Apple เปิดตัว smartwatch ใหม่ของทางค่าย นั่นคือ Apple Watch series 4
หนึ่งในฟีเจอร์ที่น่าสนใจของ Apple Watch series 4 คือ Fall Detection หรือ การตรวจจับการล้มของผู้ใส่ได้
ซึ่งแน่นอน เมื่อผู้ใส่ล้ม ตัวนาฬิกาจะตรวจจับการล้ม จากนั้นจะทำการติดต่อไปยังหมายเลขฉุกเฉิน
มี YouTube แชแนลที่ชื่อว่า ” What’s Inside?” ได้ทำการทดสอบการล้ม เพื่อดูว่าเจ้า smartwatch จะแยกแยะยังไง ว่า แบบไหนนับว่าเป็นการล้ม (แล้วต้องแจ้งหมายเลขฉุกเฉิน)? แบบไหนไม่ใช่การล้ม?
แต่อย่างแรกเลย … เราพบว่า การตั้งค่าแบบ default นั้น ฟีเจอร์ fall detection จะถูกปิดอยู่ (ถ้าจะใช้งานก็ต้องไปเปิดมันซะก่อนนะครับ)
Note : ฟีเจอร์ fall detection จะเปิดอัตโนมัติก็ต่อเมื่อผู้ใช้งานตั้งค่าอายุไว้ใน Apple Watch หรือ Health App ว่า คุณอายุมากกว่า 65 ปี (ถ้าต่ำกว่านั้นก็ต้องเข้าไปเปิดใช้งานเองนะครับ)
เมื่อทำการ enable หรือ เปิดใช้งาน ฟีเจอร์ fall detection แล้ว ระบบจะแจ้งเตือนขึ้นตามรูป ซึ่งเตือนผู้ใช้ประมาณว่า ยิ่งขยับเยอะ เคลื่อนไหวเยอะ ก็ยิ่งเสี่ยงต่อการล้ม ซึ่งเป็นผลมาจากกิจกรรมที่ทำ
จากนั้น ก็เริ่มทดสอบการล้มแบบต่างๆ โดย 3 การทดสอบแรก จะทำในลานเล่นในร่มที่เป็นผ้าใบ ซึ่งถึงแม้ผู้ใส่จะล้ม แต่ Apple Watch ไม่มองว่าการทำแบบนั้นคือการล้ม
การล้มในร่ม ไม่ว่าจะบนผ้าใบ ในหลุมโฟม หรือ บนเสื่อยิมนาสติก Apple Watch ไม่มองว่า นั่นคือ การล้มเลย
จากนั้น ทั้ง 2 คนในคลิป ทำการทดสอบโดยล้มในพื้นยิมปกติ ซึ่งคราวนี้ Apple Watch มองว่า มันคือการล้ม และมี notification ขึ้นมาเพื่อถามผู้ใส่ว่า โอเคมั้ย? ต้องการจะติดต่อหมายเลขฉุกเฉินมั้ย?
จากการทดลองล้มทั้งหมด สามารถตีความได้ว่า การแจ้งเตือนของระบบ อาจขึ้นอยู่กับความรุนแรงของผลกระทบ (เช่น ลงพื้นแรง สะเทือนแรง) เพราะ 2 คนในคลิปนั้น ก็ทิ้งตัวลงบนพื้นที่มันไม่ได้แข็งมากเท่าไหร่ ซึ่งเอาเข้าจริง เราๆก็เห็นกันอยู่ว่า มันเป็นการแกล้งล้ม การทิ้งตัว นั่นไม่ใช่การล้มที่ล้มจริงๆเลย
ซึ่งมันอาจไม่ใช่อุปกรณ์ที่ใช้ตรวจจับการล้มที่สมบูรณ์แบบก็ได้ เพราะ เมื่อล้มลงแล้ว ระบบยังสอบถามผู้ใช้งานว่า
- ส่ง SOS ฉุกเฉินหรือไม่
- ฉันล้มจริง แต่ ฉันโอเค
- ฉันไม่ได้ล้ม
ซึ่งถ้ามันตรวจจับการล้มได้แบบจริงๆจังๆ มันไม่น่าจะต้องถามผู้สวมใส่แล้ว เพราะ บางที ผู้ใส่ก็อาจไม่สามารถจะมากดตอบคำถามอะไรแบบนี้ได้ ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุล้มแรงๆจริง