ครั้งแรกที่ทีมงานล้ำหน้าโชว์ได้สัมผัสตัวจริงของ Vivo V15 Pro รู้สึกได้เลยว่าครั้งนี้มีการเปลี่ยนแปลงเยอะมาก ตั้งแต่หน้าตาดีไซน์ที่ฉีกจากปีที่แล้ว เทคโนโลยีใหม่ๆ มีใส่มาให้แบบไม่ยั้ง แถมเพิ่มประสิทธิภาพเรื่องกล้องทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังได้อย่างน่าสนใจ หลังจากได้ลองสัมผัสใช้งานมาสักพัก เราจะมารีวิวกันว่า สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ตัวนี้ มีทีเด็ดอะไรบ้าง
ข้อมูลสเปคเบื้องต้น Vivo V15 Pro
- หน้าจอ Super AMOLED แบบ Ultra FullView Display ขนาด 6.29 นิ้ว FHD+ (1080 x 2340 พิกเซล) อัตราส่วน 19.5:9
- ชิปเซท : Qualcomm Snapdragon 675 AIE Octa-core 2.0 GHz + Adreno 612 GPU
- หน่วยความจำภายในเครื่อง 128GB รองรับเพิ่ม microSD ได้สูงสุด 256GB
- RAM 6GB
- กล้องหน้าแบบ Pop Up ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล f/2.0
- กล้องหลังแบบ Triple Camera
- กล้องหลัก 48 ล้านพิกเซลแบบ Quad Pixel Sensor รูรับแสง f/1.8
- กล้อง Depth Sensor ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล
- กล้องมุมกว้าง Ultra Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล
- แบตเตอรี่ 3700 mAh รองรับระบบ Dual-Engine Fast Charging
- ปลดล็อคเครื่องด้วยระบสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ และสแกนใบหน้า
- การเชื่อมต่อ : พอร์ต Micro USB, พอร์ตหูฟัง 3.5 นิ้ว, Wi-Fi 2.4GHz/ 5GHz, Bluetooth 5.0
- รองรับ 2 ซิม 4G
- ระบบปฏิบัติการ Android 9.0 ครอบด้วย FunTouch 9.0
- มีให้เลือก 2 สี Topaz Blue, Coral Red
- ราคา 14,999 บาท
ในกล่องมีอะไรมาบ้าง?
หน้าตาแพ็กเกจนั้น ยังคงเป็นสไตล์เดิมที่เราคุ้นเคย กับกล่องสีขาวพิมพ์ภาพตัวเครื่องที่หน้ากล่อง โดยในชุดนั้น ตัวเครื่องจะห่อในพลาสติกเรียบร้อย พร้อมอุปกรณ์เสริมอื่นๆ ที่เป็นอแดปเตอร์ชาร์จไฟ, สาย USB แบบหัว Micro USB, หูฟังสมอล์ทอล์ค และมีเคสใสที่ดีไซน์แบบ Two Tone บริเวณฝาหลังเป็นใส ส่วนขอบเป็นซิลิโคนกันกระแทก
ดีไซน์ใหม่หมดจด!
สิ่งที่ประทับใจแรกคือ การออกแบบหน้าตาเครื่องใหม่ มาดูกันที่ด้านหลังก่อน ฝาหลังนั้นเป็นการเล่นลวดลายเป็นเส้น ไล่สีอย่างมีมิติ ที่สะท้อนเปลี่ยนไปตามแสงกระทบและมุมมอง ตัวเครื่องมีความโค้งมนรับกับอุ้งมือ ถือจับได้พอดี และมีแถบโมดุลชุดกล้องหลังที่เป็นแบบ Triple Camera 3 เลนส์พร้อมไฟแฟลช LED
มิติตัวเครื่อง 157.3 x 74.7 มิลลิเมตร หนา 8.2 มิลลิเมตร น้ำหนัก 185 กรัม ถือว่าเป็นขนาดที่ใหญ่กำลังดีมือเลยล่ะ ด้านรอบเครื่องทางซ้ายมีปุ่มปรับระดับเสียง และปุ่ม Power ส่วนทางซ้ายนั้นมีปุ่มใหม่ Smart Button ทำหน้าที่สั่งงาน AI (ไว้เดี๋ยวเราจะเล่าให้ฟัง) และมีถาดใส่ microSD ที่แยกออกมาต่างหาก รองรับใส่ได้ 256GB
ด้านล่างเครื่องจะมีช่องลำโพงเสียง, ไมค์สนทนา, พอร์ตเชื่อมต่อแบบ Micro USB และช่องถาดซิม รองรับขนาด Nano SIM ใส่ได้ 2 ซิม ส่วนที่ด้านบนก็จะมีช่องเสียบหูฟังแบบ 3.5 มิลลิเมตร และไมค์ที่ 2 ช่วยตัดเสียงรบกวนเวลาที่สนทนา
หน้าจอใหญ่เต็มพื้นที่ ไร้ติ่งมากวนตา
หน้าจอนั้น เต็มพื้นที่มากๆ เพราะว่าไม่มีติ่ง Notch ใดๆ แบบหยดน้ำก็ไม่มี นี่คือ Ultra FullView Display ที่ใหญ่ถึง 6.29 นิ้ว สังเกตขอบเครื่องจะเห็นว่าเหลือพื้นที่น้อยมากๆ ขอบรอบจอจะหนาเพียงแค่ 1.75 มิลลิเมตร ส่วนด้านล่างจะหนากว่าเล็กน้อยอยู่ที่ 2.22 มิลลิเมตร โดยสัดส่วนพื้นที่จอนั้น มากถึง 91.64% กับบอดี้ทั้งหมด
การออกแบบให้ข้างหน้าเกลี้ยงเกลาได้ขนาดนี้ เพราะว่า Vivo ได้เอาลำโพงสนทนา และบรรดาเซนเซอร์ต่างๆ ไปซ่อนอยู่บริเวณขอบเครื่องด้านบนจนแทบจะมองไม่เห็น
หลังจากส่องรอบเครื่องแล้ว คุณน่าจะเริ่มรู้สึกแล้วว่ามีอะไรบางอย่างที่ควรมีแต่หายไป นั่นสิ!กล้องหน้าสำหรับเซลฟี่หายไปไหน?
กล้องหน้าแบบ Pop Up ที่รอคอย
ปีที่แล้ว เราแอบเสียดายที่ Vivo ประเทศไทยไม่ได้เอา Vivo NEX สมาร์ทโฟนรุ่นแรกของโลก ที่ใช้ระบบกล้องหน้าแบบ Pop Up เข้ามาจำหน่ายในไทย ซึ่งกระแสตอนนั้นได้รับการตอบรับและขายดีทั้งในจีนและต่างประเทศ
คราวนี้พอมาใน Vivo V15 Pro ระบบ Pop Up แบบ Elevation Front Camera ก็ได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้นมากกว่าเดิม กลไกของกล้องแบบมอเตอร์ไฟฟ้าที่ทำงานได้เงียบ และเลื่อนขึ้นลงตอบสนองรวดเร็ว เพียงแค่ 0.46 วินาที เร็วทันทีที่เราเปิดเมนูถ่ายเซลฟี่ หรือเปิดสแกนใบหน้าปลดล็อค
หลายคนอาจจะรู้สึกกังวลว่า ระบบที่เลื่อนขึ้นลงได้แบบนี้ มันจะเปราะบางหรือไม่ ข้อมูลที่ทาง Vivo แจ้งมาบอกว่า ระบบนี้ผ่านการทดสอบว่าใช้งานมากกว่า 3 แสนครั้ง ดังนั้นมั่นใจได้ว่า ต่อให้เปิดกล้องหน้าหรือเซลฟี่ วันละ 150 ครั้ง (ซึ่งคงไม่มีใครใช้เยอะขนาดนั้น) ก็ยังใช้ได้ถึง 5.5 ปี
และจากที่เราลองจับเวลาที่กล้องยื่นขึ้นมา ก็รู้สึกได้เลยว่าโครงสร้างกลไกมีความแข็งแรงมาก ดังนั้นสบายใจได้ว่ากล้องแบบ Pop Up นี้ไม่พังง่ายอย่างแน่นอน
ระบบความปลอดภัย สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ + สแกนใบหน้า
อีกสิ่งที่หายไปจากตัวเครื่องก็คือ เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือ Vivo V15 Pro เลือกใช้ระบบสแกนลายนิ้วมือฝังไว้ที่ใต้หน้าจอ เหมือนกับในรุ่น V11 ที่ขายในปีที่แล้ว แต่มาในรุ่นนี้ เรารู้สึกได้เลยว่า ความไวและความแม่นยำในการสแกนลายนิ้วมือนั้นรวดเร็วขึ้นกว่าเดิม
นอกจากลายนิ้วมือแล้ว ยังรองรับการสแกนใบหน้าเพื่อปลดล็อคเครื่องได้ด้วย โดยตอนที่จะปลดล็อคเครื่อง ให้เราปัดหน้าจอขึ้น กล้องหน้าที่ซ่อนอยู่ก็จะเด้งขึ้นมาแล้วสแกนใบหน้าของเราอย่างรวดเร็ว
ตัวระบบปลดล็อคเครื่องนั้นมีให้เลือกใช้ได้ทั้งแบบเฉพาะสแกนนิ้ว หรือสแกนใบหน้า และยังมีความปลอดภัยแบบ 2 ชั้นที่ให้สแกนลายนิ้วมือ+สแกนใบหน้ารวมกัน
ประสิทธิภาพ
ชิปเซตใช้เป็นของ Qualcomm Snapdragon 675 Octa-core 2.0 GHz ตัวประมวลผลกราฟฟิกเป็น Adreno 612 เป็นตัวรุ่นใหม่ล่าสุดที่ออกแบบมาสำหรับสมาร์ทโฟนกลุ่มระดับกลาง ถือว่า Vivo V15 Pro เป็นรุ่นแรกๆ ที่ใช้ชิปรุ่นนี้
จุดเด่นของ Snapdragon 675 คือเน้นการทำงานด้านเล่นเกม, รองรับการใช้งานกล้องหลัง 3 กล้อง รวมถึงมี AI ที่ช่วยการทำงานได้ฉลาดรวดเร็ว พร้อมทั้งยังประหยัดพลังงาน
หน่วยความจำภายในให้มามากถึง 128GB สามารถใส่ microSD เพิ่มได้อีก ส่วน RAM ก็ให้อยู่ที่ 6GB เรียกได้ว่าเป็นรุ่นระดับกลาง แต่ก็ให้สเปคมาเต็มที่ ผลทดสอบของ Antutu ได้อยู่ที่ 179293
Android 9.0 Pie มาพร้อม Funtouch OS 9.0 ใหม่ล่าสุด
แน่นอนว่ารุ่นใหม่ตอนนี้ ก็จะต้องมากับตัวระบบปฏิบัติการล่าสุด Android 9.0 Pie ที่ทาง Vivo ก็ได้อัพเดท Funtouch OS เป็นเวอร์ชั่น 9.0 ด้วยเช่นกัน หน้าตา UI ดูเรียบๆ เน้นสีสันสดใส มีฟีเจอร์ใช้งานเด่นๆ มาให้ครบครัน
- Clone App ใช้งานแอปแชทหรือโซเชียลได้พร้อมกัน 2 บัญชีในเครื่องเดียว
- จับภาพหน้าจอโดยการปัดหน้าจอ 3 นิ้ว ที่บันทึกได้ทั้งภาพและวิดีโอ
- แบ่งหน้าจอเพื่อใช้งาน 2 แอพได้พร้อมกัน รองรับใช้งานได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน
- การใช้งานมือเดียว ปรับขนาดจอ, คียบอร์ด เพื่อให้ใช้งานมือเดียวได้ถนัดมากขึ้น
- ปุ่มเมนูด้านล่าง เลือกได้ทั้งแบบปุ่มเพื่อกด หรือใช้ตวัดเพื่อเรียกคำสั่ง
- ปัดเรียก Control Center ได้ด้วยการปัดจากจอด้านล่างขึ้นมา ส่วนการแจ้งเตือนต่างๆ ปัดเรียกจากด้านบน
- วิดีโอคอล สามารถเปิดโหมด Beauty ได้
เรื่องเล่นเกม ดูหนังฟังเพลง ไว้ใจได้
ตัวสเปคเครื่องทั้งชิปเซตและแรม ถือว่าเพียงพอสำหรับการเล่นเกมดังๆ ทั้งหลายได้แล้ว รวมถึงในระบบของ Funtouch OS เวอร์ชั่นใหม่นี้ จะมีส่วนของ Game Cube ที่เป็นเอ็นจิ้นช่วยเรื่องการเล่นเกมต่างๆ ให้ดีขึ้น ทั้งการปรับแต่ง Performance ของเครื่องเวลาที่เล่นเกมให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ปรับเรื่องการรับสายโทรเข้า, ข้อความแชท ฯลฯ ไม่ให้มารบกวนเวลาที่เล่นเกม
ส่วนเรื่องความบันเทิง ตัวหน้าจอ Ultra FullView Display ที่ใหญ่สุดขอบจักรวาล เต็มตา และเป็นจอแบบ Super AMOLED ที่ให้สีสันที่สดใส เวลาที่ดูหนังดูคลิป Youtube หรือ Netflix นี่เรียกได้ว่าได้อรรถรสดีจริงๆ และถ้าใครชอบเรื่องเน้นเรื่องเสียง Vivo V15 Pro ยังมีช่องสำหรับเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตรมาด้วย ให้คุณภาพเสียงที่ดีใช้ได้
ปุ่ม Smart Button เรียกใช้งาน AI ได้สะดวก
ที่ด้านข้างซ้ายของเครื่อง เราจะเห็นมีปุ่มกดใหม่เพิ่มขึ้นมาอีกปุ่ม นี่คือ Smart Button ปุ่มสำหรับเรียกใช้งาน AI ผู้ช่วยอัจฉริยะ Jovi ที่ทาง Vivo พัฒนาขึ้นมา โดยปุ่มนี้เราสามารถกำหนดเป็น shortcut เพื่อเรียก Google Assistant, Google Search หรือตัวระบบรู้จำรูปภาพของ Jovi
ซึ่งตัวเมนู ระบบรู้จำรูปภาพของ Jovi เราสามารถ Snapshot ภาพหน้าจอหรือจากกล้อง แล้วระบบจะนำภาพไปค้นหาสินค้าในแหล่งช็อปปิ้งออนไลน์กว่า 100 แพลตฟอร์ม อาทิ Shopee และ Zalora เหมาะสำหรับเวลาเราเจอของอะไรสักอย่างแล้วอยากจะหาซื้อ แค่กดเลือก Jovi ก็จะค้นหาให้ได้เลย
กล้องหน้าเซลฟี่ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล
ตัวกล้องหน้าของ Vivo V15 Pro ไม่ได้มีแค่ความว้าวตรงระบบซ่อนกล้องแล้ว Pop Up ขึ้นมาแค่นั้น เพราะประสิทธิภาพของกล้องนั้นถือว่าเด็ดมาก เพราะนี่คือสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของโลก ที่ให้ความละเอียดสูงถึง 32 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.0
ความละเอียดของภาพที่สูงระดับนี้ มีประโยชน์ในการถ่ายเซลฟี่ยังไง? อาจจะสงสัย ด้วยที่มันเก็บรายละเอียดของภาพได้มากขึ้น ก็ทำให้การเอาภาพเพื่อไปประมวลผลต่างๆ ได้แม่นยำและสวยมากขึ้น
การปรับบิวตี้ของกล้องหน้า Vivo นั้นให้เราเลือกได้เยอะมาก แยกเป็นส่วนๆ ปรับแต่งได้ตามต้องการ ที่สำคัญเพราะความละเอียดระดับนี้ จึงทำให้การปรับบิวตี้แล้วก็ไม่เนียนเรียบหรือขาวโพลนไปหมด ยังเห็นริ้วรอย หรือ texture บนใบหน้า ทำให้ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น
เอฟเฟคพิเศษในการถ่ายเซลฟี่ก็มีมาครบถ้วน โหมด Portrait ที่จำลองแสงแบบสตูดิโอและรูปแบบต่างๆ สติกเกอร์ AR ก็มีให้เล่น รวมถึงมี HDR ให้มาในกล้องหน้าด้วย เวลาถ่ายเจอย้อนแสงหรือสภาพแสงจากด้านหลัง ก็จะช่วยเฉลี่ยให้ภาพเซลฟี่ออกมาสว่างชัดเจนทั้งตัวแบบและฉากหลัง
กล้องหลัง 3 เลนส์ ครั้งแรกบน Vivo ความละเอียดถึง 48 ล้านพิกเซล
ส่วนกล้องหลังนั้น ก็อัพเกรดขึ้นเป็นแบบ 3 เลนส์ ที่ตัวกล้องหลักจะมีความละเอียดถึง 48 ล้านพิกเซล แบบ Quad Pixel Sensor รูรับแสง f/1.8 ทำงานร่วมกับกล้อง Depth Sensor ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล และเพิ่มมาใหม่ด้วยกล้องมุมกว้าง Ultra Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล
ถือว่าเป็นสเปคที่สดใหม่มากๆ สำหรับสมาร์ทโฟนกลุ่มราคาระดับกลาง ซึ่งการทำงาน 3 ประสานกล้องชุดนี้ ช่วยให้การถ่ายภาพและวิดีโอของ Vivo V15 Pro สนุกยิ่งกว่าเดิม
กล้องหลัก 48 ล้านพิกเซล รูรับแสง F/.8 โดยใช้เทคโนโลยี 4 in 1 รวมเอา 4 พิกเซลให้ได้พิกเซลที่ใหญ่ขึ้น เพิ่มความคมชัดของภาพได้ถึง 12 ล้านพิกเซล สามารถถ่ายเก็บรายละเอียดได้มากขึ้น แล้วนำมาประมวลผลให้ได้ภาพที่คมชัด มีความสว่างมากขึ้น
กล้อง Depth Sensor ทำหน้าที่ช่วยประมวลผลการถ่ายภาพโหมด Portrait ที่สวยงามมากกว่าเดิม การแยกตัวแบบกับฉากหลังเนียนขึ้น โดยการถ่ายบุคคลสามารถเลือกปรับค่าโฟกัสได้ และเลือกปรับหลังจากถ่ายได้ด้วย
โหมดบิวตี้ที่ไม่ใช่ปรับแค่หน้า แต่ปรับรูปร่างให้ด้วย
กล้องหลัง Vivo V15 Pro จะเลือกเปิดการปรับแต่งในโหมดบิวตี้ได้มากกว่ากล้องหน้า เพราะไม่ใช่แค่ปรับเรื่องของใบหน้า แต่ยังมี AI Beauty Shape สามารถปรับแต่งรูปร่างทุกสัดส่วนของร่างกาย ไม่ว่าจะเอว สะโพก ส่วนสูง ให้ออกมาสมส่วนโดยไม่ต้องใช้แอปอื่นให้วุ่นวาย
กล้องมุมกว้าง เก็บภาพได้มากขึ้น
จุดเด่นของกล้องตัวที่ 3 คือเป็นเลนส์มุมกว้าง AI Super Ultra Wide ช่วยให้เก็บมุมมองของภาพได้กว้างถึง 120 องศา ใช้ได้ทั้งการถ่ายภาพนิ่งและถ่ายวิดีโอ มีประโยชน์มากๆ เวลาที่ต้องการเก็บภาพหมู่ที่มีคนมากๆ หรือถ่ายในสถานที่ๆ มีพื้นที่จำกัด แต่ก็เก็บมุมมองได้อย่างทั่วถึง
กันสั่นในวิดีโอที่ดีขึ้นมากๆ
อันนี้เกินคาดมาก เพราะก่อนหน้านี้ เรื่องระบบกันสั่นถ่ายวิดีโอของ Vivo นั้น ถ้าเดินถ่ายเรายังเจอที่มีจังหวะที่สั่นอยู่บ้าง แต่ใน Vivo V15 Pro เราลองเดินถือถ่ายวิดีโอ ตัวระบบ EIS นั้นทำงานได้ดีมาก เรียกได้ว่าแทบไม่เจอจังหวะที่ภาพสั่นไหวเลย
มีโหมดถ่ายกลางคืนแล้ว
อีกฟีเจอร์ที่รอคอย ก็มีมาให้ใน Vivo V15 Pro กับการถ่ายภาพเวลากลางคืนแบบ AI Super Night Mode ที่เก็บภาพเป็นระยะเวลาประมาณ 1-4 วินาที แล้วนำมาประมวลผล ให้ได้ภาพถ่ายที่มีความสว่างคมชัด สีสันสดใส เหมือนใช้ขาตั้งกล้องถ่ายด้วยโหมด Pro
AI ช่วยในการถ่ายภาพ
Vivo พัฒนา Jovi มาช่วยในเรื่องของการถ่ายภาพด้วยเช่นกัน ด้วย AI Face Beauty ที่จะมาช่วยเราตั้งแต่การปรับแต่งค่า Beauty ในการถ่ายภาพบุคคลให้ออกมาสวย เหมาะกับแต่ละคน ทั้งสีผิว เพศ อายุ มีระบบกำหนดฉากของการถ่ายภาพ แยกแยะได้ 17 รูปแบบ เพื่อให้เราถ่ายภาพได้สวยที่สุด ฉากกลางคืน, ดอกไม้, อาหาร ฯลฯ รวมถึงยังมี AI Portrait Frame ช่วยจัดองค์ประกอบภาพเวลาที่ถ่ายภาพบุคคล เพื่อแนะนำการวางตำแหน่งของแบบให้ได้สัดส่วนกับฉากที่ดีที่สุด
ในเวอร์ชั่นใหม่นี้ Jovi ในการถ่ายภาพ ทำงานได้รวดเร็วมากขึ้น และฉลาดมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องการกำหนดฉากนั้น ใช้งานได้สะดวกขึ้นมาก เพียงแค่เปิดเมนูกล้องเลือกเป็นโหมด Photo ก็สามารถถ่ายในทุกๆ สถานการณ์ออกมาได้สวยเพียงแค่กดชัตเตอร์
สรุป Vivo V15 Pro ดี คุ้ม น่าซื้อหรือไม่?
เป็นการพัฒนาแบบก้าวกระโดดจาก V11 มากๆ การเอานวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาใช้ ทั้งกล้อง Pop Up, หน้าจอ Ultra FullView Display, กล้องหลังแบบ 3 เลนส์ ทั้งหมดเอามาผสมผสาน ทำให้ได้สมาร์ทโฟนที่หน้าตาดูทันสมัย หน้าจอใหญ่เต็มเหยียดจนแทบไม่เหลือขอบ
สเปคนั้น ถือว่าอยู่ในระดับที่ดีสำหรับสมาร์ทโฟนกลุ่มราคาเกินหมื่นบาท การทำงานลื่นไหล และมีฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่ได้ระบบ AI มาช่วย ทำให้การใช้งานมีความสะดวกมากขึ้นกว่าเดิม
เรื่องถ่ายภาพก็ดีขึ้นมากทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง ตัวเลขความละเอียดกล้อง 32 ล้านพิกเซล หรือ 48 ล้านพิกเซล ไม่ได้มีมาเยอะๆ เว่อร์วังให้ดูอลังการ แต่ถูกนำมาใช้เพื่อประมวลผลใได้ภาพและวิดีโอที่ดีขึ้นกว่าเดิม
Vivo V15 Pro ราคา ในการเปิดตัว อยู่ที่ 14,999 บาท ถือว่าไม่ได้แพงเกินไปสำหรับฟีเจอร์ใหม่ที่อัดแน่นมา แถมยังมีโปรโมชั่นกับโอเปอเรเตอร์และดีลเลอร์ ลดราคาเครื่องให้ถูกลงไปอีก