ทีมงานล้ำหน้าโชว์ ได้มีโอกาสเข้าชมรอบพรีวิว ก่อนเปิดให้บริการของ The Marvel Experience Thailand เมื่อวันที่ 27 มิถุนายนที่ผ่านมา งานนี้ถือว่าเป็นความอลังการครั้งแรกในไทย ที่มีสถานที่ท่องเที่ยวในรูปแบบ Theme Charactor ระดับโลกอย่างตัวการ์ตูนมาร์เวล และนี่คือประสบการณ์ที่เราได้ไปพบเจอมา!
The Marvel Experience Thailand อยู่ที่ไหน?
ก่อนอื่นต้องแนะนำกันตั้งแต่สถานที่ตั้งของ The Marvel Experience Thailand นั้นอยู่บริเวณ เมกา บางนา (ด้านข้างถัดจากอีเกีย) เป็นอาคารขนาดใหญ่พื้นที่กว่า 20,000 ตารางเมตร ที่สร้างเป็นลักษณะของ ฐานทัพองค์กร S.H.I.E.L.D. สาขาประเทศไทย
ภายในจะแบ่งโซนออกเป็น 2 ส่วนคือ ส่วนที่เป็นพื้นที่ด้านหน้า อันนี้เข้าฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย คือตั้งแต่ทางเข้ามา, บริเวณจุดซื้อตั๋ว, Avenger Cafe ร้านอาหารในธีมมาร์เวล, Snack bar, Adventure Zone พื้นที่สวนสนุกสำหรับเด็ก (อันนี้มีค่าบริการ) รวมถึงส่วนของ Super Store สินค้าของที่ระลึกของเหล่าฮีโร่มาร์เวลให้เลือกซื้อมากมาย
ส่วนด้านหน้านี้ จุดที่รู้สึกดึงดูดมากที่สุดคือ Marvel Super Store ร้านขายสินค้าลิขสิทธิ์มาร์เวล ที่มีค่อนข้างหลากหลาย และเย้ายวนเงินในกระเป๋าให้ควักซื้อกันได้ง่ายๆ (ฮา) มีหลากหลายตั้งแต่เสื้อยืด, หมวก, กางเกงมวยไทย (ห๊ะ!), แก้วน้ำ, ตุ๊กตา, โมเดล, เคสโทรศัพท์ ฯลฯ หรือแม้แต่ของแรร์อย่าง ถุงมือ Hasbro Infinity Gauntlet ของธานอส แบบที่ใส่แล้วขยับนิ้วมีไฟ ก็มีขายด้วย
ราคาสินค้าอยู่ในระดับที่ว่าไม่ถูก แต่ก็ไม่ได้แพงเว่อร์มาก เสื้อยืดส่วนใหญ่ราคาประมาณ 300 กว่าบาท ส่วนของขายอื่นๆ ก็เป็นราคาที่ไม่ได้บวกเพิ่มจนแพงกว่าที่อื่น ราคาส่วนใหญ่จะอยู่หลักร้อย และคิดว่าของที่น่าจะขายดีมากคือ เสื้อผ้าเด็ก
อีกจุดคือบ้านบอล Adventure Zone ที่เป็นธีมของมาร์เวล เชื่อเลยว่าเด็กๆ ต้องชอบอย่างแน่นอน แต่ว่าอันนี้ต้องเสียเงินค่าบริการเข้าเล่นที่มีทั้งแบบรายชั่วโมง หรือว่าเหมาทั้งวัน
ไล่ทีละโซนของ Attraction มีอะไรบ้าง?
ส่วนไฮไลท์ของ The Marvel Experience Thailand ก็คือพื้นที่ Attraction Zone ที่สร้างเป็นส่วนๆ ให้ผู้เข้าชมเดินเล่นต่อเนื่องไปทีละจุดๆ โดยจะเป็นการเล่าเรื่องราวจำลองตอนพิเศษสำหรับสถานที่นี้โดยเฉพาะ ประมาณว่า องค์กรเหล่าร้าย ไฮดร้า มีเป้าหมายที่จะยึดครองโลกและจะบุกเข้ามาในโซนเอเซียตะวันออกเฉียงใต้โดยเริ่มที่ประเทศไทย
นิค ฟิวรี่ จึงได้ดำเนินการสร้าง กองกำลังของหน่วย S.H.I.E.L.D. สาขาประเทศไทย ขึ้นมา เพื่อสร้างทีมทหารที่จะต้องสู้กับไฮดร้า ไปพร้อมๆ กับเหล่ามาร์เวลฮีโร่ อาทิ Ironman, Captain America, Spider-man, Wolfverine, Vision, Black Widow, Antman ฯลฯ
เนื้อเรื่องนี้ ผู้ชมจะได้ประสบการณ์ตั้งแต่การเข้ามาเป็นหนึ่งในกองกำลังของ S.H.I.E.L.D. , รับทราบเรื่องราวภารกิจ, การฝึกฝนและร่วมสู้ไปกับเหล่าฮีโร่ และสุดท้ายก็จะมีโอกาสได้พบกับเหล่าฮีโร่ตัวจริง
ก่อนอื่นผมต้องแจ้งก่อนว่า ในวันที่ทีมงานฯ ได้เข้าไปพรีวิวกิจกรรมในโซนของ Attraction เป็นในรูปแบบของ Walkthrough ที่เดินเยี่ยมชมในแต่ละโซน แต่ไม่ได้รับชมแบบที่โชว์จริง จึงมีทั้งขาดหายในบางรายละเอียด รวมถึงไม่ได้ลองสัมผัสจริงในการเล่นกิจกรรม หรือชมมีเดียในหลายๆ จุด อาทิ
- ในห้องที่มีการฉายภาพยนตร์ 3D เราไม่ได้แว่นมาสวมเพื่อทดสอบ แต่ก็พอเดาความรู้สึกได้เพราะเราเคยดูหนังแบบ 3D มาก่อน
- ห้องที่มีให้เล่นเกม เราไม่ได้เล่น แค่ดูและรับข้อมูลเกี่ยวกับการเล่น หรือดูสต้าฟของทาง TMX เล่นโชว์
- การเดินไปสู่แต่ละห้องไม่มีกำหนดจังหวะ Sequence เหมือนกับโชว์จริง
เอาล่ะ! ดังนั้นผมจะทำการเล่าให้ทราบถึงการได้ พรีวิว โชว์ครั้งนี้ว่ามีอะไรบ้าง ตามที่ได้ไปเห็นมา โดยจะมีแบ่งเป็นโซนๆ ดังนี้ โดยทั้งหมดจะมีเป็นภาพนิ่งเพียงอย่างเดียว เนื่องจากสถานที่ไม่อนุญาตให้ทำการบันทึกวิดีโอ
Jocasta Introduction
ในห้องแรกเป็นการเล่าเรื่องราวของปฎิบัติการและความเป็นมาของ The Marvel Experience Thailand นำเสนอเป็นรูปแบบการ์ตูนคอมมิค ให้เราเดินดูจากที่แสดงไว้ที่ฝาผนัง พร้อมมีการบรรยายเรื่องราว
TMX Live : News Report
เราจะเดินผ่านโถงทางเดินยาว มาสู่อีกห้อง ที่มีหน้าจอเหมือนรายการข่าวบนทีวี ที่กำลังรายงานข่าวด่วนเกี่ยวกับเหตุการณ์ร้ายที่เกิดขึ้นในประเทศไทย มีการอธิบายถึงวายร้ายหลักในเนื้อเรื่องให้ผู้ชมทราบว่าพวกมันเป็นใคร
Stark Mobile Lab
สารภาพตามตรงว่า 2 ห้องแรกผ่านไป รู้สึกเฉยๆ มาก เพราะเป็นการนำเสนอเรื่องราวแบบผ่านหน้าจอ และเป็นวิดีโอแอนนิเมชั่น พร้อมการเล่าเรื่อง อ้อ! ในรอบที่เราได้พรีวิวนั้น เสียงพากย์เป็นภาษาอังกฤษ แต่ถ้าเป็นการเข้าชมจริงๆ เวลาจองหรือซื้อบัตร เราจะเลือกภาษาที่จะบรรยายในโชว์ได้ ว่าจะเป็น อังกฤษ ไทย หรือว่าจีน โดยเสียงพากย์ไทยจะใช้ทีมพากย์เดียวกับในภาพยนตร์ของมาเวลอีกด้วย
มาถึงห้องนี้ จึงเริ่มตื่นเต้น เพราะเราได้เห็นหุ่นของ Ironman โมเดลต่างๆ ถึง 6 ตัว ที่โทนี่ สตาร์กจะใช้ในภารกิจนี้ หลังจากแนะนำชุดแต่ละโมเดลจบ ก็มีวิดีโอคอลจากโทนี่เข้ามา เพื่อมาพูดคุยกับผู้ชมที่เป็นทหารใหม่ของ S.H.I.E.L.D. เพื่อร่วมมือกันปฎิบัติภารกิจครั้งนี้
สรุปแล้ว มาถึงห้องที่ 3 เรายังทำได้แค่ยืนดูภาพยนตร์แอนนิเมชั่นจากหน้าจอเพื่อฟังเรื่องราว
Mobile Command Center
ยังคงเป็นห้องที่ผู้ชมต้องยืนดูแอนเมชั่นอีกแล้ว!!! ห้องนี้จะพบกับ นิค ฟิวรี่ ผู้อำนวยการหน่วยชิลด์ ที่จะมาเล่าถึงภารกิจครั้งนี้ ได้มีการพูดถึงศัตรูตัวร้ายอีกตัว เป็นหุ่นยนต์ที่ได้พลังของเหล่าฮีโร่ 4 คนไปรวมไว้ในตัวเดียว
Holoblaster Shooting Gallery
หลังจากผ่านมา 4 ห้อง เราเริ่มกลัวแล้วว่าห้องที่ 5 จะยังต้องยืนดูหน้าจอโปรเจคเตอร์กันอีกหรือเปล่า สรุปแล้วไม่ใช่ เพราะห้องนี้จะมีกิจกรรมคือ เกมยิงปืน ที่ใช้เทคโนโลยีน่าสนใจหลายอย่าง ตั้งแต่การเล่นที่ถูกเซ็ตระบบผู้เล่นให้สามารถเล่นพร้อมกันได้ถึง 140 คน
เกมจะมีหน้าจอที่แสดงผลแบบ 3D (ต้องใส่แว่น 3D) และจะมีที่ให้ผู้เล่นประจำที่และใช้ปืนยิงไปที่หน้าจอ เพื่อทำคะแนน
ความสนุกของเกมนี้ เราไม่อาจทราบได้ เพราะในรอบพรีวิวสื่อมวลชนไม่ได้ทดลองเล่นจริง แต่จากที่ดูวิดีโอที่เปิดไว้ เกมจะอารมณ์เหมือนยิงเป้าที่โผล่ขึ้นมาในฉาก
ส่วนบริเวณตรงกลางห้อง มีโมเดลของเจ้าหุ่นตัวร้ายที่ร่วงลงมาเป็นซากที่กรุงเทพฯ ตั้งไว้ใหนหลอดแก้วขนาดใหญ่
Simularium 360 3D
ก้าวเข้ามาในห้องที่ 6 เราได้พบกับความตื่นตาและน่าตื่นเต้นขึ้น ห้องนี้จะเป็นลักษณะเพดานเป็นโดมครึ่งวงกลม และตรงกลางห้องมีเครื่องฉายวิดีโอ ห้องนี้เราจะได้ชมภาพยนตร์แบบ 3D (ต้องใส่แว่น) และเป็นมุมมองแบบ 360 องศา
แม้ว่าในรอบพรีวิว เราจะไม่ได้แว่น 3D มาใส่เพื่อชม จึงเห็นเป็นภาพเบลอซ้อนกัน แทนที่จะเป็นวิดีโอแยกระดับเป็นมิติ แต่การฉายในมุมมอง 360 แบบนี้ ถือว่าไม่เคยไปเจอที่ นอกจากที่ท้องฟ้าจำลอง
เนื้อหาในห้องนี้มีฉากแอ็คชั่นสนุกๆ ฉากแอบบุกเข้าไปในฐานทัพของไฮดร้า ที่เป็นมุมมองที่คุณต้องแหงนมองเพดานรอบห้อง ตำแหน่งและท่าที่จะให้คุณดูได้กว้างและทั่วทุกมุมได้ คือต้องลงไปนั่งกับพื้น (ใช่แล้วครับ ห้องนี้ไม่มีเก้าอี้ให้คุณนั่ง) จริงๆ อารมณ์เหมือนดูหนังกลางแปลงเลยล่ะ
โดยรวมแล้ว ผมชอบห้องนี้มาก อย่างน้อยก็มากกว่า 4 ห้องแรกที่เล่าเรื่องราวผ่านจอโปรเจคเตอร์ ให้ยืนเมื่อยๆ คอยดูมาตลอดทางที่ผ่านมา
Transport Corridor
กลับมาสู่ห้องที่ต้องยืนดูหน้าจอโปรเจคเตอร์ (อีกแล้ว) สไปเดอร์แมนจะมาแนะนำการเตรียมตัวที่จะไปสู่ห้องต่อไปที่เป็นการขึ้นยานบิน ก่อนจะจบเพื่อไปยังห้องต่อไปก็มีให้ตื่นเต้นนิดๆ เพราะว่ามีเจ้ายักษ์เขียว Hulk โผล่ออกมาช่วยเปิดประตูที่ติดขัดให้ด้วย
4D Motion Ride
เป็นโรงภาพยนตร์แบบ 4DX จุดเด่นอยู่ที่หน้าจอเป็นแบบโดมเพดาน ทำให้มุมมองเวลารับชมกว้างเหมือนกำลังเกิดขึ้นรอบตัวเรา ซึ่งแตกต่างจากที่อื่นที่จะใช้เป็นจอแบบแบน ทำให้ที่นี่วิดีโอดูมีมิติสมจริงยิ่งขึ้น ส่วนเก้าอี้นั้นจะมีการโยกสั่นเขย่าตามเนื้อเรื่องที่เกิดขึ้น ส่วนภาพยนตร์บนจอก็จะเป็น 3D ที่ต้องใส่แว่นชมด้วยเช่นกัน
ห้องนี้ก็เป็นอีกไฮไลท์เด็ด ที่ผู้สื่อข่าวในรอบพรีวิวไม่ได้ลองรับชมของจริง ดังนั้นผมจึงไม่สามารถบอกได้ว่าตัวหนัง 4DX ของมาร์เวลในห้องนี้จะสนุกมันส์สมจริงขนาดไหน ใครอยากจะรู้ก็คงต้องมาดูกันเอง
Training Center
โซนเกือบจะสุดท้ายละ เป็นการจำลองให้เห็นเหมือนห้องฝึกซ้อมสำหรับทหารใหม่ ซึ่งจริงๆ โดยจะมีเกมแบบ Interactive ให้ได้เล่นสวมบทบาทเป็น Super Hero ให้ได้เล่นกันทั้งหมด 3 เกม จัดเป็น KIOSK ให้ต่อคิวเล่นได้ ซึ่งในรอบพรีวิวนี้ ทีมงานก็ได้แต่ยืนดูน้องสต้าฟเล่นให้ชมเพียงอย่างเดียว
ส่วนตัวแล้วโซนนี้น่าจะเหมาะกับเด็กๆ มากกว่าผู้ใหญ่ เพราะว่ารูปแบบของเกมนั้นเป็นแบบ Mini Game ที่ใช้กล้อง kinect จับความเคลื่อนไหว โบกไม้โบกมือ หรือกระโดด ตัวเกมเล่นแบบไม่ซับซ้อน แต่มันก็ไม่ได้ challenge ผู้เล่นอะไรมากนัก และในยุคปัจจุบันที่เป็นสมัยแห่ง VR AR แต่ยังเอาเทคนิคสมัยเมื่อ 4-5 ปีก่อนมาทำเป็นเกมให้เล่น มันเลยดูไม่น่าตื่นตาตื่นใจสักเท่าไร
และที่ผนังทางเดินของโซนนี้ จะมีอุปกรณ์และพร้อบของตัวละครมาร์เวล ตั้งโชว์ให้ได้ดูด้วย
The Astral Plane
โซนนี้ทางทีมงานบอกกับเราว่า เป็นส่วนที่จะจัดแสดงคาแรคเตอร์ของมาร์เวลที่ไม่มีอยู่ในโชว์ โดยจะจัดเปลี่ยนหมุนเวียนอ้างอิงกับภาพยนตร์ของมาร์เวล ที่กำลังฉายอยู่ในขณะนั้น
Secret Meet & Greet
อีกโซนไฮไลท์ของการมาที่นี่ คือการได้ถ่ายรูปคู่ กับฮีโร่มาร์เวลตัวจริง แต่ทว่าจะเป็นรูปแบบของการสุ่ม คือจะมีห้องลับอยู่ 5 ห้อง ที่มีฮีโร่รอเราอยู่ด้านใน เราไม่สามารถรู้ได้ว่าในแต่ละห้องเป็นตัวละครอะไร สุ่มคิวเข้าไปถ่ายด้วยสมาร์ทโฟน ได้ 1-2 ช็อต และสามารถเข้าได้แค่ 1 ห้องเท่านั้น
บางคนอาจจะรู้สึกไม่ค่อยชอบกับระบบนี้ เพราะว่าไม่สามารถเลือกถ่ายรูปกับตัวละครที่ชอบได้ แต่ในแง่ของการจัดการถือว่าเป็นอะไรที่โอเค เพราะถ้าทุกคนเลือกได้ คิวต่อสำหรับตัวละครฮิตๆ อย่างไอออนแมน, กัปตันอเมริกา คิวจะยาวเหยียดมากๆ แล้วโชว์มันจะไม่จบภายในรอบเวลา
ตามปกติแล้ว เวลาชมโชว์ที่เป็น Attraction นั้น โซนนี้จะเป็นอะไรที่ฟินสุดๆ เพราะได้เจอกับตัวละครและคาแรคเตอร์จริงๆ แต่พอมาจัดให้สุ่มเข้าไปถ่ายรูป ความรู้สึกที่จะได้ใกล้ชิดก็มลายหายไปเลย ทำให้รู้สึกว่าไม่สามารถเข้าถึงตัวฮีโร่ทั้งหลายได้อย่างที่อยาก
Exit Zone
หมดจากโซนถ่ายรูปแล้ว ช่วงของทางออกนั้น เราก็ยังคงแอบหวังว่าอาจจะมีเซอร์ไพรส์หรืออะไรให้ส่งท้ายก่อนจะจบโชว์ แต่สิ่งที่เราได้พบก็คือโถงทางเดินยาวๆ ที่มีป้ายไฟแบนเนอร์ตัวละครแปะอยู่ 2 ข้างทาง แค่นั้น และพอออกมาก็จะเป็นทางออกที่พาเข้าสู่โซนร้านค้าของที่ระลึกเลย
ในโซนนี้ต้องบอกว่ามีประเด็นดราม่าเยอะมาก นั่นคือมีหุ่นโมเดลขนาดเท่าตัวจริงของฮีโร่มาร์เวลตั้งอยู่ แล้วหน้าตาและความปราณีตของโมเดลนั้นอยู่ในระดับที่ค่อนข้างน่าผิดหวัง จนมีคนถ่ายภาพเอาไปโพสต์ไปแชร์ในโซเชียล
จากที่ไปหาข้อมูลมา สรุปแล้ว ในโชว์จริงตรงตำแหน่งนี้จะไม่มีเจ้าหุ่นโมเดลนี้ตั้งอยู่ คือมันจะไปกระจายอยู่จุดต่างๆ ในอาคาร แต่ในวันก่อนเปิดจริงดันเอามากองไว้ตรงนี้ ทำให้คนเข้าใจว่านี่เอาไว้ให้ถ่ายรูปส่งท้ายโชว์
เพราะหวังไว้มาก จึงรู้สึก “ผิดหวัง”
คำพูดนี้น่าจะสรุปตัวโชว์ Attraction ของ The Marvel Experience Thailand ได้ชัดเจนที่สุด เพราะทุกคนที่มาตั้งความหวังเอาไว้สูงมาก เพราะว่านี่คือ มาร์เวล นี่คือโชว์คาแรคเตอร์ระดับโลก แต่มีหลายอย่างที่คนไทยไม่รู้ว่า
เพราะว่าตัวลิขสิทธิ์ที่ The Marvel Experience Thailand ได้นั้น “เป็นของทาง Marvel ที่เป็นคาแรคเตอร์คอมมิค ไม่ใช่ของทางดิสนีย์ที่เป็นส่วนของภาพยนตร์”
คนไทยส่วนใหญ่ประทับใจตัวละครมาร์เวลจากภาพยนตร์ในจักรวาล MCU (Marvel Cinematic Universe) ที่เป็นลิขสิทธิ์ของทางดิสนีย์ คนคาดหวังว่าจะเห็น Ironman แบบโรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์, กัปตันอเมริกาที่หน้าแบบ คริส อีแวนส์ หรือแบล็ค วิโดว์ หน้าสวยๆ แบบ สการ์เลตต์ โจแฮนสัน รวมถึงเหล่าฮีโร่อื่นๆ ในกลุ่มของอเวนเจอร์
แต่ทั้งหมดใน The Marvel Experience Thailand จะอิงตัวละครที่เป็นเวอร์ชั่นคอมมิคทั้งหมด จึงไม่มีการพูดถึงเรื่องศึกสงครามอเวนเจอร์ ในภาคหนัง และมาเน้นสร้างเนื้อเรื่องแบบออริจินัล ด้วยการสร้างหน่วย S.H.I.E.L.D. ในประเทศไทยขึ้นมาแทน
ตัวละครหลักๆ ที่เอามาใช้ ส่วนใหญ่ก็คือตัวเด่นๆ ของมาร์เวลทั้งนั้น แต่ว่าก็มีตัวที่คนไทยไม่คุ้น หรือแทบจะไม่รู้จักมาร่วมด้วย อย่างเช่น SheHulk, Iron Fist และตัวร้ายเองก็เป็น M.O.D.O.K
พอคนมาดูโชว์ มาเจอกับสิ่งที่ไม่เหมือนกับที่คาดหวังเอาไว้ “ความผิดหวัง” จึงเกิดขึ้นเป็นธรรมดา ซึ่งจริงๆ มันก็ไม่ใช่ความผิดของทีมงาน The Marvel Experience Thailand แต่ต้องยอมรับว่านี่คือปัญหา
ส่ิงที่ขาดหายไป จนทำให้รู้สึก “กร่อย”
คราวนี้มาคุยกันเรื่องรูปแบบและการนำเสนอของ The Marvel Experience Thailand กันบ้าง อย่างที่ผมกล่าวไปเบื้องต้นว่า ในรอบสื่อมวลชนเราได้เพียงแค่เดินชมแบบ Walkthrough ไม่ได้ลองชมโชว์แบบของจริง ดังนั้นผมจะไม่ขอวิจารณ์ในส่วนที่ยังไม่ได้ดู แต่ก็อาจจะมีพูดถึงโดยอ้างอิงจากคำบอกเล่าของเพื่อนที่ได้ลองชมของจริงไปบ้างแล้ว
และนี่คือสิ่งที่รู้สึกว่า The Marvel Experience Thailand ยังมีอะไรที่บกพร่อง และเป็นข้อด้อยที่ควรจะต้องปรับปรุง
1.ไม่มีจุดสำหรับถ่ายรูป และที่มี มันก็…
ตามปกติแล้ว สถานที่แบบ Theme Charactor นั้น นอกจากโชว์ อีกสิ่งที่ควรจะต้องมีนั่นคือ “จุดถ่ายรูป” แต่ว่าเท่าที่เราได้เดินดูในวันรอบก่อนเปิดจริง รู้สึกได้เลยว่า “แทบจะไม่มีตำแหน่งสวยๆ ให้ถ่ายรูปเลย”
จริงๆ ทางสถานที่มีจัดมุมสำหรับถ่ายรูปไว้ด้วย แต่ในวันงานไม่ได้จัดตั้งไว้เพราะต้องใช้เป็นที่ส่วนรับรองสื่อมวลชน แต่นอกเหนือจากนั้น จุดต่างๆ ของอาคาร หรือแม้แต่ในบริเวณของ Attraction เอง ก็ไม่มีจุดไหนที่ดูแล้วอยากหยุดเพื่อเก็บภาพถ่ายเซลฟี่ เพื่อเอาไปแชร์ต่อในโลกโซเชียลได้เลย
บรรยากาศของโขว์ที่เส้นทางมืดๆ และไปจนถึงทางออกแล้ว ก็ไม่มีอะไรให้ถ่ายเป็น prop หรือฉากสวยๆ เลย นอกจากจุดถ่ายรูปกับฮีโร่ที่ต้องสุ่มดวงเอาตรงทางออก
ถ้าหากว่าสถานที่ต้องการเน้นเป็น สถานที่ท่องเที่ยว ก็ควรให้ความสำคัญกับจุดถ่ายภาพ และการสร้างความประทับใจของคนที่มาเที่ยวด้วย แถมประเด็นเรื่องโมเดลคาแรคเตอร์ที่โชว์ในอาคาร งานปั้นบอกตามตรงสู้ที่วางตั้งตามร้านอาหารหรือวัดในต่างจังหวัดยังไม่ได้ ยิ่งทำให้บรรยากาศมันดูเซ็งไปเลย
2.โชว์ไม่สามารถทำให้ผู้เข้าชมรู้สึก “มีอารมณ์ร่วม”
ผมว่านี่คือปัญหาใหญ่อีกเรื่อง เพราะลำพังคาแรคเตอร์มาร์เวลที่โชว์เป็นเวอร์ชั่นคอมมิค ไม่ใช่เวอร์ชั่นภาพยนตร์ที่คนส่วนใหญ่รู้จัก การนำเสนอโชว์ในส่วน Attraction ส่วนใหญ่ก็ทำเป็นห้องให้คนเข้าไปยืนดูหน้าจอหรือโปรเจคเตอร์ ที่เป็นภาพยนตร์แอนนิเมชั่นเล่าเรื่องราว ยิ่งเป็นช่วงครึ่งแรกของโชว์นั้น เป็นการยืนดูล้วนๆ
ต่อมาคือตัวเรื่องราวที่สร้างขึ้นมาว่าประเทศไทยโดนไฮดร้าบุก เราต้องเข้ามาในหน่วยที่ต้องช่วยฮีโร่ต่อสู้ แต่ทั้งโชว์มีการจำลองเหตุการณ์ให้ดูะหมือนว่าเราอยู่ในสถานการณ์ มีเพียงแค่ห้องที่ให้เล่นเกมยิงปืน กับโรงภาพยนตร์ 4DX เท่านั้น ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการปูพื้นเล่าเหตุการณ์ หรือสร้างอารมณ์รว่มกับคาแรคเตอร์ต่างๆ ที่อยู่ในภารกิจนี้
การที่พึ่งพาการเล่าเรื่องด้วยวิดีโอแอนนิเมชั่น ฉายผ่านจอ แล้วยืนดูอย่างเดียว มันจึงไม่สร้างความรู้สึกสนุกหรือมีอารมณ์ไปกับเหตุการณ์ ทั้งๆ ที่เราเดินอยู่ในฐานทัพ S.H.I.E.L.D.
3.เกมและ Interactive ที่ธรรมดาเกินไป
ใน Attraction มีจุดให้เล่นเกมได้ 2 จุดคือ ห้องเกมยิงปืน Simularium 360 3D และห้องรวมมินิเกม Training Center ตัวเกมยิงปืนนั้น ไม่ได้ทดสอบลองเล่น แต่รูปแบบของกราฟฟิคที่เป็น 3D (ต้องใส่แว่น) และเป้าตำแหน่งยิง ก็ขึ้นมาเป็นเป้าเหมือนป้ายกระดาษ มันเลยดูไม่เหมือนว่าอยู่ในซิมูเลเตอร์
ส่วนห้องมินิเกมนั้น บอกเลยว่า ธรรมดามากๆ ดูเป็นเกมสำหรับเด็กเล่นจริงๆ ซึ่งทำให้ผู้ใหญ่ไม่รู้สึกอยากเล่นเลย และทุกเกมเป็นลักษณะเดียวกันหมด จึงยิ่งรู้สึกว่าเหมือนมันไม่มีเกมอะไรน่าสนใจเลย
4.ชุดตัวละครฮีโร่มาเวล์ตัวจริง ดูเฉยๆ มาก
แม้ว่าชุดทั้งหมด (รวมถึงการตกแต่งและส่วนโชว์ต่างๆ) จะเป็นการส่งตรงมาจาก มาร์เวลที่ต่างประเทศ แต่งานโปรดักชั่นของชุดที่ออกมา มันรู้สึกธรรมดาในระดับที่ว่า ชุดของพวกคอสเพลเยอร์ตัดเย็บแต่งกันเอง แล้วใส่ประกวดตามงานการ์ตูน ยังทำออกมาดูสวยและเท่กว่ามาก ชุดสไปเดอร์แมนที่เหมือนชุดสั่งซื้อออนไลน์มาจาก Lazada หรือชุด Ironman ที่ดูสัดส่วนแปลกๆ และไม่มีลูกเล่นแสงสีอะไรเลย
ในรอบพรีวิว ส่วนของห้องถ่ายรูป โชคดีที่ผมได้ห้องของ Antman ซึ่งชุดทำออกได้ดี และยังเป็นเวอร์ชั่นปกติ ไม่ได้เป็นแบบย่อร่างขนาดเท่ามดอีกด้วย (ฮา)
5.ไม่มีเก้าอี้ให้นั่ง
มีเสียงบ่นจากคนที่ร่วมชมในรอบพรีวิวด้วยกันคือ ตลอดเส้นทางของ Attraction นั้น เดินระยะทางค่อนข้างไกล แล้วจุดที่นั่งพักได้นั้นไม่ค่อยมี ถ้าตามฐานที่เดิน จะมีส่วนให้นั่งได้คือห้องเล่นเกมยิงปืน กับห้องเล่น 4DX เท่านั้น ดังนั้นถ้าใครเดินมากๆ ไม่ค่อยได้ หรือข้อเข่าไม่ดี มีเมื่อยแน่
ส่วนดีที่ต้องชื่นชม
โอเค ไม่ใช่ว่าที่นี่จะจัดออกมาแย่ไปหมด เพราะก็มีส่วนที่ทำออกมาได้ดีและน่าประทับใจอยู่หลายจุดอยู่เหมือนกัน
- อุปกรณ์การฉายภาพ แม้ว่าคอนเทนต์จะดูไม่น่าดึงดูดหรือตื่นเต้น แต่เทคโนโลยีและอุปกรณ์ที่ใช้นั้นดีมาก โปรเจคเตอร์แบบเลเซอร์ที่มีความคมชัดสวยงาม และที่ดีมากๆ คือ ห้องฉาย 360 แบบ 3 มิติ ที่เป็นลักษณะแบบท้องฟ้าจำลอง ดูตื่นตาตื่นใจดี
- ระบบ 4DX ที่ใช้การฉายภาพเป็นแบบโดมขนาดใหญ่ แทนที่จะใช้เป็นแบบจอระนาบ ช่วยให้ภาพและบรรยากาศดูยิ่งใหญ่สมจริงมากขึ้น
- สินค้าลิขสิทธิ์ที่ขายใน Store ส่วนใหญ่ราคาไม่แพงจนเกินไป อย่างพวกเสื้อยืดนั้นจะอยู่ราวๆ 300 กว่าบาท มีพวกพวงกุญแจ ของกระจุกกระจิก, เคสไอโฟน, ตุ๊กตา, หมอน ฯลฯ งานผลิตถือว่าคุณภาพดี
- บ้านบอลที่บริเวณทางเข้าโซน Attraction คืออันนี้เสียเงินต่างหาก ถ้าพาลูกๆ มาเล่น เครื่องเล่นอะไรต่างๆ ดูไม่เหมือนกับบ้านบอลตามห้าง และเป็นธีมของมาร์เวลด้วย เด็กๆ น่าจะชอบกัน
สรุปส่งท้าย คุ้มมั้ยกับราคาค่าเข้าชม!?
ราคาบัตรเข้าชมส่วน Attraction ผู้ใหญ่ ราคา 1,500 บาท เด็ก ราคา 1,350 บาท สำหรับคนไทย จองผ่านออนไลน์ ได้ลด 100 บาท และมีโปรโมชั่นกับทางหน้าเว็บ กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต ลดพิเศษให้ 30% ราคาค่าเข้าก็จะเหลือไม่ถึง 1,000 บาท
เรื่องความคุ้มมั้ยกับการจ่ายค่าบัตรเพื่อเข้าชมส่วน Attraction ถ้าจากที่ได้ไปลองดูในรอบพรีวิวแล้ว ส่วนตัวผมว่าราคาระดับนี้ยังค่อนข้างสูงกับคุณภาพของโชว์และสิ่งที่ได้มีอยู่ในตอนนี้ เข้าใจว่ายังเป็นระยะแรกที่เริ่มเปิด รวมถึงยังมีหลายๆ อย่างยังไม่เข้าที่เข้าทาง เชื่อว่าตอนนี้ทาง TMX Thailand นั้นน่าจะได้รับฟีดแบคจากหลายๆ สื่อ รวมถึงกระแสบนโลกออนไลน์ เพื่อนำไปปรับปรุง