ทีมงานล้ำหน้าโชว์ ได้ทดสอบลองสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ OPPO F9 ที่มีการเปลี่ยนแปลงจากรุ่นก่อนในหลายด้าน ไม่ใช่แค่เพียงรูปลักษณ์หรือดีไซน์ แต่ยังจัดสเปคภายในมาให้อย่างดี แถมเพิ่มเทคโนโลยีระดับเรือธงมาให้อีกหลายอย่าง เสริมเขี้ยวเล็บให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิม
สมาร์ทโฟนในตระกูล F ของ ออปโป้ นั้น ถือว่าอยู่ในกลุ่มตลาดระดับกลาง (Mid-range) ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือกลุ่มที่มีราคาตั้งแต่ 10,000 บาทขึ้นไป ที่ชูจุดเด่นเรื่องของการออกแบบตัวเครื่องให้สวยงาม เน้นแฟชั่น รวมถึงเรื่องกล้องที่เซลฟี่ออกมาสวยถูกใจสาวๆ ก่อนอื่น เรามาดูข้อมูลด้านสเปคของ F9 กันดูว่า มีอะไรมาให้บ้าง
ข้อมูล สเปคเบื้องต้นของ OPPO F9
- ขนาด 156.7 x 74.0 x 7.99 มม.
- น้ำหนัก 169 กรัม
- หน้าจอแบบ Water Drop ขนาด 6.3 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ (อัตราส่วน 19.5:9) คิดเป็นสัดส่วนแสดงผลถึง 90.8%
- กล้องหน้า 25 ล้านพิกเซล รองรับเทคโนโลยี AI รูรับแสงกว้าง F/2.0
- กล้องหลังคู่ 16+2 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง F/1.8 Octa-core 2.0GHz
- CPU ใช้เป็น MediaTek Helio P60 หน่วยประมวลผลกราฟฟิค Mali-G72 MP3
- RAM 6GB
- หน่วยความจำภายในเครื่อง 64GB
- ระบบปฎิบัติการ Android Oreo ครอบด้วย ColorOS 5.2
- แบตเตอรี่ 3500 mAh
- เทคโนโลยีชาร์จไว VOOC Flash Charge
- เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือด้านหลังเครื่อง
- ถาดซิมแบบ Triple Tray รองรับ 2 ซิมการ์ด และมีช่องใส่ microSD ได้สูงสุด 256GB
- ตัวเครื่องมี 3 สีด้วยกัน คือ สีแดง Sunrise Red , สีน้ำเงิน Twilight Blue และสีม่วง Starry Purple
ในกล่องมีอะไรให้มาบ้าง?
มาดูกันในกล่องแพ็กเกจกันก่อนเลย ออปโป้ ถือว่าเป็นแบรนด์ที่จัดของตัวอุปกรณ์เสริมมาให้แบบครบถ้วนพร้อมใช้ ชนิดไม่ต้องไปหาซื้อเพิ่มอะไรให้วุ่นวาย โดยในกล่องจะประกอบด้วย
- ตัวเครื่องสมาร์ทโฟน OPPO F9
- เคสใสแบบ TPU สำหรับใส่ป้องกันรอยขูดขีดด้านหลัง
- คู่มือการใช้งานฉบับย่อและใบรับประกันสินค้า
- เข็มจิ้มถาดซิม
- หูฟังสมอลทอล์ค
- อแดปเตอร์ชาร์จไฟ รองรับการใช้งาน VOOC Flash Charge
- สาย Micro USB รองรับการใช้งาน VOOC Flash Charge
OPPO F9 ในไทย คือ F9 Pro ในต่างประเทศ!
ก่อนอื่นต้องบอกทุกคน เพื่อให้เข้าใจตรงกัน เพราะถ้าหากตามข่าวจากต่างประเทศจะทราบข้อมูลว่า F9 นั้นจะมีทั้งหมด 2 รุ่นคือ F9 และ F9 Pro โดย 2 ตัวนี้จะมีความต่างกันคือ RAM ที่ให้มา รุ่นปกติจะ 4GB ส่วนรุ่นโปรจะเป็น 6GB
จากสเปคเบื้องต้นจะเห็นว่า F9 ที่เข้ามาจำหน่ายในไทยให้ RAM มาถึง 6GB เท่ากับ F9 Pro ในต่างประเทศ นั่นก็คือ อันนี้ทางออปโป้ไทย แจ้งว่า ในไทยจะมาเป็นสเปคมาเป็นตัวท็อปสุดเท่ารุ่น Pro แต่จะใช้ชื่อรุ่นเป็น F9 เฉยๆ ดังนั้นไม่ต้องรอว่าจะมีรุ่นโปรเข้ามาทีหลัง เพราะนี่คือตัวท็อปสุดของรุ่นแล้ว
อะไรคือ “หน้าจอแบบหยดน้ำ Water Drop”
สิ่งแรกที่สะดุดตา กับการออกแบบด้านหน้าของเครื่อง นั่นคือหน้าจอที่ออปโป้เรียกว่า “Water Drop Display” หรือถ้าเรียกชื่อแบบไทยๆ ก็คือ “หน้าจอแบบหยดน้ำ”
ที่มาของขื่อนี้ก็คือ ก่อนหน้านี้จอที่เป็นแบบเกือบเต็มพื้นที่ด้านหน้า จะมีสิ่งที่เรียกว่า Nocth หรือที่เรียกกันติดปากว่า “ติ่ง” ด้านบนหน้าจอ บางรุ่นก็แหว่งเยอะ แหว่งน้อย แตกต่างกันไป
แต่ออปโป้ก็พยายามออกแบบให้สมาร์ทโฟนที่มีจอใหญ่เต็มตา มีเจ้าติ่งนี้ให้น้อยที่สุด จนกลายมาเป็น จอแบบหยดน้ำ ที่ลักษณะติ่งที่เว้าเข้ามาในจอนั้นเล็กมาๆ ดูละม้ายคล้ายกับหยดน้ำ ทำให้ตัวหน้าจอขนาด 6.3 นิ้ว ของ F9 มีพื้นที่แสดงผลเป็นสัดส่วนมากถึง 90.8% เลย
โดยตำแหน่งที่เป็นเหมือนหยดน้ำนี้จะไว้สำหรับตัวกล้องหน้าความละเอียด 25 ล้านพิกเซล และตัวลำโพงเสียงสนทนาก็ดูกเลื่อนไปไว้เกือบอยู่กับขอบเครื่องด้านบน ซ่อนเอาไว้อย่างสวยงาม
แม้ว่าจอจะใหญ่ถึง 6.3 นิ้ว แต่ในอัตราส่วน 19.5 : 9 ที่ยาวเป็นพิเศษ ทำให้ตัวเครื่องมีขนาดที่ 156.7 x 74.0 มิลลิเมตร หนา 7.99 มิลลิเมตร และน้ำหนักที่เบาเพียง 169 กรัม เป็นขนาดที่ถือใช้งานได้สะดวกสบายกำลังดี
ดีไซน์ตัวเครื่องที่สีสันไล่เชดอย่างสวยงาม
นอกจากด้านหน้าจะไม่เหมือนใครแล้ว รอบเครื่องการออกแบบก็ทำได้สวยสะดุดตา แม้ว่าวัสดุที่ใช้จะเป็นโพลีคาร์บอเนต แต่ออปโป้ก็มีกระบวนการผลิตพิเศษ ที่สามารถทำสีของเครื่องให้ออกมาดูมันวาวหรูหรา
ตั้งแต่บริเวณขอบเครื่อง ตัวที่ทีมงานได้มาทดสอบเป็นสีแดง Sunrise Red ที่มีการไล่เฉดสีจากแดงมาเป็นสีม่วงได้อย่างสวยงาม จะมีปุ่มกด Power อยู่ที่ด้านขวา และปุ่มปรับระดับเสียงอยู่ทางซ้าย โดยจะมีถาดซิมเป็นแบบ Triple Tray ที่ใส่ได้ 2 ซิม ขนาด Nano SIM และใส่ microSD ได้พร้อมๆกัน
ด้านล่างเครื่องจะเป็นช่องลำโพง, พอร์ตเชื่อมต่อและชาร์จไฟแบบ Micro USB, ไมค์เสียงสนทนา และช่องหูฟังแบบ 3.5 มิลลิเมตร
พลิกมาด้านหลังเครื่องก็เป็นสีไล่เฉดเช่นกัน แต่พิเศษเพิ่มขึ้นด้วยลวดลายแบบกลีบดอกไม้ที่สวยแบบมีมิติ คือถ้าถือมองในแต่ละมุม ก็จะเกิดลวดลายของสีสันที่แตกต่างกันไป จะมีตัวสแกนลายนิ้วมืออยู่ตรงกลาง และเลนส์กล้องคู่พร้อมไฟแฟลช LED โดยการออกแบบจะมีตัดขอบด้วยสีโลหะ เพิ่มความพรีเมี่ยมมากขึ้น
ประสิทธิภาพการใช้งาน
จากสเปคที่ใช้ชิปเซตเป็น MediaTek Helio P60 หน่วยประมวลผลกราฟฟิค Mali-G72 MP3 ที่ให้ RAM มาด้วยถึง 6GB ถือว่าเป็นสเปคที่ค่อนข้างโอเค พร้อมสำหรับการใช้งานต่างๆ ได้แบบลื่นไหลไม่มีสะดุด โดยตัว RAM 6GB ที่มีให้มาในเครื่อง หลังจากหักตัว System ใช้งานไป ก็จะมี RAM เหลือให้ใช้อีกราวๆ 3.2-3.4 GB
การทดสอบ Benchmark ด้วย Antutu สามารถทำคะแนนออกมาได้ 137,767 คะแนน ถือว่าอยู่ในระดับที่ค่อนข้างดี สำหรับสมาร์ทโฟนราคาระดับกลาง
ถ้าพูดเรื่องของการเล่นเกม สเปคระดับนี้ถือว่าอยู่ในระดับปานกลาง โดยออปโป้ได้ใส่ระบบ OPPO Game Space ที่จะช่วยปรับการทำงานของเครื่อง และรีดประสิทธิภาพให้พร้อมสำหรับการเล่นเกมให้ดีที่สุด
กรณีเล่นเกมกราฟฟิคหนักๆ อย่าง ROV ก็สามารถเล่นได้ไม่ปัญหา โดยคุณภาพกราฟิคนั้น จะเลือกปรับได้ถึง HD แต่ไม่สามารถเล่นในโหมดเฟรมเรตสูงได้ โดยจะเล่นได้ที่ 30fps เท่านั้น
Android 8.1 Oreo มาพร้อมกับ ColorOS 5.2
ระบบปฎิบัติการบน OPPO F9 ใช้เป็น Android 8.1 Oreo ที่ครอบทับด้วย ColorOS 5.2 เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด แบบเดียวกับที่ใช้บน Find X หน้าตา UI จะสวยงาม เรียบๆ ใช้งานง่าย ไม่รกหูรกตา หรือถ้าใช้แล้วไม่ชอบก็เลือกโหลดธีมมาเปลี่ยนได้ที่แอป Theme Store
ColorOS 5.2 นอกจากดีไซน์ที่ใช้งานง่ายแล้ว ยังมีฟีเจอร์เด่นๆ ที่อำนวยความสะดวกให้อีกหลายอย่าง ยกตัวอย่างเช่น
- ปุ่ม Navigator ที่ด้านล่างของจอ เลือกใช้ได้ทั้งแบบกด 3 ปุ่ม (Recent, Home, Back) หรือจะเลือกซ่อนทั้ง 3 ปุ่มออกไป แล้วเปลี่ยนการสั่งเมนูต่างๆ ด้วยการปัด Swipe แทน (เลือกปรับได้ที่ Settings > Smart Convenience > Navigation Keys)
- Gesture & Motion คำสั่งด่วนระหว่างที่หน้าจอปิดเอาไว้ เช่น เคาะจอ 2 ครั้งเพื่อเปิดหน้าจอ, วาดรูปเป็นตัวอักษรเพื่อสั่งงานด่วน เช่น วาดตัว O เพื่อเปิดใช้งานกล้อง, วาดตัว V เพื่อเปิดไฟฉาย
- Split Screen แบ่งหน้าจอเพื่อใช้งาน 2 แอพได้พร้อมกัน ด้วยจุดเด่นของจอใหญ่แล้วยาวด้วยอัตราส่วน 19.5 : 9 ช่วยให้แบ่งจอแล้วใช้งานได้เต็มตา การเรียกใช้งานก็ง่ายๆ แค่รูด 3 นิ้วขึ้นมาจากด้านล่างจอ ก็จะแบ่งหน้าต่างให้เปิดอีกแอปมาใช้พร้อมๆ กันได้ทันที
- ระบบปลดล็อคด้วยสแกนใบหน้า เพื่อความสะดวกสบาย แค่หยิบ OPPO F9 ขึ้นมา ก็จะสแกนใบหน้าที่ลงทะเบียนไว้แล้วปลดล็อคเพื่อใช้งานได้อย่างรวดเร็ว เลือกได้ว่าจะให้สแกนแล้วเข้าหน้าโฮมเลย หรือแค่ปลดล็อคแล้วต้องปัดจอเพื่อเปิดอีกที
- Magazine Unlock เก๋ๆ สวยๆ ด้วยวอลเปเปอร์หน้าล็อคสกรีน ที่เลือกภาพจากคลังภาพออนไลน์ของออปโป้ มาเปลี่ยนที่หน้าล็อคได้มากมาย เลือกตามหมวดหมู่ต่างๆ ตามที่พอใจ
- Smart Bar เมนูสำหรับเวลาที่เล่นเกมหรือดูหนัง ที่ลากออกมาเป็นเมนูสำหรับเปิดใช้งานแอปแชท หรือเรียกคำสั่งลัดอย่างจับภาพหน้าจอได้ทันที
ความบันเทิง ดูหนัง ฟังเพลง
ด้วยความที่หน้าจอแบบหยดน้ำของ OPPO F9 มีขนาดใหญ่ถึง 6.3 นิ้ว และเป็นสัดส่วน 19.5 : 9 ทำให้มีพื้นที่จอใหญ่มาก การดูหนังไม่ว่าจะเป็น Youtube หรือจากแอปต่างๆ ก็เปิดดูได้สวยงามคมชัดในระดับ Full HD
ในกรณีที่ดูคลิป Youtube นี่สามารถขยายภาพให้เต็มพื้นที่ได้ด้วย ตรงนี้เราจะเห็นข้อดีของดีไซน์จอแบบหยดน้ำขึ้นมาทันที เพราะมันกินพื้นที่แหว่งเข้ามาน้อยมาก ทำให้รู้สึกว่าภาพนั้นใหญ่เกือบเติมพื้นที่จริงๆ
ส่วนเรื่องเสียง ถ้าฟังจากลำโพงถือว่าดีในระดับพอใช้ ลำโพงเสียงเป็นโมโนโดยตำแหน่งที่อยู่ด้านล่างของเครื่อง ส่วนตัวแอบขัดใจกับตำแหน่งลำโพงอยู่บ้าง เพราะเมื่อเราหมุนเครื่องเป็นแนวนอนเพื่อดูหนังหรือเล่นเกม มีโอกาสที่มือของเราจะไปบังช่องลำโพง และทำให้เสียงเบาลงได้
มาดูทางด้านของหูฟัง มีช่องเสียบ 3.5 มิลลิเมตรมาให้เรียบร้อย พร้อมระบบเสียงแบบ Real HD มาช่วยปรับเพิ่มมิติของเสียงจากการฟังด้วยหูฟังให้ดียิ่งขึ้น
VOOC Flash Charge ที่รวดเร็วและมั่นใจได้ว่าปลอดภัย
เทคโนโลยีเด่นของทางออปโป้ ที่ทุ่มเทพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง จุดเด่นของระบบนี้คือออกแบบมาให้สามารถชาร์จกระแสไฟเข้ามาในแบตเตอรี่ได้อย่างรวดเร็ว โดยที่เน้นเรื่องความปลอดภัย ตั้งแต่การควบคุมแรงไฟให้ชาร์จได้อย่างต่อเนื่อง มีชิปที่คอยตรวจเช็คสถานะการชาร์จให้ราบรื่น และป้องกันพร้อมตัดไฟทันทีหากมีความผิดปกติ
จุดเด่นของ VOOC Flash Charge นั้น แตกต่างจากการชาร์จเร็วของแบรนด์อื่นชัดเจนที่สุดคือ ความร้อนระหว่างที่ชาร์จ กับยี่ห้ออื่นต้องบอกเลยว่าเวลาที่ชาร์จแบบเร็วนั้น ตัวเครื่องมีอุณหภูมิที่สูงร้อนจี๋มากจนน่าตกใจ แต่กับ VOOC Flash Charge อุณหภูมิเครื่องระหว่างที่ชาร์จนั้นอยู่ในระดับแค่อุ่นๆ เท่านั้น
ความเร็วในการชาร์จด้วย VOOC Flash Charge เร็วขนาดไหน? ถ้าอ้างตามข้อความโฆษณาของออปโป้กับ F9 นั้น บอกว่า แค่เสียบชาร์จเพียง 5 นาทีก็จะเติมไฟในแบตเตอรี่ เพื่อใช้โทรคุยสนทนาได้นานถึง 2 ชั่วโมงเลยทีเดียว
เราได้ลองทดสอบชาร์จแบตเตอรี่เครื่อง OPPO F9 ด้วย VOOC Flash Charge ดู โดยเสียบชาร์จเป็นเวลาประมาณ 15 นาที จะเห็นได้ว่า เครื่องมีกระแสไฟเพิ่มเข้ามาในแบตเตอรี่ถึง 22%
ลำพังตัวแบตเตอรี่ขนาด 3500 mAh ของเครื่องนั้น ก็มากพอสำหรับการใช้งานปกติทั่วไปได้ตลอดทั้งวันอยู่แล้ว พอได้การชาร์จเร็วด่วนแบบนี้มา ก็เอาไว้ช่วยตอนฉุกเฉินได้ แค่เสียบชาร์จไว้แค่ไม่กี่สิบนาที ก็ได้ไฟมาเติมได้อย่างรวดเร็ว
อ้อ! ตัวอแดปเตอร์ชาร์จ และ สายชาร์จที่แถมมาให้ในกล่อง รองรับ VOOC Flash Charge เรียบร้อย ไม่ต้องไปหาซื้อเพิ่มให้วุ่นวาย
กล้องหน้า 25 ล้านพิกเซล ถ่ายบิวตี้สวยด้วย AI และ HDR
เรื่องกล้องหน้าเซลฟี่ บิวตี้สวยเนียน คือสิ่งที่ขึ้นชื่อลือชามานานแสนนานบนสมาร์ทโฟนของ OPPO และใน F9 นี้ก็ไม่ทำให้สาวๆ ผิดหวัง ด้วยกล้องความละเอียด 25 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0
ความสวยงามฟรุ้งฟริ้งในการถ่ายเซลฟี่ ออปโป้มี AI Beauty 2.1 ที่ฉลาดในการปรับความลดเพิ่มความเนียนบนใบหน้าของเรา โดยการวิเคราะห์ให้อัตโนมัติด้วย AI แบ่งแยกได้ถึง 25 โซน 296 จุด แถมยังรู้ได้ว่าคนที่ถ่ายเป็นเพศอะไร และสีผิวแบบไหน เพื่อนำมาปรับค่า Beauty ให้เหมาะกับคนถ่ายได้ดีที่สุด ให้ได้ภาพเซลฟี่ที่หน้าสวยเนียน อย่างพอเหมาะลงตัว ไม่หลอนเรียบจนผิดธรรมชาติ หรือถ้าอยากจะเลือกปรับเองก็มีเลือกได้ถึง 6 ระดับ
อีกสิ่งที่มีมาให้คือ ระบบ HDR (High Dynamic Range)ในกล้องหน้า ที่มีประโยชน์มากในการถ่ายในกรณีมีแสงย้อนมาจากด้านหลังของแบบ HDR จะช่วยปรับความสว่างของใบหน้าให้สว่างชัด โดยที่ฉากหลังที่เป็นแสงก็ยังมีรายละเอียดด้วย
กล้องหน้ายังมีลูกเล่นให้มาอีกเพียบ อาทิ การปรับ Depth Effect เพื่อละลายฉากหลังให้เป็นโบเก้ และมีสติกเกอร์แบบ AR น่ารักๆ ให้เลือกแต่งระหว่างถ่ายเซลฟี่ได้ถึง 56 แบบ
ครั้งแรกกับกล้องหลังคู่ 16+2 ล้านพิกเซล บน F Series
ต้องบอกว่าเป็นครั้งแรกที่ออปโป้เอาระบบกล้องคู่ Dual Camera มาใส่ให้กับสมาร์ทโฟนในตระกูล F Series เป็นการเสริมลูกเล่นการถ่ายภาพด้วยกล้องหลังให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม
OPPO F9 ตัวกล้องนั้นความละเอียดจะเป็น 16 ล้านพิเซล รูรับแสง f/1.8 ทำงานร่วมกับกล้อง 2 ล้านพิเซลเพื่อช่วยวัดระยะของวัตถุกับฉากหลัง เพื่อทำภาพถ่ายแบบหน้าชัดหลังเบลอได้สวยงาม
กล้องหลังจะมี Portrait Mode สำหรับถ่ายภาพบุคคลให้ฉากหลังเบลอสวยงาม พร้อมทั้งจำลองแสงได้ 5 แบบ ให้อารมณ์ของภาพถ่ายที่สวยแตกต่างกันไป และถ้าถ่ายในฉากหลังที่เป็นไฟสว่างเป็นดวงๆ ก็จะได้ภาพหลังโบเก้เป็นดวงๆ เลย
AI Scene Recognition แยกแยะภาพที่ถ่ายและปรับให้สวยที่สุด
เพิ่มความฉลาดของกล้องด้วย AI ที่เรียนรู้ภาพที่เราจะถ่ายได้มากถึง 16 หมวดหมู่ ได้แก่, บุคคล, เด็กทารก, พลุ, ชายหาด, ทิวทัศน์, สุนัข, แมว, ข้อความ, แสงเวที, พระอาทิตย์ตก, ต้นหญ้า, ภายในอาคาร, อาหาร, ท้องฟ้า, หิมะ, กลางคืน
การที่ระบบสามารถแยกแยะสิ่งที่จะถ่ายได้ ทำให้เครื่องจัดการปรับ Setting ให้เหมาะกับการถ่ายวัตถุซีนต่างๆ เหล่านั้นได้เหมาะสมที่สุด แบบที่ว่าไม่ต้องเสียเวลาแต่งรูปอีกที โดยเวลาที่ถ่าย สังเกตที่มุมของเฟรมภาพ จะมีไอคอนบอกว่า ภาพที่กำลังจะถ่ายนั้น AI สามารถตรวจจับได้ และทำการพร้อมที่จะปรับภาพให้ทันทีหลังจากที่ถ่าย
Super Vivid Mode เร่งสีภาพและวิดีโอให้สีสวยสด
โหมดที่เพิ่มขึ้นมาให้เลือกใช้ได้ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง เป็นการอัดเร่งสีของภาพให้มีความสดใสเพิ่มขึ้นเป็นพิเศษ เหมาะกับเวลาที่ต้องการให้สีทุกสีในภาพมีความสดใสมากขึ้น ถ้าเป็นภาพบุคคล สีของเมคอัพ, ลิปสติกที่ทา และสีเสื้อ จะถูกเร่งให้สดขึ้นทันที หรือถ้าถ่ายวิวทิวทัศน์ ต้นไม้ดอกไม้ สีก็จะสดขึ้นกว่าปกติด้วยเช่นกัน
โหมดนี้ไม่ได้ใช้ได้เฉพาะถ่ายภาพนิ่งนะ ถ่ายวิดีโอเคลือ่นไหวก็เปิด Super Vivid Mode เพื่อเร่งสีได้เช่นกัน
ถ่ายวิดีโอก็ปรับ Beauty ได้
การถ่ายบิวตี้ บางทีก็ไม่อยากได้แค่เพียงภาพนิ่งเฉยๆ อย่างเดียว เราก็อยากจะสวยเนียนปิ๊งๆ กับการถ่ายวิดีโอด้วยเช่นกัน โดยเลือกกดที่ไอค่อน Beauty ก่อนเริ่มถ่ายวิดีโอ แต่มีข้อจำกัดอยูว่า ถ้าเปิดโหมด Beauty แล้ว จะสามารถถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงสุดได้ที่ 720p เท่านั้น เลือกแบบ 1080p ไม่ได้
สรุป! OPPO F9 น่าซื้อมั้ย?
การเปิดตัว OPPO F9 ในราคา 10,990 บาท ถือว่าเป็นราคาที่ไม่สูงเกินไปกับสมาร์ทโฟนสเปคระดับกลาง F9 มีการปรับปรุงหลายเรื่องจาก F7 อย่างเห็นได้ชัด ตั้งแต่ตัวเครื่องที่แม้ว่าจะใช้เป็นโพลีคาร์บอเนต แต่เอาเทคนิคการทำสีแบบไล่เฉด และทำมิติเหลื่อมของฝาหลัง ให้ความรู้สึกที่สวยงามหรูหรามากๆ ซึ่งข้อดีของวัสดุแบบนี้คือ มันมีน้ำหนักที่เบา แถมตกก็ไม่แตกเหมือนวัสดุที่เป็นกระจก
หน้าจอดีไซน์แบบใหม่แบบหยดน้ำ น่าจะถูกใจคนที่ไม่ชอบติ่งด้านบนขนาดใหญ่ๆ เพราะใน OPPO F5 นั้น ติ่งเล็กจิ๋วมากจนแทบไม่รู้สึกเกะกะตา ความละเอียดจอ FHD+ ก็ใช้เล่นเกม ดูหนังดูคลิปได้ชัดสวยเต็มตา
กล้องหน้าเซลฟี่ที่ไม่ผิดหวัง ถ่ายมาหน้าสวยเป๊ะด้วย AI ที่ปรับให้เหมาะกับใบหน้าของเรา เพิ่ม HDR ช่วยให้เซลฟี่ตอนย้อนแสงก็ยังหน้าใส กล้องหลังมาเป็นกล้องคู่เรียบร้อย มี AI ที่จับซีนการถ่ายภาพและปรับให้ได้ภาพที่สวยงามให้อัตโนมัติ
และสิ่งที่ชอบที่สุดคือ VOOC Flash Charge ที่มีประโยชน์มากๆ การชาร์จเร็วแบบที่ไม่ต้องรอนานก็ได้กระแสไฟมาเติมใช้มือถือได้แบบทันอกทันใจ และสเปคภายในที่ให้ RAM มาถึง 6GB ก็เหลือกินเหลือใช้ในการเปิดแอปต่างๆ แบบไม่ต้องมาคอยลบปิดให้รำคาญใจ
OPPO F9 ตอนนี้พร้อมวางจำหน่ายแล้วที่ OPPO Brand Shop ทุกสาขาทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น Lazada , Shopee และ JD Central
ล่าสุดกับสี Limited Edition สีม่วง Starry Purple แปลกตาด้วยสีม่วงไล่เฉดพร้อมประกายเหมือนดวงดาว เปิดให้จอง Pre-order ตั้งแต่ 8-26 กันยายนนี้ รับฟรี VIP Card รับประกันซ่อมจอแตกนาน 1 ปี และชุด Gift box