อุปกรณ์ smart home ที่ควรมีติดบ้านไว้ มีอะไรบ้าง … ไปดูกันครับ
ยุคสมัยที่เปลี่ยนไป เทคโนโลยีที่ทันสมัยและก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ นำมาซึ่งการอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้งานเป็นอย่างมาก
ยกตัวอย่างเช่น ตู้เย็นอัจฉริยะ (smart refrigerators) ที่เจ้าของสามารถตรวจสอบของในตู้เย็น แล้วพบว่าของบางอย่างหมด เช่น นม เนย ไข่ ฯลฯ เราก็สามารถสั่งซื้อของทางออนไลน์ได้จากร้านค้า และให้ทางร้านมาส่งถึงหน้าบ้านได้
นักวิเคราะห์ได้ประมาณการเอาไว้ว่า อุตสาหกรรมอุปกรณ์ smart home น่าจะเติมโตได้ถึง 107.4 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐ จากการดูทรงที่ผู้คนเริ่มจะนำอุปกรณ์ smart home มาใช้ในบ้านกันเพิ่มมากขึ้น
แต่ก่อนจะเริ่มแนะนำว่า อุปกรณ์ตัวไหนที่ควรมีติดบ้านไว้ เรามาเริ่มที่คำถามแรกกันก่อนครับ
อุปกรณ์ smart home คืออะไร? ทำไมถึงต้องมีติดบ้านไว้ด้วยล่ะ?
หลายท่าน อาจจะยังไม่รู้จักกับ smart home ครับ ซึ่งเจ้า smart home ก็คือ การนำเทคโนโลยีมาปรับใช้/มาใช้งานในบ้าน โดยผ่านการเชื่อมต่อซึ่งกันและกันทาง Wi-Fi
อย่างแรก ที่ใช้คำว่า smart เพราะ ด้วยความสะดวกสบายในการควบคุมทุกอย่างในบ้านได้จากอุปกรณ์มือถือ หรือแม้แต่อุปกรณ์บางชิ้นที่รับคำสั่งด้วยเสียงได้
อุปกรณ์ smart home ยังให้ข้อมูลบางอย่างแก่ผู้ใช้งานแบบ real-time ได้ เช่น ระบบแจ้งเตือนต่างๆ เช่น สัญญาณกันขโมย เครื่องตรวจจับความร้อน เครื่องตรวจจับควัน กล้องวงจรปิด ฯลฯ
มากไปกว่านั้น smart home ยังทำงานได้อย่างอัตโนมัติ โดยที่เราไม่ต้องเฝ้า หรือ เข้าไปบังคับมันตลอดเวลา เช่น การตั้งเวลาเปิด-ปิดน้ำ หรือ การปรับอุณภูมิของห้องต่างๆภายในบ้านในกรณีที่อากาศนอกบ้านและในบ้านเปลี่ยนไป
หรือแม้แต่ อุปกรณ์ทำความสะอาด ก็มี เช่น เครื่องดูดฝุ่น เครื่องทำความสะอาด เครื่องตัดหญ้า ที่ลดภาระงานบ้านของเจ้าของบ้านไปได้เยอะ
ถ้าทราบความหมายของมันแล้ว เรามาลองดูกันว่า อุปกรณ์อะไรบ้าง ที่ควรมีติดบ้านเอาไว้
ลำโพงอัจฉริยะ (Smart speakers)
หลายแบรนด์ หลายยี่ห้อ ได้ออกตัวเจ้าลำโพงอัจฉริยะ (Smart speakers) เช่น Amazon’s Echo ซึ่งผู้คนก็ได้เห็นความสามารถและประโยชน์ของมัน
ซึ่งเจ้า Amazon’s Echo มันก็มาพร้อมกับ Alexa ผู้ช่วยที่เราสามารถควบคุมด้วยเสียง ไม่ใช่แค่เพียงการสั่งให้เปิดเพลงเท่านั้น แต่ ถ้ามีอุปกรณ์อื่นๆเชื่อมต่อกับมัน เราก็สามารถควบคุมอุปกรณ์นั้นๆจากมันได้ด้วย เช่น พวกอุปกรณ์ควบคุมอุณหภูมิ หรือ พวกหลอดไฟ เป็นต้น
ผู้ใช้งานสามารถควบคุมส่วนต่างๆของบ้านได้โดยไม่จำเป็นต้องลุกไปจากที่เลยก็ยังได้
หรือจะเป็น Google Home Mini ที่ขนาดและรูปร่างหน้าตา ใกล้เคียงกับ Amazon’s Echo
ซึ่ง มันสามารถช่วยเราจัดการได้แม้กระทั่ง ทำ to-do list หรือ ลงตารางงานไว้ใน Google calendar
ตัวควบคุมอุณหภูมิ (Temperature control)
ตัวอย่างของตัวควบคุมอุณหภูมิ เช่น Nest Learning Thermostat หรือจะเป็น Ecobee4
เมื่อเซนเซอร์ของมันพบว่า เราไม่อยู่บ้าน มันจะปรับอุณหภูมิไปยังโหมด away โดยอัตโนมัติ (เช่น อยู่บ้าน ต้องเปิดแอร์ พอออกจากบ้าน ก็ปิดแอร์ เป็นต้น) ซึ่งก็อาจช่วยประหยัดพลังงานได้พอสมควร
ที่สำคัญ เราสามารถควบคุมอุณหภูมิในส่วนต่างๆของบ้านโดยที่เราไม่จำเป็นต้องเข้าไปในทุกๆห้อง
ปลั๊กไฟอัจฉริยะ (Smart plugs)
ปลั๊กไฟอัจฉริยะ เช่น Elgato Eve Energy หรือ Belkin Wemo
อุปกรณ์ต่างๆ ที่เสียบเข้ากับปลัํกไฟนี้ ก็สามารถถูกควบคุมผ่านอุปกรณ์มือถือได้ (อุปกรณ์ที่นำมาเสียบกับปลั๊ก ก็ยังถูกใช้งานปกติ เพียงแต่ เพิ่มการควบคุมจากอุปกรณ์มือถือเข้ามา เพื่ออำนวยความสะดวก)
หลอดไฟ และระบบควบคุมไฟ (Lightbulbs and lighting control)
หลอดไฟ ที่เข้าข่ายอุปกรณ์ smart home จะช่วยคุณได้มาก เช่น เมื่อคุณกลับบ้านดึกๆ มันสามารถเปิดไฟให้สว่างให้คุณได้ทันที
นอกจากนี้ มันยังมีระบบตรวจจับการเครื่องไหวด้วย สามารถปิดไฟในกรณีไม่มีคนอยู่ในห้องนั้นๆ
อุปกรณ์รักษาความปลอดภัย (Safety and security)
พวกอุปกรณ์รักษาความปลอดภัย เช่น ตัวตรวจจับควัน ความร้อน หรือแม้แต่ปริมาณคาร์บอนได้ออกไซด์ สามารถแจ้งเตือนเราผ่านทางอุปกรณ์มือถือของเรา
หรือแม้แต่กล้องวงจรปิด ที่เราสามารถดูได้จากอุปกรณ์มือถือ เมื่อมีคนมาเคาะประตูบ้าน ในขณะที่เราไม่อยู่บ้าน
หรือ สำหรับผู้ใช้งานที่เลี้ยงสัตว์ ช่วยให้เรามองเห็นสัตว์เลี้ยงของเราได้ แม้ตัวเราจะอยู่ไกลบ้านก็ตาม
หรือแม้แต่แง่ความสะดวก สำหรับท่านที่ หากุญแจบ้านไม่เจอ/ทำหายบ่อยๆ อุปกรณ์ smart lock ก็ตอบโจทย์ และ เข้ามาช่วยตรงจุดนี้ได้มาก
อุปกรณ์ช่วยเหลืออื่นๆในบ้าน (Smart home helpers)
ได้แก่ พวกหุ่นยนต์ทำความสะอาดบ้าน หรือ เครื่องดูดฝุ่นอัจฉริยะ เช่น Neato Botvac ที่เข้ามาช่วยลดภาระ/หน้าที่งานบ้านลงได้ กรณีคนไม่มีเวลาอยู่บ้าน หรือทำความสะอาดบ้าน
หรือจะเป็นพวกระบบเปิด-ปิดน้ำอัจฉริยะ ที่เปิด-ปิดน้ำเป็นเวลา ไม่ต้องกังวลว่า ต้นไม้ของคุณจะขาดน้ำ
ซึ่งอุปกรณ์ต่างๆเหล่านี้ ล้วนแล้วแต่มีประโยชน์ และเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกให้กับเรา แต่ทาง Tech Offside มองว่า ก็ขึ้นอยู่กับที่อยู่ของเรา การใช้ชีวิตของเราด้วยนะครับ ว่า อุปกรณ์ตัวไหน ที่เหมาะสมกับเราจริงๆบ้าง หรือเอาเข้าจริง เราอาจจะไม่ต้องใช้อุปกรณ์ smart home เลยสักตัวก็ได้ ถ้าปัจจัยต่างๆไม่เอื้ออำนวย
ที่มา : forbes
