ให้เราต้องมานั่งปรับนู่นนี่นั่นโน่นให้เสียเวลา หยิบขึ้นมาถ่ายปั้บ จะในสภาพแสงน้อยในร่มกลางแจ้ง หน้ามัน หรือย้อนแสง ก็ยังถ่ายออกมาดูดีเนียนสวย แบบที่ไม่ต้องไปผ่านแอพอะไรอีกเลย ส่วนการถ่ายวิดีโอทั้งกล้องหน้าและหลังก็มีโหมดบิวตี้มาให้ด้วย แต่ทำไมกล้องหลังทำไมไม่มีบิวตี้แบบ AI มาให้ด้วยนะ
ระบบ HDR ของกล้องหน้านั้นถือว่าช่วยในการถ่ายภาพเวลาที่ย้อนแสงหรือเวลากลางคืนได้ค่อนข้างดี แต่บ้างครั้งถ้าหากเลือกตำแหน่งแสงไม่ดี หรือคนถ่ายผิวขาวอยู่แล้ว ระบบจะปรับแสงพลาดจนกลายเป็นขาวซีดและรายละเอียดบนใบหน้าหายไปเกือบหมด
ทางด้านการใช้งานทั่วไปก็ไหลลื่นเร็วดี ไม่ค่อยเจออาการหน่วงอะไรให้เห็น ด้วยความที่เป็นเครื่องสเปคระดับกลางก็ยังพอใช้งานเล่นเกมหนักๆ ได้ แต่ก็ไม่ถึงกับกราฟฟิคสวยกิ้ง แค่พอเล่นได้ระดับกลางๆ ไม่ค่อยมีสะดุด ส่วนการใช้งานทั่วไป ฟีเจอร์ของความเป็น Android Oreo ก็ตอบโจทย์ทุกอย่างครอบคลุมดี
แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ที่พอใช้งานข้ามวันได้สบายๆ แต่แอบเสียดายที่ไม่มีระบบชาร์จเร็วมาให้ และอีกอย่างที่ชอบคือถาดซิมแบบ Triple Slot ที่ไส่ 2 ซิม + microSD ได้เลย แถมใส่ 2 ซิมยังเป็น Dual 4G Standby และรองรับ VoLTE ทั้ง 2 ซิมอีกด้วย
ถือว่า OPPO F7 เป็นสมาร์ทโฟนกลุ่มราคาหมื่นบาทที่น่าสนใจมากๆ กับคุณภาพของกล้องหน้าที่ใช้ง่าย ดีไซน์ดูสวยงาม จอใหญ่แต่ไม่หนักมาก และฟีเจอร์การทำงานครบครับล่าสุด โดยที่รุ่นความจุ 64GB ราคาจะอยู่ที่ 10,990 บาท และรุ่น 128GB ราคา 14,990 บาท
ขอขอบคุณ ออปโป้ไทย สำหรับเครื่องในการทดสอบ