หลังจาก Apple เปิดตัวสมาร์ทโฟนใหม่ไป ซึ่งแน่นอนว่า หลายเจ้า หลายสำนัก ก็คงรีวิวกันไปเยอะแล้ว
แต่อีกหนึ่งอย่างเลยสำหรับโทรศัพท์รุ่นใหม่ ที่ขาดไม่ได้เลย นั่นคือ …. การ drop test หรือ การทดสอบปล่อยมือถือลงมาจากความสูงระยะต่างๆ ซึ่งสื่อใหญ่ๆ ก็ทำการ drop test หลายเจ้าเลย ไปดูกันครับ ว่าผลออกมาจะเป็นยังไงบ้าง
เจ้าแรก … CNET Drop Tests
เจ้าแรกที่อยากนำเสนอ คือ CNET ซึ่งวิธีการเทสของเค้า ก็มีด้วยกัน 2 ระดับ
- ปล่อยมือถือที่ระดับกระเป๋ากางเกง จำลองสถานการณ์ว่า หยิบออกจากกระเป๋ากางเกง แล้วหล่น
- ปล่อยมือถือที่ระดับศีรษะ
การปล่อยมือถือแต่ละระดับความสูงก็หมุนตำแหน่งให้ต่างกัน เช่น เอาหน้าจอลง หรือ เอาหลังเครื่องลง
ซึ่งการปล่อยจากระดับกระเป๋ากางเกง หากดูเผินๆ จะเห็นว่า มันไม่มีรอยอะไรเลย แต่ถ้ามาดูใกล้ๆ จะเห็นร่องรอยจากการตกนิดๆหน่อยๆ เพราะ พื้นที่ตกกระทบก็เป็นพื้นปูน
ผลการ drop test ของ CNET ดูเป็นที่น่าพอใจ เมื่อเทียบกับ iPhone X ที่ทำการทดสอบเหมือนกัน ปรากฏว่า iPhone Xs นั้นให้ผลการทดสอบที่น่าประทับใจ
เจ้าที่สอง … Square Drop Tests
Square ไม่พูดพร่ำทำเพลงมากครับ เจ้านี้ มากับการทดสอบสุดโหด 4 แบบ
- ปล่อยมือถือที่ระดับความสูง 6 ฟุต โดยสลับเอา ด้านหน้าจอ และ ด้านหลังลง
- ทดสอบให้อยู่ในกล่องสี่เหลี่ยมที่หมุนไปเรื่อยๆ 60 วินาที
- ทดสอบแรงบีบอัด
- ถ่วงน้ำเบียร์ ในหลอดแก้วสูงๆที่ใส่เบียร์ 138 กระป๋อง ลึก 5 ฟุต เป็นเวลา 30 นาที
ผลทดสอบของ Square นั้นต่างจากของ CNET โดยการปล่อยตกจากความสูง 6 ฟุตนั้น สภาพไม่ได้ออกมาดีแบบของ CNET เลย ซึ่ง ทั้ง iPhone Xs และ iPhone Xs Max มีรอยแตกให้เห็นชัด (แต่ยังใช้งานได้ปกติ)
เช่นกัน เมื่อเปลี่ยนเป็นเอาทางหน้าจอลง ผลเสียหายก็สังเกตุเห็นได้ชัดเจนเช่นกัน
ส่วนการทดสอบแรงบีบ แรงกดอัดนั้น iPhone Xs ทนแรงกดได้ที่ 250 lbs
และ สุดท้าย การทดสอบถ่วง iPhone 2 เครื่องทิ้งดิ่งไว้ในหลอดแก้วสูงๆที่เต็มไปด้วยเบียร์ ซึ่งผลการทดสอบครั้งนี้ ชัดเจนว่า น้ำไม่เข้าครับ เบียร์ทำอะไร iPhone 2 รุ่นไม่ได้ (ฮ่า!!!)
เจ้าที่สาม … EverythingApplePro drop tests
เจ้าที่ 3 ที่ทำการ drop test คือ EverythingApplePro ซึ่งการเทสแบ่งออกเป็น 3 ระดับความสูง
- ปล่อย iPhone ที่ระดับความสูงประมาณเอว โดยสลับตำแหน่งลง ไม่ว่าจะเป็นด้านข้าง ด้านหน้าจอ และ ด้านหลัง
- ปล่อย iPhone ที่ระดับความสูงประมาณศีรษะ โดยสลับตำแหน่งลง ไม่ว่าจะเป็นด้านข้าง ด้านหน้าจอ และ ด้านหลัง
- อันนี้โหดสุด คือ การปีนบันได และ ปล่อย iPhone ลงมาจากความสูง 10 ฟุต
ผลการทดสอบของ EAP นั้น ที่ระดับความสูงระดับเอว ยังไม่เห็นรอยอะไรชัดมากนัก แต่พอเริ่มเปลี่ยนระดับความสูงมาเป็นที่ระดับศีรษะ จะเริ่มเห็นรอยแตกที่ชัดขึ้น
ที่เลวร้ายสุด คือ การตกมาจากระดับความสูง 10 ฟุต ซึ่ง แตกเละเทะเลยทีนี้ แต่ Face ID ก็ยังทำงานได้ปกตินะ (ฮ่า!!!)
เจ้าสุดท้าย … JerryRigsEverything ทดสอบการขูด ขีด ข่วน
เจ้าสุดท้าย JerryRigsEverything นั้น ไม่ได้ทำการ drop test แต่เป็นการทดสอบการขีด ข่วน ขูด ด้วยของแหลมคมต่างๆ
ซึ่งทางผู้ทดสอบก็มีของเตรียมไว้ทดสอบโดยแบ่งระดับไว้ ตั้งแต่ 1 ไปถึง 10
จาก comment ของ Jerry ที่เป็นผู้ทดสอบ เค้าระบุชัดว่า กระจก ยังไงก็ยังเป็นกระจกอยู่วันยันค่ำ (glass is glass)
ซึ่ง iPhone Xs นั้นทดแรงขีดข่วนได้ถึงระดับ 6 ซึ่งเท่ากับ iPhone X
Apple เคลมว่าจะใช้แซฟไฟส์มาเคลือบเพื่อป้องกันกล้องไม่ให้เป็นรอย ซึ่งมันก็อาจจะใช้แซฟไฟส์เป็นส่วนประกอบจริง แต่จากการทดสอบ พบว่า มันทนแรงขีดข่วนได้ที่ระดับ 6 แล้วจะเริ่มเป็นรอย ซึ่งก็เหมือนกันกระจก
Jerry เสริมว่า ถ้าเป็นแซฟไฟส์แท้ที่หน้าปัดนาฬิกานั้น แม้ระดับ 7 ก็ยังไม่เป็นรอย
อย่างไรก็ตาม ผู้ทดสอบก็รู้สึกประทับใจตัวกรอบสแตนเลส ซึ่งทนแรงขีดข่วนได้ดีกว่าบางรุ่นที่ใช้อลูมิเนียม
ข้อสังเกต
จากการทดสอบของทุกเจ้า ดูเรื่องของการ drop test ก่อนเลย จะเห็นว่า การทดสอบของแต่ละเจ้านั้น ดูเหมือนจะคล้ายๆกัน คือ ปล่อยมือถือลงมาจากระดับความสูงที่ต่างกัน
แต่ สิ่งที่ทำให้มันต่างกันเลย คือ จังหวะการปล่อย และ การตกถึงพื้นของมือถือ ซึ่ง บางที มันก็อาจจะหมุนกลางอากาศก่อนลง ทำให้การตกกระทบพื้นนั้น ลงไม่เหมือนกัน
ถ้าจะให้ทดสอบเหมือนกันเป๊ะๆ มันคงต้องมีแท่นปล่อยที่สามารถควบคุมการตกลงมาของวัตถุได้
นอกจากนี้ อาจจะต้องการการทำซ้ำๆในการปล่อยมือถือตกที่ระดับเดียวกัน เพื่อดูว่า ผลที่ออกมาแต่ละครั้งนั้น ให้เหมือนกันหรือไม่
แต่ ทั้งนี้ ทั้งนั้น พอดูค่าใช้จ่ายที่จะต้องทดสอบแล้ว ไหนจะค่าสมาร์ทโฟน ไหนจะค่าอุปกรณ์ประกอบการทดลอง …. ได้ผลที่ออกมาเท่านี้ ก็ ถือว่า โอเคระดับนึงละครับ 🙂