ทดสอบลองกันเต็มๆ กับสมาร์ทโฟน OPPO R17 Pro กล้อง 3 เลนส์ ที่ไม่เหมือนใคร มาดูกันว่าเทคโนโลยีกล้องรุ่นล่าสุดของออปโป้ จะถ่ายภาพออกมาได้น่าประทับใจขนาดไหน ซึ่งทีมงานล้ำหน้าโชว์ฯ ต้องบอกว่า “เกินคาดมากๆ”
OPPO R17 Pro เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดจากออปโป้ ที่มาพร้อมกับทีเด็ดมากมาย ทั้งภายนอกตัวเครื่องที่ดีไซน์ไล่เฉดสีสวยงาม พร้อมกระจก Corning Gorilla Glass 6 เวอร์ชั่นล่าสุด ยังมาพร้อมเทคโนโลยีเด่นๆ ไม่ว่าจะเป็นระบบสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ, Super VOOC Flash Charge ระบบชาร์จไฟที่เร็วและปลอดภัยที่สุด ฯลฯ
ครั้งนี้เราจะไม่ได้มาพูดเรื่องสเปคหรือรีวิวประสิทธิภาพของตัวเครื่อง แต่เราจะเน้นกันเรื่องของการถ่ายภาพ ที่ถือว่าเป็นไฮไลท์สำคัญของรุ่นนี้ ถ้าใครอยากรู้เรื่องรีวิว พี่หลามเรามีคลิปริวิวแบบละเอียดยิบๆ เอาไว้เรียบร้อยแล้ว
ทำความรู้จักกับ OPPO R17 Pro กล้อง 3 เลนส์ แต่ละตัวทำหน้าที่อะไรกันบ้าง?
นี่ถือว่าเป็นครั้งแรกของ OPPO ที่ใช้กล้องแบบ 3 เลนส์บนสมาร์ทโฟน เรามาทำความรู้จักกับกล้องแต่ละตัว ว่ามีประสิทธิภาพและจุดเด่นอะไรบ้าง
TOF (Time of Flight) 3D Camera
กล้องตัวแรกสุด ถือว่าเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่นำมาใช้ในสมาร์ทโฟน โดยจะเป็นกล้องอินฟราเรดที่ยิงสัญญาณออกไปเพื่อวัดระยะขอวัตถุได้ในระยะ 3.5 เมตร ที่ให้ความความแม่นยำดีกว่าระบบเดิมที่เป็นแบบ Dot Projector ที่ยิงแสงวัดระยะเป็นจุดๆ เพราะ TOF จะยิงสัญญาณออกไปเป็นแถบ ทำให้เก็บระยะของวัตถุได้ดีกว่า และเก็บระยะได้ไกลกว่า รวมถึงยังมีความสามารถในการถ่ายภาพและสแกนวัตถุแบบ 3 มิติได้อีกด้วย (ฟีเจอร์นี้จะมีมาเพิ่มในอนาคต)
กล้องหลัก รูรับแสงแบบ Smart Apeture
ตัวกล้องเซนเซอร์เป็นแบบ DualPixel ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล จุดที่น่าสนใจคือ กล้องสามารถปรับค่ารูรับแสงได้อัตโนมัติตามสภาพแสงได้ 2 ระดับคือ f1.5 ในสภาพแสงน้อยหรือเวลากลางคืน และ f2.4 ในการถ่ายภาพกลางแจ้งหรือสภาพแสงสว่างมากๆ รวมถึงยังมีระบบลดการสั่นไหวแบบ OIS อีกด้วย
กล้อง Depth Camera
ออปโป้ใช้กล้องสำหรับวัดระยะในโหมด Portrait ที่มีความละเอียดสูงถึง 20 ล้านพิกเซล (รูรับแสง f2.6) ที่จะทำหน้าที่เก็บภาพการวัดระยะความลึกของภาพ และตัดขอบของวัตถุในการถ่ายภาพได้เนียนคมยิ่งขึ้น
สังเกตตรงกล้องหลัก จะเห็นว่าขนาดของรูรับแสงสามารถเปลี่ยนได้ 2 ระดับ คือ f1.5 และ f2.4
หยิบขึ้นมาถ่ายอะไรก็สวย ด้วยความฉลาดของ AI Scene Recognition
เริ่มทดสอบการถ่ายภาพ ด้วยโหมด Photo ที่เป็นโหมดกล้องออโต้มาตรฐาน R7 Pro ถือว่าตอบโจทย์ความต้องการในการถ่ายภาพด้วยสมาร์ทโฟนคือ เราแค่หยิบมือถือขึ้นมา เข้าเมนูกล้อง เล็งแล้วก็ถ่ายได้เลย ที่เหลือนอกจากนี้ตัวซอฟทแวร์ จะจัดการให้ภาพที่ถ่ายออกมาสวยทันที
ด้วยเทคโนโลยี AI Scene Recognition นั้น ตัวกล้องของ OPPO R17 Pro สามารถแยกแยะรูปแบบซีนการถ่ายภาพได้ทันทีที่เรายกมือถือขึ้นมาส่อง ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายวิวทิวทัศน์, พระอาทิตย์ตกดิน, อาหาร, สัตว์เลี้ยง, ถ่ายบุคคล, เอกสาร ฯลฯ ระบบจะปรับตั้งค่าการถ่ายให้เหมาะกับซีนนั้นรอไว้ให้เรา ก่อนที่เราจะกดชัตเตอร์เก็บภาพ
กล้องในโหมด Photo เปิดส่องอาหาร ก็จะปรับเป็นโหมด Food ให้ทันที
การถ่ายตอนกลางคืน กล้องจะปรับค่าความเร็วชัตเตอร์ และ ISO ให้เหมาะสม และจากที่ทดสอบ ตัว White Balance ก็ทำได้ค่อนข้างดี
ไม่ต้องกลัวเรื่องย้อนแสง หรือแสงน้อยอีกต่อไป
ปัญหาในการถ่ายภาพที่มักจะเจอกันบ่อยๆ คือ การถ่ายย้อนแสง คือมีแสงพุ่งเข้ามาที่กล้อง โดยจะทำให้เวลาถ่ายคนที่ยืนขวางอยู่จะมืด โดยใน OPPO R17 Pro กล้อง นั้นนอกจากจะมี HDR ที่ช่วยเก็บความสว่างของภาพทุกระยะให้สว่างและมีรายละเอียดชัดเจนแล้ว ยังมีตัว PI Color ที่ช่วยปรับความสดของสีที่ถ่ายให้สดใสมากขึ้น ช่วยให้การถ่ายย้อนแสงนอกจากจะได้ภาพที่ช้ด หน้าไม่มืด เรายังได้ภาพที่มีสีสวยอีกด้วย
เทียบการถ่ายภาพในสภาพย้อนแสงแบบเต็มๆ ในช่วงพระอาทิตย์ตก พอเปิด HDR และ PI Color ทุกอย่างก็จะถูกปรับให้สว่างกระจ่างใสขึ้นมาทันที
อีกตัวอย่างในซีนเดียวกัน ตอนพระอาทิตย์ตกดิน ทางซ้ายจะเห็นว่ามีเงามืดในหลายจุดในภาพ ส่วนทางขวาถ่ายด้วยโหมด Photo ที่เปิด HDR และ PI Color
หรือจะเป็นในสภาพที่แสงน้อยมากๆ การถ่ายภาพยังสามารถจับโฟกัสใบหน้าของนางแบบได้ครบทุกคน พร้อมทั้งปรับภาพให้สว่างกว่าที่ตาเห็น และไม่ต้องใช้ไฟแฟลช
ถ่าย Portrait ทำได้สวยโดนใจ
โหมดถ่ายภาพขวัญใจสาวๆ กับภาพถ่ายบุคคล หรือ Portrait การทำงานของ OPPO R17 Pro กล้อง 3 ประสาน ช่วยให้เวลาที่ถ่ายภาพสามารถแยกเลเยอร์ของบุคคลกับฉากหลังออกได้อย่างสวยงาม ความฉลาดของการแยกชั้นของภาพนั้น บริเวณที่เป็นรูปร่าง, เสื้อผ้า จะมีความคม แต่ในส่วนที่เป็นเส้นผมนั้นขอบจะมีความเบลอและเก็บความพร้ิวไหว
ในโหมด Portrait นั้นจะมีการจัดแสงแบบสตูดิโอ และลูกเล่นในการแต่งภาพหลายอย่างให้เลือก เช่น เปลี่ยนฉากหลังให้เป็นขาวดำ หรือเอาฉากหลังออกไปเลยก็ได้
ประสิทธิภาพกล้อง 3 เลนส์ของ OPPO R17 Pro ทำให้การถ่ายภาพบุคคล สามารถแยกนางแบบออกจากฉากหลังได้อย่างสวยงาม ดูเป็นธรรมชาติ แม้แต่สภาพแสงที่มืดก็ยังทำได้
ใน Portrait Lighting Effect เราสามารถเลือกจำลองสภาพแสงและจัดภาพได้หลายสไตล์ ที่ทำให้ภาพบุคคลที่ถ่ายมา มีอารมณ์ของภาพที่แตกต่างกันออกไป
Night Mode คือสิ่งที่ทำให้เราทึ่ง! ถ่ายไฟกลางคืนได้ ไม่ต้องใช้ขาตั้งกล้อง
เมื่อเราได้ลองใช้งานกล้องในโหมดกลางคืนแล้ว ต้องบอกว่า คำโปรโมตของ R17 Pro ที่ว่า “Seize the Night” นั้น ไม่ใช่แค่คำโฆษณาเท่ๆ แต่มันสื่อถึงประสิทธิภาพของกล้องมือถือ ที่สามารถถ่ายภาพกลางคืนออกมาได้สวยงามจริงๆ
วิธีการทำงานโหมดถ่ายภาพกลางคืนของ OPPO R17 Pro จะเป็นการถ่ายภาพหลายๆ ภาพต่อกัน โดยจะถ่ายในลักษณะภาพที่รูรับแสงกว้างสุด ไล่มาจนแคบสุด ส่วนความเร็วชัตเตอร์จะอยู่ที่ 1 วินาที จากนั้นตัวระบบจะนำภาพทั้งหมดมาประมวลให้กลายเป็นภาพเดียว คือจะนำส่วนที่มีรายละเอียดและคมชัดของแต่ละภาพทุกภาพ มารวมเป็นภาพเดียว จึงทำให้ได้ภาพที่มีความสว่างและคมชัดเท่ากันทั้งภาพ ไม่มีส่วนที่สว่างเว่อร์จนรายละเอียดหาย หรือจุดที่เป็นเงามืดจนดำเป็นแถบ
ก่อนหน้านี้การถ่ายภาพไฟกลางคืน ในลักษณะวิวทิวทัศน์ ตึกอาคาร ฯลฯ จะต้องมีอุปกรณ์มาช่วยอย่างขาตั้งกล้อง เพราะว่าในการถ่ายจะต้องตั้งความเร็วชัตเตอร์ที่ช้ามากๆ ตั้งแต่ 1/4 วินาที หรือบางทีต้องเปิดค้างไว้ 1-2 วินาทีกันเลย ซึ่งถ้าเราใช้มือเปล่าๆ ถือแล้วถ่ายเลย ภาพที่ได้นั้นจะสั่นไหวและไม่คมชัด
การพัฒนาเทคโนโลยีร่วมกับประสิทธิภาพของตัวฮาร์ดแวร์กล้อง ช่วยให้ออปโป้นำเอามาประยุกต์ใช้จนสามารถใช้สมาร์ทโฟนถ่ายภาพเวลากลางคืนออกมาได้สวยงาม ชนิดที่ว่าบางครั้งภาพที่ได้มีความคมชัดและรายละเอียดครบถ้วน สวยงามกว่าที่ตาเรามองเห็นเสียอีก
อีกสิ่งที่ทำได้ดีคือ ในการถ่ายโหมดกลางคืน เรายังเลือกเปิดระบบ AI Beauty ได้ด้วย ทำให้เวลาถ่ายภาพคนตอนกลางคืน นอกจากจะได้สภาพแสงที่สวยงามแล้ว ใบหน้าของเราก็จะยังปรับให้ดูดีได้อีกด้วย
ตัวอย่างภาพถ่ายด้วย Night Mode ของ OPPO R17 Pro
เล่นกับแสงได้สนุกมากขึ้น!
พอเราเริ่มรู้จักและคุ้นเคยกับคาแรคเตอร์ของ OPPO R17 Pro กล้อง 3 เลนส์แล้ว สิ่งที่รู้สึกได้เลยคือ เราเลิกที่จะกังวลกับสภาพแสงไปได้เลย ตั้งแต่เรื่องของการย้อนแสงที่ตอนนี้ไม่สร้างปัญหาเรื่องหน้าดำ ฉากหลังสว่างจ้า คราวนี้เวลาถ่ายภาพตอนกลางคืน เราสามารถถ่ายกับแสงแล้วได้สีสวยๆ สดใส พร้อมกับรายละเอียดของภาพที่ไม่หายไปกับเงามืด
เราสามารถถ่ายภาพบุคคลเล่นกับแสงแปลกๆ ที่ไม่ต้องใช้แฟลชอัดใส่หน้าจนขาวโพลน หรือจะถ่ายย้อนแสงกับพระอาทิตย์ ให้มีแสงแดดเป็นไรๆ ที่เส้นผม
โหมด Expert ก็มี แถมยังดีซะด้วยสิ!
Night Mode ของ OPPO R17 Pro นั้น มีจุดเด่นเรื่องถ่ายภาพกลางคืนด้วยความเร็วชัตเตอร์ 1 วินาทีได้โดยไม่ต้องใช้ขาตั้งกล้อง พร้อมปรับรายละเอียดของภาพให้คมชัด แต่ว่ามีจุดด้อยอยู่บ้างเรื่องของ Noise ในภาพที่บางครั้งระบบปรับ ISO ขึ้นไปสูงมาก
สำหรับคนที่ซีเรียสกับ Noise และอยากถ่ายไฟกลางคืนเป็นเส้นๆ แบบ Lightrail จึงจำเป็นต้องใช้โหมด Pro หรือ Expert ในการถ่าย ซึ่งก็มีมาให้ใน R17 Pro เช่นกัน
ในโหมด Expert นั้นเราเลือกปรับค่าของกล้องต่างๆ ได้อย่างอิสระ ทั้งค่าอุณหภูมิสี (White Balance), ชดเชยแสง (EV), ปรับโฟกัสแบบ AF และ MF ส่วนค่า ISO เลือกได้ที่ 100-3200 และความเร็วชัตเตอร์ปรับได้เร็วสุดที่ 1/8000s และเปิดชัตเตอร์ได้นานสุดถึง 16 วินาที เรียกได้ว่าถูกใจสายถ่ายภาพแบบ Manual กันเลย เอาไปถ่ายไฟวิ่ง หรือถ่ายดาวก็ได้ (แต่อันนี้ต้องใช้ขาตั้งกล้องนะ)
นอกจากความอิสระในการปรับตั้งค่า ISO กับความเร็วชัตเตอร์ได้ค่อนข้างมาก ตัวกล้องที่เป็น Smart Apeture ปรับค่ารูรับแสงได้ที่ f1.5 กับ f2.4 ยิ่งช่วยให้ปรับตั้งค่าถ่ายแบบโปรได้สะดวกมากขึ้น
ภาพนี้ใช้ Night Mode ถ่ายในสภาพแสงที่น้อยมากๆ จะเห็นว่าบริเวณท้องฟ้าจะมี noise เกิดขึ้นค่อนข้างชัด เนื่องจากระบบเลือกค่า ISO ที่สูง
เรามาลองใช้เป็น Expert Mode เปิดความเร็วชัตเตอร์ 2 วินาที และปรับ ISO ให้ต่ำสุดๆ ที่ 100 จะเห็นว่าท้องฟ้าไม่มี noise แล้ว และไฟจากเรือที่กำลังเคลื่อนไหวก็ทำให้ภาพมีความสวยงามแปลกตา (แต่ว่าอันนี้ต้องใช้ขาตั้งกล้องเวลาถ่ายด้วยนะ)
สรุป! เรื่องกล้อง และการถ่ายภาพ OPPO R17 Pro ดีหรือไม่?
ออปโป้นั้นถือว่าเป็นแบรนด์ที่มุ่งมั่น พัฒนาเรื่องของกล้องและการถ่ายภาพบนสมาร์ทโฟนมาโดยตลอด โดยเฉพาะในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา จะเห็นได้เลยว่ามีพัฒนาการอย่างก้าวกระโดดมากๆ แต่ก่อนเราจะเคยชินว่า ออปโป้มีทีเด็ดเฉพาะเรื่องกล้องหน้าบิวตี้ที่สวยโดนใจสาวๆ แต่ตอนนี้บอกเลยว่า กล้องหลักก็มีลูกเล่นและประสิทธิภาพในระดับที่ทำให้เราร้องว้าวในการถ่ายภาพในบางช็อตที่ไม่คิดว่า กล้องมือถือจะทำได้
เราทราบกันดีอยู่แล้วว่า กล้องมือถือนั้นสู้กล้องใหญ่เรื่องขนาดของเซนเซอร์ และเลนส์ไม่ได้ แต่สิ่งที่มือถือได้เปรียบกว่า ก็คือระบบ AI และการประมวลผลภาพอัจฉริยะ ทำให้ภาพที่ถ่ายออกมาได้รับการปรับให้สวยงามได้ทันที
จากการทดสอบถ่ายภาพด้วย R17 Pro สิ่งที่ประทับใจผมมากที่สุด ก็คือ Night Mode ที่เก็บรายละเอียดของแสงและความคมชัดในสภาพแสงน้อยได้ดีมาก ต่อมาก็คือ Portrait Mode ที่ทำฉากหลังเบลอเปลี่ยนสีได้เนียน และแทบจะไม่เจอการหลุดระยะให้เห็น ปิดท้ายด้วยการถ่ายภาพย้อนแสงที่ไม่เจอเรื่องหน้ามืดอีกต่อไป
ณ เวลานี้ ถ้าใครอยากได้สมาร์ทโฟนที่ใช้ถ่ายรูปได้สวยๆ ใช้งานง่าย OPPO R17 Pro ถือว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากครับ
OPPO R17 Pro วางจำหน่ายแล้ว มาพร้อม ราคา และ โปรโมชั่น แบบจัดเต็ม!
OPPO R17 Pro เปิดราคาขายที่ 24,990 บาท ที่ตอนนี้จะมีโปรโมชั่นร่วมกับ 3 โอเปอเรเตอร์หลัก ทั้ง AIS, DTAC และ Truemove H ที่ซื้อเครื่องพร้อมสมัครแพ็กเกจรายเดือน ได้รับส่วนลดค่าเครื่องสูงสุดถึง 12,000 บาท พร้อมทั้งยังมี VIP Card รับประกันหน้าจอแตก 1 ปี
ยังไม่หมดแค่นั้น! เพราะยังมีสิทธิพิเศษ OPPO Premium Service สำหรับลูกค้า OPPO R17 Pro หากเครื่องมีปัญหาไม่ต้องเสียเวลารอซ่อม เพราะจะดูแลด้วยการเปลี่ยนเป็นเครื่องใหม่ให้ทันที ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด สอบถามข้อมูลการรับประกันได้ที่ Call Center และศูนย์บริการ OPPO ทั่วประเทศ
สนใจรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ https://www.oppo.com/th/smartphone-r17-pro/
