เชื่อว่าหลายคนที่ใช้งานบริการดูหนังดูซีรี่ย์บน Netflix จะใช้วิธีหารกับเพื่อน คือ แชร์ Netflix แบบ Premium ที่ให้ใช้ดูได้พร้อมกัน 4 หน้าจอ มารวมบ้านกัน แล้วหารค่าบริการแล้วเหลือคนละร้อยกว่าบาท แน่นอนว่ามันช่วยให้ทุกคนประหยัด แต่ถ้าคำนวนแล้ว วิธีการนี้ จะทำให้ Netflix เสียโอกาสด้านรายได้ สูงถึง 192 ล้านเหรียญดอลล่าร์ต่อเดือนเลยทีเดียว
NOTE : แนวทางการศึกษาข้อมูล มีดังนี้
- เก็บข้อมูลมาประเมินจากกลุ่มผู้ใช้งานแบบ Single Screen หรือ จ่ายชมจอเดียว คนเดียว ไม่แบ่ง ไม่หารใคร
- มีการถามคำถามเพิ่มเติม เช่น มีการใช้บริการแบบไม่เสียเงินหรือไม่ และ ถ้าวันนึง บริการแบบผิดลิขสิทธิ์ไม่สามารถใช้งานได้แล้ว พวกเค้าจะยอมจ่ายเงินค่าบริการเพื่อเข้าชมเป็นของตัวเองหรือไม่
ซึ่งมีข้อมูลเปรียบเทียบผู้ให้บริการ 3 ราย ถึงระยะเวลาที่ผู้ให้บริการโดนละเมิดลิขสิทธิ์
- Netflix โดนละเมิดยาวนานถึง 26 เดือน
- Amazon Prime มีแนวโน้มโดนละเมิดลิขสิทธิ์ 16 เดือน
- Hulu มีแนวโน้มโดนละเมิดลิขสิทธิ์ 11 เดือน
จากการศึกษาข้อมูล พบว่า ผู้ใช้งาน แชร์ Netflix ส่วนใหญ่ จะนิยมแชร์บัญชีที่ใช้งานร่วมกันภายในครอบครัว มากกว่า จะยืมหรือขอใช้งานบัญชีใช้งานของเพื่อน ซึ่ง
- มีผู้ใช้งานถึง 48% ใช้บัญชีของ พ่อ-แม่ เข้าใช้งาน
- มีเพียง 14% ที่ใช้บัญชีของพี่-น้อง
ซึ่งการ share user หรือ การใช้บัญชีของผู้อื่นร่วมกัน นี่เองที่เป็นสาเหตุหลักๆที่ทำให้ Netflix ถูกละเมิดลิขสิทธิ์ยาวนานกว่าเพื่อน
หากดูที่ราคา package ของ Netflix ที่ต้องจ่ายรายเดือน (ซึ่งระยะเวลาที่เก็บ และ ศึกษาข้อมูลนั้น ราคาอยู่ที่ 7.99 ดอลล่าร์ต่อเดือน ก่อนที่ Netflix จะขึ้นราคาค่าบริการใหม่ตอนเดือนมกราคม 2019) การใช้บัญชีใช้งานร่วมกัน ทำให้ผู้ใช้งานที่ใช้งาน user ของผู้อื่น ไม่ต้องจ่ายเงินถึงประมาณ 208 ดอลล่าร์ (ประมาณ 6,600 บาท) ในช่วงเวลา 26 เดือนเลย (7.99 x 26 = 207.74)
ซึ่งเงินจำนวน 208 ดอลล่าร์ นั้นเป็นเงินที่ทาง Netflix อาจจะสูญไปต่อผู้ใช้งาน 1 คนเท่านั้น (ซึ่งแน่นอนว่าผลเสียหายน่าจะสูงกว่านี้)
จากรูป จะเห็นว่า Netflix นั้น ประเมินว่ามีแนวโน้มจะสูญเงินมหาศาลถึง 192 ล้านดอลล่าร์ต่อเดือนจากการผลการที่มีการนำ Netflix Account มาแชร์และใช้งานร่วมกัน
หากลงรายละเอียดไปถึงกลุ่มคนโดยดูจากช่วงอายุ พบว่า ผู้ที่แชร์ใช้งาน Account ร่วมกันนั้น
- ส่วนใหญ่จะเป็นคนกลุ่ม Millennials (ช่วงอายุ 20-34 ปี) โดยของ Netflix มีคนกลุ่มนี้ถึง 18%
- กลุ่ม Baby Boomers (ช่วงอายุ 55-75 ปี) เป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มยืม Account เพื่อเข้าชม Amazon Prime Video มากกว่ากลุ่มอื่นๆ
ซึ่งแน่นอน มันก็มีผู้เห็นต่างและโต้แย้งว่า กลุ่มคนที่ยืมใช้งาน Account ผู้อื่น เข้าไปดูวิดีโอสตรีมมิ่งออนไลน์ หรือ สามารถเข้าชมแบบผิดลิขสิทธิ์นั้น ไม่มีวันที่จะผันตัวมาเป็นลูกค้า (หรือยอมจ่ายค่าบริการ) เพื่อเข้าชมวิดีโอต่างๆซะเอง ดังนั้น การมองว่าทางผู้ให้บริการสูญเสียเงินจำนวนมหาศาลนั้น ก็ไม่ถูกต้องซะทีเดียว
หรือ อาจจะมีผู้ใช้งานบางรายที่พอยืมใช้งาน Account ของผู้อื่นแล้วเกิดติดใจ หลังจากยืมใช้งาน Account ผู้อื่นมาสักระยะ (หรือดูแบบฟรี โดยละเมิดลิขสิทธิ์) ก็เป็นไปได้ที่ ผู้ใช้งานนั้นๆ อาจจะยอมจ่ายเงินค่าบริการรายเดือน เพื่อให้มีใช้งานเป็นของตัวเองซะเลย เพื่อลดปัญหาต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้น เช่น
- การ login ใช้งานพร้อมกับเจ้าของ Account
- เกิดอยากดูขึ้นมาจัดๆ ในวันที่บัญชีที่ละเมิดลิขสิทธิ์ไม่สามารถเข้าไปดูได้แล้ว
จากรูป ผลการศึกษาข้อมูลระบุว่า
- 59.3% หรือตีเป็นจำนวนคนประมาณ 14 ล้านคน บอกว่า พวกเค้าอาจจะจ่ายเงินค่าบริการ Netflix ซึ่งถ้าเป็นจริง ทางผู้ให้บริการจะมีรายได้จากคนกลุ่มนี้ถึง 112 ล้านต่อเดือน แต่ … ข้อมูลที่ได้มา ก็เป็นแค่ความคิดเห็น และ คำพูด ซึ่งผู้ให้ข้อมูลก็ไม่จำเป็นจะต้องจ่ายเงินจริงๆก็ได้
