DJI เปิดตัวสินค้าใหม่ OSMO Pocket กล้องจิ๋วพร้อมระบบกันสั่น 3 แกน ออกแบบให้มีขนาดเล็ก แต่ประสิทธิภาพการถ่ายวิดีโอได้ถึง 4K 60fps พร้อมลูกเล่นมากมาย พร้อมขายในไทยเดือนธันวาคมนี้
DJI OSMO Pocket จากเทคโนโลยีกล้องระดับมืออาชีพสำหรับโดรน มาเป็นกล้องพกพาขนาดจิ๋ว ที่พร้อมไปกับคุณทุกที่ ทุกเวลา
เซอร์ไพรส์ส่งท้ายปีจาก DJI ที่ไม่มีใครคิดว่า จะหันมาจับตลาดกล้องวิดีโอแบบ Activity Camera ด้วยการออกแบบสินค้าตระกูล OSMO ที่เดิมเป็นกล้องพร้อมระบบกันสั่น ให้ย่อขนาดลงมาเล็กจิ๋วชนิดที่ว่าเล็กกว่าฝ่ามือ พร้อมความน่าทึ่งมากมายในการใช้งาน เรียกได้ว่างานนี้ GoPro 7 มีอาการหนาวๆ ร้อนๆ กันเลยทีเดียว
ตัวชุดกล้อง ออกแบบมาจากกล้องของโดรน
ชื่อของ DJI นั้น เราคุ้นกันดีในเรื่องของโดรนที่ใช้บินบันทึกภาพ โดยครั้งนี้ได้เอาเทคโนโลยีกล้องของโดรนรุ่นใหม่ๆ มาจับย่อขนาดให้เล็กสุดๆ และใส่ระบบกันสั่นแบบ 3 แกน ทำให้สามารถบันทึกวิดีโอได้อย่างนิ่งและคมชัด
ทาง DJI ชูจุดเด่นเรื่องนี้ว่า การกันสั่นด้วยฮาร์ดแวร์นั้น จะได้ภาพวิดีโอที่มีความนิ่งและไหลลื่นดีเยี่ยม ต่างจากคู่แข่งหรือสมาร์ทโฟนที่ใช้ระบบ EIS (Electronic Stabilized) ที่ฃใช้ซอฟท์แวร์มาประมวลผลภาพ ก็ยังมีความผิดพลาดและมีเฟรมภาพบางช่วงที่กระตุกและเบลออยู่บ้าง
เซนเซอร์กล้อง เป็น CMOS ขนาด 1/2.3” ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ระยะมุมภาพกว้าง 80 องศา ค่ารูรับแสง f/2.0 ปรับค่า ISO ได้ตั้งแน่ 100-3200 สปีดชัตเตอร์ได้ตั้งแต่ 8 วินาที ถึง 1/8000 s
ความสามารถการถ่ายวิดีโอ ทำได้ตั้งแต่ Full HD ไปจนถึง 4k 60fps บิตเรตสูงสุด 100 Mbps รองรับรูปแบบ MP4/MOV (MPEG-4 AVC/H.264) ส่วนรูปถ่ายก็สามารถถ่ายแบบคุณภาพสูงถึงระดับ 12 MP เม็ดพิกเซล 1.55 μm พร้อมถ่ายแบบ RAW ได้ด้วย
กล้องขนาดเล็กที่พกพาง่ายสุดๆ พร้อมใช้งานได้ทุกความต้องการ
ขนาดของมันนั้น เล็กจนน่าตกใจ เพียงแค่ 121.9×36.9×28.6 มิลลิเมตร และหนักแค่ 116 กรัม ด้วยขนาดเพียงแค่นี้จึงใช้งานถือด้วยมือเดียวได้อย่างสบายๆ ตัวกิมบอลสำหรับกันสั่นก็ออกแบบได้เล็กสุดๆ พร้อมระบบระบายความร้อนที่เงียบสนิทไม่มีเสียงแม้แต่น้อย
เห็นเล็กแค่นี้ ก็ยังอุตส่าห์มีหน้าจอ LCD แบบสัมผัสมาให้ด้วย โดยที่ใช้งานทั้งแสดงภาพแบบเรียลไทม์ และเลือกเมนูการถ่ายต่างๆ ได้สะดวก ที่ด้านหน้าจะมีปุ่มกดสำหรับถ่ายวิดีโอ และปุ่ม Power เพื่อเปิดปิเครื่อง, สัญญาณไฟ LED เพื่อแจ้งสถานะการทำงาน และช่องไมโครโฟน ที่ด้านข้างจะมีช่องใส่การ์ด microSD รองรับสูงสุด 256GB และด้านล่างเป็นพอร์ตแบบ USB-C สำหรับชาร์จไฟ
Universal Port ออกแบบพร้อมรองรับอุปกรณ์ได้หลายหลาก
ด้านหน้าของเครื่องนั้น จะมีตัว Universal Port ที่เลื่อนฝาปิดออก แล้วเอาไว้เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ได้มากมายหลายหลาก อย่างที่มีแถมมาให้ในชุด จะมีเอาไว้ใส่พอร์ต USB-C กับ Lighting เพื่อเอากล้องต่อใช้งานกับสมาร์ทโฟน โดยทาง DJI มีออกแบบอุปกรณ์เสริมที่เอามาเสียบผ่านพอร์ตตัวนี้เพียบ
ทำงานร่วมกับสมาร์ทโฟนผ่านแอป DJI Mimo
OSMO Pocket จะทำงานร่วมกับแอปใหม่ที่ออกแบบมาให้ทำงานด้วยกันโดยเฉพาะ DJI Mimo จะเปิดทำงานทันทีที่เราเอากล้องเสียบเข้ากับพอร์ตของสมาร์ทโฟน เราใช้แอปนี้เพื่อเป็นหน้าจอแสดงภาพขนาดใหญ่ก็ได้ และเอาไว้เลือกโหมด ปรับแต่งค่าต่างๆ ได้ใหญ่ถนัดมือกว่าสั่งผ่านหน้าจอเล็กๆ ของกล้อง หรือต้องการถ่ายภาพในโหมดโปร ก็เลือกปรับค่าจากในแอปได้เลย
ในแอปยังมีฟีเจอร์ทำงานอื่นๆ อีกเช่น Story Mode ตัดต่อคลิปวิดีโอที่ถ่ายมา ในแบบเท็มเพลต ใส่เพลง ฟิลเตอร์ และแชร์ไปยังโซเชียลได้ทันที
อุปกรณ์เสริมมีเพียบ!
การออกแบบตัว Universal Port นั้นทำให้สามารถเอามาใช้เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ได้หลายรูปแบบ เพื่อใช้งานได้ตามแบบที่ต้องการ ในการเปิดตัวนี้มีอุปกรณ์เสริมหลายตัวที่เผยออกมาแล้ว เช่น
- Charging Case เคสสำหรับเก็บตัวกล้อง แต่ว่าจะมีแบตเตอรี่ในตัว ทำให้ชาร์จแบตระหว่างที่เก็บเอาไว้ในเคสได้
- Wireless Module ใช้เสียบที่พอร์ต USB-C ให้สามารถเชื่อมต่อไร้สายจากสมาร์ทโฟนผ่าน Bluetooth และ Wi-Fi ได้
- Control Wheel แป้นหมุนสำหรับควบคุมทิศทางการหันของกล้อง ที่ใช้งานถือมือเดียวได้สะดวกขึ้น
- Accessory Mount เคสใส่กับตัวกล้อง เพื่อเอาไว้ไปเสียบกับเม้าท์แบบ GoPro ได้
- ND Filter Set ชุดฟิลเตอร์ติดกับเลนส์เพื่อกรองแสงสภาพต่างๆ
- 3.5 mm Adapter เสียบกับช่องพอร์ต USB-C เพื่อเอาไมโครโฟนภายนอกมาเสียบใช้งานร่วมได้
- Smartphone Adapter มีแถมมาให้ในกล่อง เอาไว้ใช้เสียบต่อกับสมาร์ทโฟน ได้ทั้ง iOS และ Android
- Waterproof Case สำหรับเอาไว้ใส่เพื่อถ่ายใต้น้ำ สามารถลงน้ำได้ลึกถึง 60 เมตร
- Extension Rod ไม้เซลฟี่ที่ใส่คู่กับสมาร์ทโฟนได้ด้วย
โหมดถ่ายภาพถ่ายวิดีโอครบครัน
ตัวเล็กแต่บอกเลยว่าเผ็ดจี๊ด DJI มีโหมดถ่ายภาพและถ่ายวิดีโอ ที่ดึงเอาความสามารถการเป็นกิมบอลกันสั่นมาได้อย่างดีเยี่ยม
- FPV ถ่ายหมุนควงแบบเอียงซ้ายเอียงขวา
- ActiveTrack ล็อคตำแหน่งวัตถุ แล้วกล้องจะหันตามวัตถุนั้นอัตโนมัติ
- 3×3 panorama นอกจากจะถ่ายพาโนราม่าแบบกว้าง 180 องศาแล้ว ในโหมด 3X3 คือการถ่ายภาพ 9 รูปเอามาต่อกัน ให้ได้ภาพมุมกว้างที่มีความละเอียดสูง
- MotionLapse การถ่ายวิดีโอเร่งความเร็วแบบ TimeLapse ที่สามารถแพนมุมกล้องไปมาได้
- Nightshot ถ่ายภาพนิ่งเวลากลางคืน ด้วยกิมบอลทำให้เราสามารถถือถ่ายภาพชัตเตอร์ค้าง 2-3 วินาทีได้โดยที่ได้ภาพที่คมชัดสวยงาม
ราคา DJI OSMO Pocket และการวางขายในประเทศไทย
ในการประกาศในต่างประเทศ เปิดราคาอยู่ที่ $349 สำหรับประเทศไทยเปิดราคาทางการแล้วที่ 13,500 บาท โดยจะเริ่มขายในไทยช่วงกลางเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้ ใครที่สนใจสามารถสั่งจองได้ที่ LNWgadget.com (มีผ่อน 0% ด้วยนะ)
ข้อสังเกตเกี่ยวกับ DJI OSMO Pocket
ตอนนี้ทางทีมงานล้ำหน้าโชว์ ยังไม่ได้ลองใช้งานจริง แต่ดูจากข้อมูลเปิดตัวอย่างเป็นทางการ และคลิปแนะนำการใช้งานเบื้องต้น พอจะสรุปข้อสังเกต และข้อจำกัดหลายๆ อย่างของเจ้ากล้องตัวนี้มาได้ดังนี้
- ไม่มีระบบเชื่อมต่อแบบไร้สายทั้ง Bluetooth และ Wi-Fi ภายในตัว ถ้าต้องการใช้จะต้องซื้อเป็นอุปกรณ์เสริมเพิ่มต่างหาก
- ยังไม่มี ระบบการทำ LIVE ผ่านแอป DJI Mimo (เราพยายามดูจากข้อมูล, Faqs ฯลฯ แล้ว ไม่มีการพูดถึงฟีเจอร์นี้ แต่ในกล้องและโดรนแทบทุกรุ่นที่ออกมาก่อนหน้านี้ของ DJI สามารถทำ LIVE ได้ เราก็หวังว่าจะมีการอัพเดทเพิ่มความสามารถนี้มาให้ในอนาคต
- ถ่ายวิดีโอแบบ Slow-mo ไม่ได้
- DJI ให้ความสำคัญกับคุณภาพไฟล์ของวิดีโอและภาพมากๆ โดยภาพรองรับ RAW ส่วนวิดีโอนั้น บิตเรตสูงสุดได้ถึง 100 Mbps
- แบตเตอรี่ขนาด 875 mAh ที่ดูเล็ก แต่สามารถใช้งานได้นานสุด 140 นาทีเลย
- การใช้งานสามารถถ่ายได้แบบ Stand Alone ไม่ต้องต่อกับสมาร์ทโฟนก็ใช้งานถ่ายได้
