สมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดจากทางออปโป้ ที่น่าจับตามองมากที่สุดในตอนนี้ เพราะมันคือการกลับมาของตระกูล FIND ที่สร้างชื่อให้กับแบรนด์มาก่อน หลังจากหายไปหลายปี ก็ได้เผยโฉมออกมาเป็น OPPO FIND X ด้วยรูปลักษณ์การออกแบบที่โดดเด่น รวมถึงนวัตกรรมใหม่สดมากมาย อัดแน่นอยู่ในตัว เรียกได้ว่าเป็นอีกสมาร์ทโฟนเรือธงอีกรุ่นที่ไม่ควรมองข้าม
ทีมงานล้ำหน้าฯ เคยได้สัมผัสกับเจ้า OPPO FIND X เป็นครั้งแรกเมื่อต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ในตอนที่ได้ไปเยี่ยมชมสำนักงานใหญ่ของ OPPO ที่ประเทศจีน ก็รู้สึกประทับใจกับสัมผัสแรกในการดีไซน์ที่สวยงามไม่เหมือนใคร และหลังจากนั้น เราได้ตัวเครื่องมาทดสอบใช้งานจริงประมาณ 2 สัปดาห์ และนี่คือทั้งหมดที่เราได้ลองดูแล้วว่า โฉมงามเครื่องนี้ซ่อนความดุดันและฟีเจอร์ล้ำๆ เอาไว้เพียบ!
Unbox แกะกล่องดูว่ามีอะไรอยู่บ้าง?
ดีไซน์แพ็กเกจของ OPPO FIND X นั้นจะดูแตกต่างจากสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ ของออปโป้ ที่ส่วนใหญ่จะดีไซน์เป็นกล่องสีขาวเปิดด้านบน แต่อันนี้ดีไซน์เป็นกล่องสีดำเรียบๆ มีตัวหนังสือ FIND X สีทองบนกล่อง และเวลาเปิดจะเป็นแบบลิ้นชักเลื่อนออกมาด้านข้าง
ในกล่องจะมีตัวเครื่องวางอยู่ด้านบน เปิดถาดออกมาด้านล่างก็จะมีคู่มือการใช้งานและอุปกรณ์เสริมต่างๆ มาให้ ประกอบด้วย
- หูฟังแบบ Pod สีขาว พอร์ตเป็นแบบ USB-C
- หัวแปลงพอร์ต USB-C เป็นช่องหูฟังแบบ 3.5 มิลลิเมตร
- อแดปเตอร์สำหรับชาร์จไฟ รองรับมาตรฐาน VOOC Flach Charge
- สายชาร์จแบบ USB-A to USB-C รองรับมาตรฐาน VOOC Flach Charge
- คู่มือและเข็มจิ้มถาดซิมการ์ด
- เคสใสแบบ TPU สำหรับใส่ด้านหลังเครื่อง (ตัวเครื่องสำหรับทดสอบไม่มีให้มาจึงไม่มีภาพครับ)
สรุปข้อมูลสเปคเบื้องต้นของ OPPO FIND X
- ขนาด 156.7 x 74.2 มิลลิเมตร หนา 9.4 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 186 กรัม
- หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.4 นิ้ว ความละเอียด 1080 x 2340 พิกเซล แบบ Panoramic Arc Screen อัตราส่วน 19.5 : 9 เต็มพื้นที่ด้านหน้าถึง 93.8%
- ดีไซน์เครื่องแบบ Stealth 3D Camera ซ่อนกล้องหน้า, เซนเซอร์ และกล้องหลังไว้ สามารถเลื่อนเข้าออกเพื่อใช้งาน
- ระบบสแกนใบหน้าแบบ 3D Face Reconition สำหรับใช้ปลดล็อค
- ชิปเซต Qualcomm Snapdragon 845 AIE Octa-core 2.8 Ghz / GPU Adreno 630
- หน่วยความจำภายในเครื่อง 256GB (เพิ่ม microSD ไม่ได้)
- RAM 8GB
- กล้องหน้า ความละเอียด 25 ล้านพิกเซล (f/2.0) ถ่ายวิดีโอได้ 1080p
- กล้องหลังคู่ Dual camera
- 16 ล้านพิกเซล (f/2.0) ระบบจับโฟกัสแบบ PDAF และระบบลดการสั่นไหวของภาพแบบ OIS
- 20 ล้านพิกเซล (f/2.0)
- ถ่ายวิดีโอได้ 4K (30fps), 1080p (240fps) , 720p (480fps)
- รองรบการใช้งาน 2 ซิม
- พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB-C
- แบตเตอรี่ความจุ 3730 mAh
- รองรับระบบชาร์จเร็ว VOOC Flash Charge 5V/4A
- GPS : A-GPS, GLONASS, BDS
- Bluetooth 5.0
- เซนเซอร์ : ระบบสแกนใบหน้าแบบ 3D Structured Light
- ระบบปฎิบัติการ Android 8.1 ครอบด้วย ColorOS 5.1
Hand On สัมผัสรอบเครื่อง
เราแทบจะไม่ได้เห็น OPPO ดีไซน์สมาร์ทโฟนและใช้วัสดุที่เป็นกระจกทั้งเครื่อง และกับ OPPO FIND X นั้นต้องยอมรับเลยว่า “ทำออกมาได้ดีมากๆ” สัมผัสที่ให้ความรู้สึกถึงความพรีเมี่ยม ความโค้งมนรอบเครื่องที่ลงตัวสวยงาม ขนาดของตัวเครื่องนั้นให้ความกระชับเต็มไม้เต็มมือ ด้วยหน้าจอเป็นแบบ AMOLED ที่ให้สีสันสดใสชัดเจน ความละเอียด FHD+ (1080 x 2340 พิกเซล) อัตราส่วนยาวเหยียด 19.5 : 9 ด้วยขนาดใหญ่ถึง 6.4 นิ้ว
ออปโป้ใช้การดีไซน์หน้าจอแบบ Panoramic Arc Screen ที่ให้ขอบด้านข้างทั้ง 2 ด้าน โค้งมนเพื่อความสวยงามและสัมผัสกระชับมือ รวมถึงการชิดขอบด้านข้างแบบเต็มพื้นที่ ทำให้ FIND X มีหน้าจอสัดส่วนถึง 93.8%
อย่างที่เห็นในภาพ หน้าจอนั้นเกือบจะชิดทุกด้าน สังเกตแม้แต่ด้านล่างเอง ที่จะเห็นว่าสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์รุ่นอื่นๆ นั้นจะมีเว้นพื้นที่ด้านล่างเอาไว้เพื่อใส่ชิ้นส่วนตัวเชื่อมต่อหน้าจอ แต่ออปโป้เลือกใช้วิธีพับตัวจอด้านล่างลงไป (คุณสมบัติของจอ AMOLED คือมันพับงอได้) แล้วไปเชื่อมต่อกับแผงเมนบอร์ด ทำให้พื้นที่ขอบล่างเหลือเล็กลง จนดูจากหน้าเครื่องแล้วแทบจะไม่มีขอบจอให้เห็นอีกเลย
แต่การออกแบบจอแบบนี้ จะมีข้อจำกัดตรงที่ตัวเครื่องจะมีความหนาเพิ่มขึ้น สมาร์ทโฟนแอนดรอยด์รุ่นอื่นๆ ความหนาส่วนใหญ่จะอยู่ที่ประมาณ 8.0 มิลลิเมตร แต่ FIND X จะหนากว่าอยู่ที่ 9.4 มิลลิเมตร แต่นั้นก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะการออกแบบให้มีความโค้งมนของเครื่อง ช่วยให้ไม่รู้ว่ามันหนาเทอะทะ รวมถึงน้ำหนัก 186 กรัม ก็ยังเบากว่าสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นที่เครื่องบางกว่าจอเล็กกว่าซะอีก
มาดูรอบๆ ด้านข้างเครื่องกันบ้าง ใช้วัสดุเป็นโลหะเคลือบสี ด้านขวามีปุ่ม Power ส่วนทางซ้ายเป็นปุ่มปรับระดับเสียง ด้านบนและล่างเครื่อง จะทำโค้งเว้าเข้าไป ที่ด้านบนมีไมค์ที่ 2 สำหรับตัดเสียงรบกวน
และที่ด้านล่างเครื่องจะเป็นช่องลำโพง, ไมโครโฟน และจะเห็นว่าพอร์ตเชื่อมต่อเปลี่ยนมาใช้เป็นแบบ USB-C เรียบร้อยแล้ว ถัดมาก็จะเป็นถาดซิม ที่ออกแบบมาหน้าตาแปลกๆ คือใส่ได้ 2 ซิม แต่ว่าเอาประกบเข้าหากัน 2 ด้าน ถึงตอนนี้จะสังเกตเห็นบางอย่างที่หายไป นั่นคือ ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร ถูกถอดออกไป ถ้าจะใช้สามารถใช้หูฟังที่แถมมาให้ในกล่อง หรือจะใช้อแดปเตอร์แปลงหัว USB-C ที่แถมมาให้ก็ได้
และอีกอย่างที่หายไปคือ ช่องใส่ microSD นั่นคือเราไม่สามารถเพิ่มหน่วยความจำได้ แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาอีกเช่นกัน เพราะหน่วยความจำในเครื่องให้มาเหลือเฟือถึง 256GB
พลิกมาด้านหลังเครื่อง มันคือความเรียบหรูที่หาจากสมาร์ทโฟนรุ่นไหนๆ บนโลกนี้ไม่ได้ เพราะมันเป็นกระจกเรียบๆ ทั้งแผ่น มีเพียงโลโก้ของ OPPO และชื่อรุ่น FIND X พร้อมประกาศชัดๆ ว่า Designed by OPPO
การเล่นสีของฝาหลัง เป็นอีกความพิถีพิถันของการออกแบบ ตัวเครื่องที่ทีมงานได้มาทดสอบเป็นสีแดง Bordeaux Red (มีอีกสีเป็นสีน้ำเงิน Glacier Blue) ที่ใช้ชั้นฟิล์มหลายชั้นซ้อนกันจนเกิดสีที่สะท้อนสวยงามมีมิติ แล้วครอบทับด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 5 จะเห็นว่าตัวเครื่องจะเป็นสีดำที่มีการไล่เฉดสีเหลื่อมที่บริเวณขอบเครื่อง ให้ความรู้สึกที่หรูหรามาก
https://www.instagram.com/p/BlfJV0wlFhN/?utm_source=ig_web_copy_link
Stealth 3D Cameras ปฎิวัติการออกแบบสมาร์ทโฟน กับการซ่อนกล้องไว้ในตัวเครื่อง
ดูครบรอบเครื่องแล้ว คงสังเกตเห็นว่ามีอีกสิ่งที่หายไป นั่นคือ “กล้อง” หายไปทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง แถมเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือก็ไม่มี!
นี่คือไฮไลท์ที่ภูมิใจนำเสนอของ OPPO FIND X กับนวัตกรรมการออกแบบที่ทำให้ตัวโมดูลของกล้องหลัง ที่เป็นแบบเลนส์คู่ และกล้องหน้าพร้อมบรรดาเซนเซอร์ต่างๆ ได้แก่ Flood Illuminator, กล้อง Infrared, Dot Projector, เซ็นเซอร์จับระยะ รวมถึงลำโพงเสียงสนทนา สามารถซ่อนแอบอยู่ภายในตัวเครื่องได้
โดยเวลาที่จะใช้งานที่เกี่ยวกับกล้อง ส่วนบนของเครื่องจะเลื่อนขึ้นมา ด้วยระบบกลไกลแบบมอเตอร์ที่ออกแบบมาเป็นอย่างดี ออปโป้เคลมว่าระบบนี้สามารถเลื่อนขึ้นลงได้มากกว่า 300,000 ครั้ง อีกทั้งยังออกแบบการเลื่อนเข้าออกของชิ้นส่วนนี้ในกรณีที่เรากำลังถือใช้เป็นกล้องถ่ายรูป แล้วเกิดหลุดมือหล่นลงพื้น ตัวเครื่องจะสามารถตรวจจับสถานการณ์แล้วเลื่อนหดเก็บเข้ามาในตัวเครื่องก่อนที่จะกระทบกับพื้น อันนี้ผมมีลองทดสอบดูแล้วทำได้จริงๆ
https://www.instagram.com/p/BlgG5CUAt1-/?utm_source=ig_web_copy_link
การเลื่อนขึ้นลงนั้นถือว่าค่อนข้างเร็ว ใช้งานประมาณไม่ถึง 1 วินาที ส่วนเสียงนั้นเราจะได้ยินเสียงมอเตอร์ที่เบามากเวลาที่เลื่อน แต่ถ้าอยากจะเท่ๆ ใน Setting มีเสียงฟื้บๆ เวลาเลื่อนดูไฮเทคเก๋ไก๋มาก และอีกข้อดีของการออกแบบกล้องแบบซ่อนนี้คือ ตัวเลนส์กล้องนั้นแทบจะไม่เลอะเลย เพราะถูกซ่อนเอาไว้ ต่างจากสมาร์ทโฟนทั่วไปที่มักจะเลอะลายนิ้วมือ ต้องคอยเช็ดกันอยู่บ่อยๆ
ประสิทธิภาพที่ดุดัน ด้วยสเปคที่อัดมาให้แบบไม่ยั้ง!
เอาล่ะ! อย่างที่ผมเกริ่นไว้ตั้งแต่หัวเรื่องแล้วว่า เจ้า OPPO FIND X นั้น มันคืออสูรร้ายที่อยู่ในร่างของเทพธิดา ความหมายก็คือ รูปลักษณ์ภายนอกที่ออกแบบมาได้อย่างลงตัว ดูสวยงามสะดุดตา แต่ทว่าสเปคข้างในของมันนั้น ไม่ได้หวานเหมือนหน้าตาเลยแม้แต่น้อย
ตัวชิปเซตนั้นใช้ตัวท็อปแรงสุดของปีนี้อย่าง Qualcomm Snapdragon 845 AIE ที่มีนอกจากความเร็วในการประมวลผลสูงแล้ว ยังมีส่วนรองรับการคำนวนด้าน AI ใส่มาให้ด้วย ทำให้นอกจากแรงแล้วยังทำงานฟีเจอร์ด้านการแยกแยะเรียนรู้ได้ด้วย
หน่วยความจำในเครื่องใส่มาให้แบบใหญ่เบิ้ม 256GB แม้ว่าจะใส่ microSD เพิ่มไม่ได้ แต่พื้นที่ความจุเหลือเฟือขนาดนี้ ก็ใช้กันไม่หมดแล้วล่ะ ส่วนของ RAM เองก็เช่นกัน ออปโป้ยัดมาให้เต็มสูบที่ 8GB เหลือกินเหลือใช้อีกเช่นกัน โดยปกติใช้งาน RAM จะมีเหลือ 3-5GB ตลอดเวลา แทบไม่ต้องมานั่งปิดแอปเบื้องหลังกันเลย
แรงขนาดนี้ก็ขอทดสอบ Benchmark ด้วย Antutu ดู ผลคะแนนที่ได้นั้น สูงถึง 288,711 คะแนน จัดอันดับแล้วอยู่หัวตารางสมาร์ทโฟนที่แรงที่สุดของปี 2018 กันเลย
ColorOS 5.1 ที่สวยงามดูดีกว่าเดิม พร้อมฟีเจอร์ใส่มาให้ครบ
ระบบปฎิบัติการภายในเป็นตัวล่าสุดเป็น ColorOS 5.1 บน Android 8.1 Oreo ที่รู้สึกได้ทันทีคือหน้าตา UI ที่ดูสวยและน่าใช้กว่าเดิม ไอคอนและสีสันการจัดวาง เน้นความเรียบง่ายมากขึ้น ไม่ซับซ้อนทั้งบริเวณหน้าโฮมแบบไม่มี App Drawer ตัวหน้า Setting ก็ไม่ซับซ้อน การแจ้งเตือนแบบ Notification Badge มีแสดงผลเป็นตัวเลขที่ไอคอนแอป ส่วนเรื่องของหน้าตาธีมนั้น หากไม่ชอบตัวมาตรฐานก็มี Theme Store ให้เข้าไปโหลดเพิ่มได้อีกมหาศาล
ปุ่ม Navigator ด้านล่าง ในระบบมีให้เลือกปรับรูปแบบได้ว่า จะเป็นแสดงผลตัวปุ่ม Recent App, Home และ Back ค้างไว้ หรือให้ซ่อนได้เวลาไม่ใช้ เพื่อที่จะได้พื้นที่แสดงผลเต็มจอแบบสุดๆ แถมยังมีวิธีการควบคุมแบบใหม่ที่จะซ่อนปุ่ม Navigator ไปให้เหลือเป็นแถบเส้นเล็กๆ แล้วเปลี่ยนจากการกดเป็นตวัดลากนิ้วแทนได้ด้วย โดยเลือกที่ Swipe-up Gesture Navigation
ฟีเจอร์เด่นที่น่าสนใจที่มีให้มาใน ColorOS 5.1
- หน้าจอ Lock Screen สามารถเลือกเป็นแบบ Magazine (นิตยสาร) ที่จะสลับภาพสวยๆ มาโชว์ที่หน้าล็อคสกรีน
- Screen Clock แสดงนาฬิกา, วันที่ และการแจ้งเตือนบางอย่าง ไว้ที่หน้าจอเครื่องตอนที่ปิดหน้าจอไว้
- Curved Panoramic Light Effect เพราะว่าออปโป้ไม่มีพื้นที่ใส่ไฟแจ้งเตือนที่ด้านหน้า จึงเปลี่ยนการแจ้งเตือนระหว่างที่หน้าจอดับ เป็นการแสดงแสงไฟวิ่งวาบที่ขอบโค้งมนของจอดูสวยงาม
- Split Screen แบ่งพื้นที่หน้าจอแสดงผลทำงานได้ 2 จอพร้อมกัน ทำได้ง่ายๆ เพียงแค่ระหว่างที่ใช้แอปอะไรอยู่ ให้ใช้ 3 นิ้วลากจากจอด้านล่างขึ้นมา ก็จะแบ่งจอออกเป็น 2 ส่วนแล้วก็เลือกอีกแอปที่ต้องการเปิดพร้อมกันได้เลย
- ฟีเจอร์ใช้งานในโหมดแนวนอน เป็นเมนูซ่อนทางขวา เลื่อนปัดเรียกออกมา สามารถเปิดแอป Message ขึ้นมาเป็นหน้าต่างลอยได้ หรือจะสั่งบันทึกวิดีโอหน้าจอ, Screenshot และสั่งปิดการแจ้งเตือน เหมาะสำหรับใช้ระหว่างที่เล่นเกมเป็นอย่างมาก
- มีระบบบล็อคเบอร์โทร, SMS และตรวจสอบเลขหมายที่อาจจะเป็นหลอกลวงหรือสแปม มีติดตั้งมาให้ในระบบ
- การจับภาหน้าจอ นอกจากจะใช้วิธีกดปุ่ม Power + ปุ่มลดเสียงพร้อมกันแล้ว ยังใช้วิธีเอา 3 นิ้วลากบนจอจากบนลงล่างก็ได้
- Clone App เพื่อใช้งานแอป Social หรือแอปแชทต่างๆ ได้ 2 บัญชีในเครื่องเดียวกัน
- OPPO Cloud ผู้ใช้สามารถสมัครบัญชีเพื่อใช้งานเก็บข้อมูลได้ 5GB สำหรับซิงค์ข้อมูลรูปถ่าย, เบอร์โทร และข้อมูลสำคัญได้ฟรี
Game Space ปรับแต่งเพื่อการเล่นเกมโดยเฉพาะ
นอกจากสเปคเครื่องจะแรงแล้ว ในเรื่องของการเล่นเกม OPPO FIND X ก็จัดระบบ Game Space มาให้ เพื่อบริหารจัดการเกมต่างๆ ในสมาร์ทโฟนให้เป็นที่เป็นทาง รวมถึงยังเลือกปรับแต่งการเล่นเกมได้อีก
- โหมดประสิทธิภาพการทำงานของเครื่อง เลือกปรับได้ว่าจะเป็นแบบ “ประสิทธิภาพสูง” เพื่อการเล่นในระดับสุงสุด “ประหยัดพลังงาน” ปรับระบบให้เน้นใช้พลังงานน้อยลง และแบบ “สมดุล” ที่เฉลี่ยการทำงาน
- เลือกปิดกั้นการแจ้งเตือน แบบที่เป็นป้ายประกาศ ช่วยให้ไม่มีอะไรมาบังหน้าจอระหว่างที่เล่นเกม
- ล็อคความสว่างของหน้าจอ เพื่อลดความรำคาญของระบบการปรับแสงอัตโนมัติ
หลังจากลองเล่นเกมแล้ว กับเกมมหาชนอย่าง ROV นั้น เลือกปรับการแสดงผลแบบสูงสุด เล่นได้กราฟิกไหลลื่นๆ 60fps สบายๆ (มีแกว่งที่ 57-58fps บ้างเล็กน้อย) ความร้อนระหว่างที่เล่นมีอยู่บ้างแต่ไม่มาก ถือว่าเล่นเกมได้ดีสมศักดิ์ศรี Snapdragon 845
ความบันเทิง ดูหนัง + ฟังเพลง
ตัวเครื่องจัดมาหน้าจอใหญ่ขนาดนี้ ใช้ดูหนังดู Youtube เรียกได้ว่าเต็มตามากๆ และจอที่เป็น AMOLED ยังสามารถเข้าไปใน Setting เพื่อปรับปรุงการแสดงผลวิดีโอ ช่วยเร่งสีให้สดใสมากขึ้นได้ด้วย ส่วนเรื่องของเสียง ด้วยการออกแบบเครื่องทำให้มันมีลำโพงแค่ตัวเดียวที่ด้านล่างของเครื่อง โทนเสียงของลำโพงนั้น ดังดีแต่มิติของเสียงยังดูแบนๆ ไปนิด ถือว่าอยู่ในระดับที่พอได้
การเชื่อมต่อหูฟังนั้น ตัวเครื่องไม่มีช่อง 3.5 มิลลิเมตร จะต้องใช้อแดปเตอร์ต่อกับพอร์ต USB-C อีกที ในระบบของออปโป้จะมี Real Sound Technology ที่จะช่วยปรับจูนเสียงจากหูฟังให้ดีขึ้น ไปเลือกปรับกันได้ แต่ที่ค่อนข้างประทับใจเลยคือการฟังผ่านหูฟังแบบ Bluetooth ที่คุณภาพเสียงอยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างดี ชัดเจนไม่แห้ง รวมทั้งเสียงก็ดีเลย์น้อยมากๆ
นอกจากนี้ ออปโป้ยังมีฟีเจอร์ที่ชื่อว่า Music Party เป็นการเชื่อมต่อไร้สายกับสมาร์ทโฟนออปโป้เครื่องอื่นๆ เพื่อใช้เล่นเพลงเดียวกัน เพื่อให้ได้เสียงกระจายจากหลายจุดในห้องได้อีกด้วย
ความปลอดภัยด้วยการสแกนใบหน้า
OPPO FIND X ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์รุ่นแรก ที่เอาเทคโนโลยี 3D Structured Light มาใช้ในระบบยืนยันตัวเพื่อความปลอดภัย ด้วยหลักการทำงานของ Dot Projector ที่จะยิงมาร์กตำแหน่งบนใบหน้า 15,000 จุด และสแกนเก็บข้อมูลใบหน้าแบบ 3 มิติ ทำให้มีความปลอดภัยมากกว่าการสแกนลายนิ้วมือถึง 20 เท่า
จากที่ทดสอบใช้งาน การทำงานของระบบสแกนใบหน้าเพื่อปลดล็อคเครื่องทำได้รวดเร็วมาก โดยจังหวะที่ตัวโมดูลกล้องเลื่อนขึ้นมาปั้มมันก็สแกนเสร็จแล้วเลื่อนกล้องกลับทันที ความแม่นยำถือว่าไม่เจอที่สแกนตรงๆ แล้วผิดพลาด หากตอนสแกนหลับตาจะไม่สามารถสแกนได้
ส่วนการใช้งานในที่แสงน้อยหรือมืดสนิท ตัวระบบสแกนใบหน้าก็ยังทำงานได้ เพราะว่ามีกล้องอินฟราเรดสำหรับใช้รับข้อมูลในสภาพมืดสนิทได้ด้วย
ระบบการรักษาความปลอดภัยเครื่อง ถือว่าดีมากๆ นอกจากใช้งานสำหรับปลดล็อคเครื่องแล้ว ยังใช้งานในส่วนของการล็อคแอพ และล็อคไฟล์ข้อมูล อาทิ รูปภาพ, เสียง, เอกสาร ฯลฯ
VOOC Flach Charge ชาร์จด่วนอย่างไวที่ไว้ใจได้
อีกหนึ่งเทคโนโลยีของทาง OPPO ที่ตั้งใจพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง กับระบบการชาร์จแบตเตอรี่ ที่รวดเร็วทันใจ ภายใต้แนวคิดที่ต้องปลอดภัยสูงสุดบนประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้อย่างดีเยี่ยม ตัวแบตเตอรี่ในเครื่องให้มา 3730 mAh เรียกได้ว่าใหญ่พอสำหรับการใช้งานเต็มวันได้สบาย
การจะใช้งานชาร์จเร็วของ VOOC Flach Charge จะต้องใช้อแดปเตอร์ชาร์จและสายชาร์จที่ให้มาในเครื่อง (หรือรุ่นที่ทาง OPPO รับรอง) จุดเด่นที่ชาร์จไฟได้เร็วกว่ากระบบชาร์จเร็วอื่นๆ ถึง 4 เท่า ก็คือ เสียบชาร์จเพียง 5 นาที จะได้พลังงานในแบตเตอรี่เพื่อใช้สนทนาได้ต่อเนื่องถึง 2 ชั่วโมง และถ้าจะชาร์จเต็มก็ใช้เวลาแค่ชั่วโมงนิดๆ ก็เต็มแล้ว
ตัวเทคโนโลยี VOOC นั้นทำให้รับกระแสไฟในการชาร์จได้ถึง 5V 4A หรือ 20W แต่ก็ยังไม่ลืมเน้นเรื่องของความปลอดภัย ที่ตัวสายชาร์จโครงสร้างภายในและวัสดุที่รองรับกระแสไฟได้ และยังมีระบบเสริมความปลอดภัยในการชาร์จอีก 5 ขั้นตั้งแต่ตัวอแดปเตอร์ไปจนถึงในตัวเครื่อง จึงสบายใจเรื่องทั้งความปลอดภัย รวมถึงอุณหภูมิในระหว่างที่ชาร์จก็ไม่ร้อนจี๋เหมือนสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ อีกด้วย
กล้องหลังคู่ 16 + 20 ล้านพิกเซล
ถึงเรื่องกล้องซะที ดีไซน์สวย สเปคแรง เรื่องกล้องนั้นก็ไม่ธรรมดาทั้งด้านหน้าและหลัง โดยปกติมันจะถูกซ่อนเอาไว้ในเครื่อง เมื่อเรากดเมนูเรียกใช้งานเกี่ยวกับกล้อง มันก็จะเลื่อนขึ้นมาพร้อมใช้งานในทันที ตัวกล้องหลังเป็นแบบ Dual Camera ความละเอียด 16 + 20 ล้านพิกเซล (Sony IMX519 + Sony IMX376K) ค่ารูรับแสง f/2.0 ทั้ง 2 ตัว และมีระบบลดการสั่นไหวแบบ OIS มาให้ด้วย
AI Scene Recognition 2.0
โหมดการใช้งานหลักและเมนูกล้องใช้งานง่าย แต่ดียิ่งกว่าเพราะว่ามีระบบ AI มาช่วยในการถ่ายภาพในโหมด Photo ที่กล้องสามารถแยกแยะได้ว่า ภาพที่จะถ่ายนั้นเป็นภาพซีนแบบไหน เพื่อที่ว่ากล้องจะได้จัดโปรไฟล์สีและค่าการประมวลผลภาพ ให้ถ่ายรูปนั้นๆ ออกมาได้สวยงามที่สุด โดยแบ่งแยกได้ถึง 21 หมวดภาพกันเลย
ลูกเล่นภาพถ่ายสวยๆ แบบ 3D Portrait Lighting
กล้องคู่ของ OPPO FIND X ใช้ถ่ายโหมด Portrait แบบหน้าชัดหลังเบลอได้ดีขึ้นมาก เก็บรายละเอียดขอบตัวคนด้านหน้าได้เนียนเรียบไม่หลอกตา รวมถึงการปรับเบลอละลายฉากหลังที่ดูสวยงาม ยังมีเพิ่มลูกเล่นปรับแสงแบบ 3D หรือเปลี่ยนฉากหลังให้ดูเก๋ๆ ได้ด้วย
โหมด Pro ปรับแต่งค่าได้อิสระ
ยังคงมีโหมดกล้องแบบ Pro ที่สามารถเลือกปรับค่า Setting กล้องได้เอง ทั้งค่า White-Balance, ค่าชดเชยแสง EV (+- 2.0), ค่า ISO (100-3000), ความเร็วชัตเตอร์ (1/8000s – 16s) และเลือกปรับ AF MF ได้เอง
ตัวอย่างภาพถ่ายด้วยกล้องหลังของ OPPO FIND X
กล้องหน้าเซลฟี่ 25 ล้านพิกเซล!
เรื่องบิวตี้ถ่ายเซลฟี่นั้น เชื่อฝีมือของ OPPO ได้เหมือนเดิม จัดกล้องความละเอียดถึง 25 ล้านพิกเซล เซนเซอร์ Sony IMX576 รูรับแสง f/2.0 มีระบบบิวตี้สำหรับปรับแต่งความสวยใสของใบหน้า ที่เลือกได้ทั้งแบบ AI Beauty เลือกปรับให้ตามความเหมาะสมเพื่อภาพที่สวยเป็นธรรมชาติ หรือจะปรับระดับเองได้ถึง 6 ระดับ
3D AI Beauty ถ่ายเซลฟี่สวยทุกมุมมอง
เป็นการเอาคุณสมบัติของกล้อง 3D CAMERA มาใช้งานกับการถ่ายเซลฟี่ได้อย่างเหนือชั้น เพราะเราสามารถสแกนหน้าของเราในทุกๆ มุม สร้างเป็นโมเดล 3 มิติ แล้วระบบจะวิเคราะหการปรับบิวตี้ของโครงหน้าเราให้ถ่ายออกมาดูสวยงามทุกมุมมอง
3-HDR ปรับแสงของภาพได้มีมิติ
ระบบการปรับสภาพแสงในเวลาที่เจอสถานการณ์ย้อนแสงจากข้างหลัง หรือไฟที่มาจากทิศทางอื่น ระบบจะช่วยปรับให้ใบหน้าของเราสว่างชัดเจน โดยที่แสงจากด้านหลังก็ยังเก็บรายละเอียดได้ด้วย
3D Portrait Lighting สำหรับถ่ายเซลฟี่ก็มีนะ
ถึงแม้จะไม่ได้เป็นกล้องหน้าคู่ แต่ก็ใช้โหมด 3D Portrait Lighting ได้เหมือนกล้องหลังเช่นกันทั้ง 6 เอฟเฟค แต่ว่าจากที่ลองใช้การเก็บรายละเอียดของขอบภาพยังมีแอบหลุดๆ อยู่บ้างจะสู้กล้องหลังที่เป็น Dual Camera ไม่ไ่ด้
สติกเกอร์ และ 3D Omoji
ลูกเล่นสนุกๆ ของกล้องหน้า ที่มีสติกเกอร์น่ารักๆ เลือกใช้ระหว่างถ่ายได้หลายแบบ รวมถึงลูกเล่นใหม่ 3D Omoji ตัวการ์ตูนอวาตาร์ ที่เราสามารถขยับใบหน้าแล้วตัวการ์ตูนจะเคลื่อนไหวตาม เอาไว้อัดคลิปหรือทำภาพสนุกๆ ได้
ถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงสุด 4K
ตัวกล้องหลังของ OPPO FIND X สามารถถ่ายวิดีโอได้ความละเอียดสูงสุดที่ 4K (30fps) ถ่ายวิดีโอแบบสโลโมชั่นได้ที่ 1080p (240fps) และ 720p (480fps) ส่วนกล้องหน้าจะถ่ายวิดีโอได้ที่ 1080p และ 720p
กล้องหลังจะมีตัวระบบ OIS เพื่อช่วยลดการสั่นไหวของภาพมาให้ด้วย นอกจากนี้ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังจะมี Beauty Mode สำหรับถ่ายวิดีโอด้วยนะ แต่จะไช้ได้ที่ 720p เท่านั้น
จุดเด่นอีกอย่างของการใช้งานด้านวิดีโอก็คือ ในระบบจะมีตัว Editor สำหรับใช้ตัดต่อคลิปสั้น ใส่เพลง, ใส่ตัวหนังสือ มาให้ด้วยเลย
มีอะไรบ้างที่ลองใช้งานแล้วรู้สึกขัดใจ!
เราได้ลองใช้งาน OPPO FIND X มา 2 อาทิตย์กว่าๆ จุดเด่นและความประทับใจมีเยอะแต่ข้อด้อยข้อติก็ยังพอมีอยู่บ้าง อย่างแรกที่รู้สึกขัดใจเลยก็คือ ตำแหน่งของลำโพง มันอยู่ในตำแหน่งที่เมื่อถือเล่นเกมหรือดูหนังเมื่อใด จะติดที่อุ้งมือทำให้เสียงเบาลงไปมากๆ ทางแก้ไขเดียวก็คือ ฟังเสียงจากหูฟังบลูทูธ
ต่อมาเป็นเรื่องของกล้อง ที่ระบบการซูมภาพนั้นเก็บรายละเอียดได้น้อย ในระยะ 2x นั้นคมชัดเจนดี แต่ที่ระดับ 5x นั้นภาพเริ่มสูญเสียรายละเอียด และที่ 10x คือเบลอเป็นวุ้นเลย รวมถึงการถ่ายภาพในสภาพแสงน้อยหรือตอนกลางคืน ภาพก็จะมี noise มาก และรายละเอียดในภาพก็หายไปพอสมควร
ฝุ่นกับกล้อง มีปัญหาหรือไม่?
เป็นสิ่งที่หลายคนกังวลและถามมาพอสมควร เรื่องที่ตัวกล้องของ OPPO FIND X นั้นเป็นแบบเลื่อนขึ้นลงได้ มันจะมีพวกฝุ่นอะไรเข้าไปติดข้างในหรือไม่? จากที่ใช้มาสักพักก็พบว่า “มีเข้าไปบ้าง” คือมีบ้างครับ แต่ไม่เยอะมาก แต่ว่านานๆ เข้าถ้าไม่เช็ดเลยมันก็จะสะสม แนะนำให้หมั่นเช็ดเอาฝุ่นออกก็ไม่มีปัญหาครับ
สรุปปิดท้าย OPPO FIND X โดนใจแค่ไหน?
ถือว่าไม่ผิดหวังเลยกับการกลับมาของซีรี่ย์ FIND ของ OPPO ทุกอย่างจัดเต็มแบบไม่ยั้ง การออกแบบที่พรีเมี่ยม กลายเป็นสมาร์ทโฟนที่สวยหรูจนไม่อยากจะใส่เคสเพื่อบดบังความงามของมัน แล้วประสิทธิภาพการทำงานก็แรงสุดๆ แบบไร้ข้อกังขา เรื่องกล้องก็ใช้งานถ่ายภาพออกมาได้สวย ทั้งเรื่องเซลฟี่ที่ออกมาสวยเป๊ะหายห่วง ได้ AI ที่ช่วยเรื่องปรับซีนภาพให้ได้เหมาะสม ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่ดีรอบด้าน ตอบโจทย์การใช้งานทุกอย่างที่ผู้ใช้ต้องการ
OPPO FIND X ตอนนี้วางจำหน่ายในประเทศไทยแล้วอย่างเป็นทางการ ด้วยราคา 29,990 บาท