ค่อนข้างเซอร์ไพร์ซ กับการมาของ Vivo V11 สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่เปิดตัวพร้อมกับรุ่น V11i ที่มีการปรับโฉมทั้งดีไซน์ภายนอกใหม่ ใส่ฟีเจอร์และเทคโนโลยีล่าสุดชนิดไม่เกรงใจ X21 ที่เพิ่งเปิดตัวไปไม่กี่เดือน และนี่คือสมาร์ทโฟนอีกรุ่นที่น่าสนใจ ในกลุ่มตลาดราคาระดับกลาง
ข้อมูลสเปค Vivo V1
- ขนาดเครื่อง 157.91 x 75.08 x 7.90 มม.
- หนัก 156 กรัม
- หน้าจอ Halo FullView Display ขนาด 6.41 นิ้ว Super AMOLED FHD+ (2340×1080 พิกเซล) อัตราส่วน 19.5:9
- ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 660 AIE Octa-core
- RAM 6GB
- หน่วยความจำภายใน 128GB รองรับ microSD สูงสุด 256GB
- ระบบสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ
- กล้องหน้า ความละเอียด 25 ล้านพิกเซล (รูรับแสง f/2.0)
- กล้องหลังคู่ 12 ล้านพิกเซล DualPixel (รูรับแสง f/1.8) + 5 ล้านพิกเซล (รูรับแสง f/2.4)
- แบตเตอรี่ 3400 mAh รองรับระบบชาร์จเร็ว Dual-Engine Fast Charging
- พอร์ตเชื่อมต่อ Micro USB, ช่องหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร
- Bluetooth 5.0
- ถาดซิมแบบ Triple Tray (2 Nano SIM + 1 microSD) รองรับ Dual 4G / Dual VoLTE
- ระบบปฎิบัติการ Funtouch OS 4.5 (บนพื้นฐาน Android 8.1)
- สี Nebula (ม่วง–น้ำเงิน), Starry Night (ดำ–น้ำเงิน)
ในกล่องมีอะไรให้มาบ้าง?
สำหรับในแพ็กเกจเครื่องของ Vivo V11 ตัวเครื่องจะมีติดฟิล์มกันรอยมาให้เรียบร้อยจากโรงงาน โดยภายในกล่องจะมีคู่มือการใช้งานเบื้องต้น, เข็มจิ้มถาด SIM, หูฟัง, เคสกันรอยแบบ TPU, สายชาร์จและดาต้าแบบ Micro USB และอแดปเตอร์ชาร์จแบตเตอรี่ ที่รองรับระบบชาร์จเร็ว Dual-Engine Fast Charging
Hand On การพลิกโฉมหน้า ที่ดูแล้ว “ว้าว” ขึ้นอย่างชัดเจน
Vivo เปลี่ยนหน้าตาของสมาร์ทโฟนให้ทันสมัยด้วยการออกแบบหน้าจอแบบใหม่ที่เรียกว่า Halo FullView Display ที่ดันให้พื้นที่ของจอนั้นเต็มพื้นที่ด้านหน้าเครื่องสุดๆ ถ้าวัดอัตราส่วนแล้วมากถึง 91.27% ของพื้นที่ทั้งหมด โดยจะเห็นได้เลยว่าขอบด้านข้างจอนั้นบางบ้างๆ แค่ 1.76 มิลลิเมตรเท่านั้น
ที่ด้านบนของจอก็เว้นพื้นที่ไว้เล็กมาก จะเห็นว่ามีเพียงตำแหน่งของกล้องหน้าไว้เพียงอย่างเดียว ส่วนเซ็นเซอร์อื่นๆ ก็ถูกเอาไปแอบไว้ที่อื่น ทำให้ Notch เล็กจนแทบไม่รู้สึกกวนตาเลย
ขนาดของจออยู่ที่ 6.41 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ 2340×1080 พิกเซล อัตราส่วน 19.5:5 รวมถึงตัวจอใช้เป็นแบบ Super AMOLED ที่ให้สีสันคมชัดสวยงาม และแสดงผลสี sRGB เที่ยงตรงถึง 99.5%
ด้านข้างของเครื่อง ปุ่มเพิ่มลดเสียง และปุ่ม Power จะอยู่ที่ด้านขวาของเครื่อง ส่วนทางซ้ายจะเป็นช่องถาดใส่ซิม ที่ใช้เป็นแบบ Triple Tray ใส่ได้ 2 ซิม (ขนาดนาโนซิม) พร้อมทั้งใส่ microSD เพื่อเพิ่มความจุได้ด้วย
ด้านล่างจะมีพอร์ตหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร, ช่องไมโครโฟนสนทนา, พอร์ตเชื่อมต่อแบบ Micro USB และช่องลำโพง
ด้านหลังเป็นอีกสิ่งที่น่าประทับใจ ที่ออกแบบให้มีความโค้งมนแบบ 3D รับกับขอบเครื่องอย่างสวยงาม และจับกระชับเข้ากับอุ้งมือ พร้อมกับการทำสีไล่เฉด ที่มีให้เลือก 2 สีคือ สี Nebula (ม่วง–น้ำเงิน), Starry Night (ดำ–น้ำเงิน) โดยที่ด้านหลังนั้นจะมีชุดเลนส์กล้องคู่ พร้อมไฟแฟลช จึงดูเรียบๆ แต่สวยงาม
ระบบปลดล็อคหน้าจอที่น่าประทับใจ
ดูหมดรอบเครื่อง คงจะสังเกตว่าไม่เห็นตัวสแกนลายนิ้วมือเลย ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ใช่แล้วครับ Vivo เอาระบบวัดชีวมาตรรุ่นล่าสุดที่ใช้ไปแล้วในรุ่น X21 และนี่ถือว่าเป็นครั้งแรกที่ในซีรี่ย์ V ได้ใช้ระบบสแกนลายนิ้วมือแบบใหม่ที่หน้าจอ
การใช้งานนั้นจะแสดงผลตำแหน่งของการสแกนลายนิ้วมือขึ้นมาบริเวณที่ด้านล่างของจอ ซึ่งจะเอาไว้ใช้เวลาที่เราต้องการปลดล็อคเครื่อง จากการทดสอบส่วนตัวผมรู้สึกว่ามันทำงานได้รวดเร็วและแม่นยำกว่าตอน X21 พอสมควรเลย
นอกจากนี้ Vivo ยังเพิ่มระบบสแกนใบหน้าเพื่อปลดล็อคเครื่องแบบ Infrared มาให้ด้วย ทำให้เราปลดล็อคเครื่องด้วยการสแกนใบหน้าได้แม้ว่าจะอยู่ในที่มืดก็ยังได้
ประสิทธิภาพ
ตัวชิปเซ็ตนั้นใช้เป็น Qualcomm Snapdragon 660 AIE รุ่นเดียวกับใน X21 เป็นชิประดับกลางรุ่นที่มีฟีเจอร์ครบครัน ทั้งประสิทธิภาพด้านการทำงานกราฟฟิค และการวิเคราะห์ด้าน AI ที่เรียนรู้การใช้งานของเจ้าของเครื่อง เพื่อนำไปวิเคราะห์และปรับแต่งการทำงานได้อย่างสมดุล
Vivo V11 ให้ RAM มาใหญ่เหลือๆ 6GB ใช้งานแบบไม่ต้องห่วงว่าแรมจะเต็ม ส่วนหน่วยความจำในเครื่องก็ใส่มาให้ถึง 128GB ใช้งานได้สบายไม่ต้องกลัวพื้นที่เต็ม โหลดแอป โหลดเกม ถ่ายภาพถ่ายวิดีโอได้เหลือเฟือ แต่ถ้าใครรู้สึกว่ายังไม่พอ ก็ยังเพิ่ม microSD ได้อีก 256GB
ทดสอบคะแนน Benchmark ของ V11 อยู่ที่ 128692 คะแนน
ประสบการณ์ใช้งาน กับ Funtouch OS 4.5
เป็น Funtouch OS 4.5 เวอร์ชั่นเดียวกันกับใน X21 ที่ออกไปก่อนหน้านี้ โดยระบบปฎิบัติการพื้นฐานจะเป็น Android 8.1 การใช้งานนั้นไหลลื่นดีไม่มีการสะดุดหรือหน่วงในการใช้งาน ทั้งระบบทั่วไป การเล่นอินเทอร์เนต ฯลฯ
หน้าตาของ Funtouch OS 4.5 ตัวพื้นฐานจะเป็นสีโทนสีสันสดใส แต่ก็ดูเรียบสวยงาม ซึ่งถ้าไม่ชอบหรืออยากเปลี่ยนก็ทำได้โดยเข้าใน i Theme เพื่อโหลดมาติดตั้ง มีให้เลือกมากมายหลายร้อยแบบ พร้อมทั้งยังมีฟีเจอร์ใช้งานดีๆ ใส่มาให้ครบ
- การแจ้งเตือนมีแสดงเป็นตัวเลข badge ที่หน้าแอปไอคอน
- ปุ่ม Navigator เลือกปรับตำแหน่งได้ และเลือกเปลี่ยนใช้เป็นแบบ Gesture ที่ซ่อนปุ่มทั้งหมดแล้วใช้วิธีลากนิ้วจากด้านล่างเพื่อควบคุม
- เลือกแสดงผลแบบแบ่งหน้าจอเพื่อใช้งานได้ 2 แอปพร้อมกัน โดยลาก 3 นิ้วจากด้านบนของจอลงมา
- Control Center เรียกใช้งานได้รวดเร็วด้วยการลากนิ้วจากด้านล่างของจอ
- แสดงไอคอนแบบลอยสำหรับแอปสนทนา ระหว่างที่ใช้งานดูหนัง, Chrome, Youtube ฯลฯ
- Clone App สำหรับใช้งานแอปโซเชียลอย่าง Facebook, LINE, Messenger, Instagram ฯลฯ ได้ 2 บัญชีภายในเครื่องเดียว
- จับภาพหน้าจอได้รวดเร็วด้วยการใช้ 3 นิ้วแตะแล้วลากจากด้านล่างของจอขึ้น และเลือกจับภาพหน้าจอแบบทางยาวสำหรับจับหน้าจอแบบต่อเนื่อง
- แสดงนาฬิกาและการแจ้งเตือนที่หน้าจอแม้ว่าจะปิดจออยู่ (Alway On Display) เลือกปรับได้หลายแบบ และปรับสีหรือฉากซ้อนหลังได้ด้วย
- ภาพหน้าจอของ Lock Screen แบบ Magazine ที่มีภาพใหม่ๆ มาอัพเดทเปลี่ยนให้ได้อัตโนมัติ
- มีระบบ Beauty ปรับหน้าสวย สำหรับการใช้งานวิดีโอแชทผ่าน LINE, Messenger, WhatsApp
Jovi ครั้งแรกกับผู้ช่วยอัจฉริยะบนสมาร์ทโฟน Vivo
ทาง Vivo ได้เพิ่มระบบ Smart Assistant มาให้ใน Vivo V11 ด้วย มีชื่อเท่ๆ ว่า “Jovi” โดยจะมีหน้าของ Jovi Smart Scene ที่ระบบจะนำเสนอข้อมูลสำคัญทั้งปฎิทินนัดหมาย, วัดก้าวเดินในแต่ละวัน, แจ้งเตือนการนอน, รายงานอากาศ, ผลการแข่งขันกีฬาทีมโปรด ฯลฯ โดยจะแสดงเป็นลักษณะของการ์ดที่เลือกดูง่ายๆ เพียงแค่เลื่อนมาที่หน้าจอซ้ายสุดของหน้าโฮม
โหมดเกม
ในการเล่นเกม Jovi มีตัวช่วยจัดการเรื่องเกม ตั้งแต่ปรับทรัพยากรในเครื่องทั้ง CPU และ RAM ให้รีดประสิทธิภาพในการเล่นเกมได้ดี จัดการเรื่องสายโทรซ้อนระหว่างที่เล่นเกมเพื่อไม่ให้เล่นเกมแล้วติดขัด และปิดการแจ้งเตือนระหว่างเล่นเพื่อไม่ให้ขัดสมาธิก็ได้
ตัวสเปคเครื่องนั้น ถือว่าแรงพอสำหรับเล่นเกมกราฟฟิคสูงๆ ได้ อย่างเกมแห่งมวลมนุษย์ชาติ ROV ก็เลือกเปิดเล่นในโหมดภาพ HD และเฟรมเรทสูง ระดับ 60 fps ได้อยู่
การใช้พลังงาน และเทคโนโลยีการชาร์จเร็ว
แบตเตอรี่ภายในเครื่องนั้นให้มาที่ 3400 mAh นอกจากนี้ยังรองรับระบบชาร์จเร็ว Dual-Engine Fast Charging ที่เป็นเทคโนโลยีการชาร์จไฟของ Vivo ที่ออกแบบมาให้สามารถชาร์จไฟได้เร็วกว่าการชาร์จทั่วไป โดยจะเน้นเรื่องของความปลอดภัยเป็นสำคัญ โดยตัวอแดปเตอร์ที่แถมให้มาจะใช้งานชาร์จเร็วนี้ได้
ด้วยแบตเตอรี่ที่ให้มานั้นถือว่าค่อนข้างใหญ่ การใช้งานนั้นถือว่าอยู่ได้ต่อเนื่องแบบเช้ายันเย็น กับการใช้งานแบบปกติถือว่าเอาอยู่ แต่สำหรับใครที่เล่นเกมหรือถ่ายรูปเยอะ อาจจะต้องมีชาร์จเติมระหว่างวันอยู่บ้าง
กล้องหน้าเซลฟี่ 25 ล้านที่ชาญฉลาด
เรื่องเซลฟี่นั้น Vivo เป็นแบรนด์ที่พัฒนาเรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่อง นอกจากความละเอียดของภาพที่ 25 ล้านพิกเซลแล้ว ยังมีโหมดช่วยถ่ายภาพมากมายๆ ไม่ว่าจะเป็นโหมดแสงสำหรับเซลฟี่ที่จะถ่ายแบบหน้าชัดหลังเบลอ แล้วจำลองแสงรูปแบบต่างๆ ได้ถึง 6 แบบ
เรื่องการปรับบิวตี้ก็ทำได้ดี ที่มี Jovi ที่เป็น AI มาช่วยพร้อมทั้งเลือกปรับแต่งได้มากมาย ทั้งผิวนวล, สีผิว, รูปหน้า, ตา, จมูก แยกเป็นส่วนๆ ได้ตามที่ต้องการ และยังช่วยปรับภาพให้เหมาะสมตามเพศและอายุให้เองโดยอัตโนมัติ
กล้องหลังคู่ พร้อม AI ทำงานได้รวดเร็ว
กล้องหลังนั้น ใช้เป็นแบบ 12 ล้านพิกเซล แบบ DualPixel ที่ช่วยเรื่องความคมชัดและโฟกัสที่รวดเร็ว รูรับแสงที่กว้างขึ้นถึง f/1.8 ทำให้เก็บรายละเอียดภาพในที่แสงน้อยได้ดีกว่าเดิม ส่วนกล้องเสริมความละเอียด 5 ล้านพิกเซล (รูรับแสง f/2.4) ที่ช่วยในเรื่องการวัดระยะของภาพ
ครั้งนี้ Vivo เพิ่มเทคโนโลยีที่ช่วยในการถ่ายภาพมาให้หลายตัว ด้วยความสามารถของ Jovi ที่ทำงานด้าน AI ในการถ่ายภาพได้ดีเยี่ยม ตั้งแต่ AI Camera ที่สามารถระบุ Scene ของภาพถ่ายได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นภาพบุคคล, วิวทิวทัศน์, อาคาร, สัตว์เลี้ยง, ต้นไม้, ดอกไม้, อาหาร ฯลฯ ที่เมื่อถ่ายแล้ว AI จะปรับแต่งภาพออกมาให้สวยทันทีโดยที่เราไม่ต้องทำอะไรเลย
ต่อมาคือ AI Backlight HDR สำหรับการถ่ายภาพที่มีการย้อนแสงเข้ามา ระบบจะทำการถ่ายภาพครั้งเดียว 6 รูปแล้วนำมาเฉลี่ยค่าแสงให้ทั้งภาพสว่างและคมชัด และยังมี AI Low Light HDR ช่วยจัดการเรื่องภาพถ่ายตอนกลางคืนหรือแสงน้อยให้สว่างชัดมากขึ้น
ภาพถ่ายในโหมด Backlight HDR ที่เฉลี่ยความสว่างของภาพให้สวยชัดได้ทั้งภาพ
ความสามารถของ AI ในกล้องหลัง ยังมีเรื่องการถ่าย Portrait เป็น Bokeh หน้าชัดหลังเบลอ ที่เมื่อถ่ายแล้ว สามารถมาเลือกปรับค่ารูรับแสงหรือตำแหน่งโฟกัสภายหลังได้ด้วย
ความฉลาดของ AI ในกล้องหลังนั้นยังมีที่น่าสนใจอีกอย่างคือ ระบบช่วยจัดองค์ประกอบภาพถ่ายบุคคล ที่เวลาเราจะถ่ายภาพคน จะมีเส้นไกด์ขึ้นมาแนะนำว่าเราควรจัดวางตำแหน่งของคนในกรอบภาพที่ตำแหน่งไหนถึงจะออกมาสวยงาม ถือว่าเป็นผู้ช่วยการถ่ายภาพที่ดีมากๆ
และด้วยความสามารถใหม่ใน Android 8.1 ตัวระบบกล้อง Google Lens ก็มีเพิ่มให้เข้ามาด้วยเช่นกัน ให้เราเลือกเปิดเพื่อสแกนภาพและค้นหาข้อมูลต่อได้ทันที
นอกนั้นโหมดถ่ายภาพและวิดีโอก็มีมาให้เพียบพร้อม ทั้งโหมดโปรที่เลือกปรับค่าต่างๆ ได้อิสระ, DOC สำหรับใช้ตัวหนังสือและเอกสาร, ถ่ายภาพมุมกว้าง Panorama (ส่วนกล้องหน้าจะเป็น Wide Selfie), AR Sticker ลูกเล่นน่ารักๆ ในการถ่ายภาพ และวิดีโอที่สามารถเลือกเป็นแบบ Beauty ได้ด้วย
ตัวอย่างภาพถ่ายด้วยกล้องหน้าและกล้องหลังของ Vivo V11
สรุป : ชอบ/ไม่ชอบ กับ Vivo V11
ครั้งนี้ Vivo V11 นั้นจัดมาให้ทุกอย่างแบบไม่มียั้งมือ ตั้งแต่ดีไซน์หน้าตาสวยงามด้วยตัวเครื่องไล่สีเฉด ออกแบบโค้งมน หน้าจอ Halo FullView ที่มีติ่งเล็กจิ๋วจนแทบไม่รู้สึก ทำให้พื้นที่ด้านหน้าเต็มตาสุดๆ และเลือกตัวจอที่เป็น Super AMOLED ที่สีคมชัดมาให้อีกด้วย
Funtouch OS 4.5 มีลูกเล่นที่ดี ให้การใช้งานสมาร์ทโฟนพื้นฐานมีความลื่นไหลและตอบโจทย์ทุกความต้องการ เพิ่มมาด้วย Jovi ระบบผู้ช่วยที่นำเสนอข้อมูลและวิเคราะห์การทำงานแบบ AI ได้ด้วย
เรื่องของกล้องนั้น ค่อนข้างประทับใจในการพัฒนาที่ทำได้ดีขึ้นกว่ารุ่นก่อน การถ่ายภาพที่มี Jovi คอยปรับภาพตามซีนได้อย่างเหมาะสมทุกสถานะการโดยที่ผู้ใช้ไม่ต้องปรับอะไรเลย ส่วนกล้องหน้าเซลฟี่นั้น ชื่อเสียงด้านบิวตี้ที่เชื่อขนมกินได้ว่าถ่ายออกมาสวยใสปิ๊ง และยังมี AI ที่จดจำใบหน้าของเราและปรับให้สวยเหมาะตามที่ต้องการ ส่วนตัวชอบโหมด HDR ที่ถ่ายแล้วปรับภาพให้แสงและรายละเอียดได้สวยงามดีจริงๆ
มีส่วนที่ติอยู่บ้างคือ รุ่นนี้ไม่มีชิปเสียง Hi-Fi มาให้แต่ใช้ชิปเสียงของ Qualcomm แทน ซึ่งเสียงที่ได้ก็ถือว่าอยู่ในระดับค่อนข้างโอเค แต่ถ้าสรุปโดยรวมแล้วถือว่าเป็นอีกรุ่นที่น่าสนใจใน ราคาเปิดตัว 13,999 บาท ที่ได้ครบทั้งดีไซน์สวย และถ่ายภาพดีไม่ผิดหวัง
Vivo V11i น้องเล็กเผ็ดไม่แพ้กัน กับราคา 9,999 บาท
ในการเปิดตัว Vivo V11 นั้น ยังมีอีกรุ่นออกมาพร้อมๆ กันเลย นั่นคือ Vivo V11i ที่ดูรวมๆ แล้วจะใกล้เคียงกัน แต่จะมีบางส่วนที่แตกต่างไป เพื่อให้ได้รุ่นเล็กลงในราคาที่เบากว่า อยู่ที่ 9,999 บาท ซึ่งจะมีต่างกันหลักๆ ประมาณนี้
- ตัวเครื่องนั้นกว้างยาวใกล้เคียงกัน ความหนาจะมากกว่า 0.2 มิลลิเมตร อยู่ที่ 8.1 มิลลิเมตร ส่วนน้ำหนักต่างกันเล็กน้อย V11i จะอยู่ที่ 163.7 กรัม
- หน้าจอเป็น Halo Fullview ความละเอียด FHD+ อัตราส่วน 19.5:9 เหมือนกัน แต่จะเป็นขนาด 6.3 นิ้ว และตัวจอจะเป็น LTPS
- ชิปเซตใช้เป็น MediaTek Helio P60 สำหรับ RAM จะให้มาที่ 4GB ส่วนหน่วยความจำภายในให้เท่ากันที่ 128GB
- แบตเตอรี่ความจุใกล้เคียงกันที่ 3315 mAh พร้อมระบบชาร์จ Fast Charging
- การปลดล็อคเครื่อง ใช้เป็นการสแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลังเครื่อง
- กล้องหลังเป็นแบบคู่เหมือนกัน แต่ความละเอียดจะเป็น 16+5 ล้านพิกเซล (f/2.0) ส่วนกล้องหน้าเท่ากันที่ 25 ล้านพิกเซล (f/2.0)
หลักๆ จะมีความแตกต่างกันประมาณนี้ในส่วนของสเปค กับราคาที่ต่างกัน 4,000 บาท เป็นอีกตัวเลือกสำหรับคนอยากได้งบเบาๆ แต่ก็ได้สมาร์ทโฟนจอใหญ่เต็มตา กล้องหน้าเซลฟี่สวย ROM ใหญ่ 128GB
