รีวิว Vivo V15 อีกรุ่นที่เปิดตัวพร้อมกับ V15 Pro ถ้ามองดูจากรูปร่างภายนอกแล้ว แทบจะเหมือนกันทุกอย่าง มีต่างเรื่องเสปคภายในบางส่วน เรามาดูกันว่า น้องเล็กที่ราคาถูกกว่า ที่เราอยากบอกว่า นี่เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากสำหรับคนที่มีงบซื้อมือถือ ราคาหมื่นบาทต้นๆ
Vivo V15 มีอะไรต่างจากรุ่น Pro บ้าง?
ก่อนอื่นสามารถอ่าน Preview แกะกล่อง Vivo V15 ได้ที่นี่ อย่างที่บอกไปว่าหน้าตาของตัวเครื่องนั้น ดีไซน์เดียวกับ V15 Pro ดังนั้นเราจะมาไล่ดูกันเลยว่ามีอะไรที่ต่างกันบ้าง
เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมืออยู่ที่ด้านหลังเครื่อง
V15 Pro นั้น ระบบสแกนลายนิ้วมือจะใช้เป็นเซนเซอร์ใต้หน้าจอแบบ Optical ที่สแกนนิ้วได้จากบนหน้าจอได้เลย ส่วนใน Vivo V15 จะใช้เป็นเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลัง อยู่ตำแหน่งของนิ้วชี้ ที่สแกนได้ง่ายและเราคุ้นเคยกันอยู่แล้ว เรื่องความเร็วในการสแกนก็รวดเร็วทันใจ ไม่มีผิดพลาด
ขนาดตัวเครื่องยาวกว่าเล็กน้อย
แม้ว่าหน้าตาจะดูเหมือนกันเป๊ะๆ แต่ถ้าเอามาวางทางเทียบกันแล้วจะเห็นว่า V15 จะมีความยาวมากกว่ารุ่นโปรเล็กน้อย ส่วนความกว้าง, หนาและน้ำหนักก็ต่างอยู่บ้างเล่นกัน
ขนาดมิติของ V15 Pro จะอยู่ที่ 157.3 x 74.7 มิลลิเมตร หนา 8.2 มิลลิเมตร หนัก 185 กรัม
ส่วน V15 ขนาดจะเป็น 161.97 × 75.93 มิลลิเมตร หนา 8.54 มิลลิเมตร หนัก 189.5 กรัม จะเห็นว่าต่างกันเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งถือแล้วแทบจะไม่รู้สึกเลยว่าแตกต่างกัน
หน้าจอเป็นแบบ LCD IPS แต่ใหญ่กว่า
จากในรุ่นโปรที่ใช้เป็นแบบ Super AMOLED ขนาด 6.39 นิ้ว มาใน V15 นั้นจะเปลี่ยนมาใช้เป็นแบบ LCD IPS ขนาด 6.53 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2340 x 1080 พิกเซล) ที่เป็นเทคโนโลยีแบบ Incell ที่ให้ภาพที่สีสดใส มุมมองกว้าง ครอบทับด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 5
และแน่นอนว่าเป็นหน้าจอแบบ Ultra FullView Display ที่มีขนาดใหญ่เต็มพื้นที่ด้านหน้าสัดส่วนสูงถึง 90.25% จนเกือบชิดขอบด้านข้าง ไม่มีการเว้นติ่งหรือรอยบากใดๆ ทั้งสิ้น
ชิปเซตใช้เป็น MediaTek Helio P70 รุ่นใหม่
วีโว่ปรับมาตัวชิปเซตมาเป็น Mediatek Helio P70 Octa-core 2.1GHz ที่เป็นรุ่นใหม่ ทำงานรองรับกับ AI ของ Funtouch OS 9 ประสิทธิภาพในการทำงานระดับสูงก็อยู่ในระดับที่ดี ไม่มีปัญหา ทั้งการใช้งานปกติทั่วไป หรือจะเล่นเกมหนักๆ ก็ยังเอาไหว
กล้องหลัง Triple Camera 24 ล้านพิกเซล DualPixel
เรื่องถ่ายภาพ วีโว่ให้ความสำคัญเป็นพิเศษ จัดให้เป็นกล้องแบบ Triple Camera เหมือนกัน ด้วยกล้องหลักแบบ DualPixel ความละเอียด 24 ล้านพิกเซล ให้ความคมชัดและเก็บรายละเอียดในสภาพแสงน้อยได้ดี ทำงานคู่กับกล้องวัดระยะ 5 ล้านพิกเซล ช่วยในการถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอได้สวยงาม
และกล้องที่ 3 แบบมุมกว้าง Super Wide-angle ถึง 120 องศา ที่ช่วยให้เก็บภาพที่มุมมองที่กว้างขึ้นในการถ่ายทิวทัศน์ หรือในพื้นที่แคบๆ ได้ขอบเขตของภาพที่กว้างขึ้น
ถาดซิมแบบ Triple Tray
ตัวถาดซิมจะแตกต่างกันเล็กน้อย ของ V15 Pro จะมีถาดซิมแบบ 2 ซิม แยกกับถาดใส่ microSD แต่ใน V15 จะเป็นแบบ 3 ช่อง เป็น Nano SIM 2 ช่อง และช่อง microSD อีก 1 ช่อง ถือว่าสะดวกดี และรองรับ 4G Stand by ได้ทั้ง 2 เบอร์
พอร์ตหูฟังอยู่ด้านล่าง
ต่างจากรุ่นโปรที่เอาไว้ด้านบนเครื่อง แต่พอร์ตหูฟัง 3.5 นิ้วของ Vivo V15 จะเอามาไว้ทีด้านล่างของเครื่องแทน
แบตเตอรี่ความจุมากกว่า!
อันนี้ต่างแล้วดีกว่า เพราะ Vivo V15 ให้แบตเตอรี่มาเยอะกว่ารุ่นโปร อยู่ที่ 4,000 mAh ก็ช่วยให้ใช้งานต่อเนื่องได้มาขึ้นอีกพอสมควร และยังมี ระบบชาร์จเร็ว Dual-Engine Fast Charging ที่ช่วยให้ชาร์จแบตเตอรี่ได้เร็วขึ้น
ฟีเจอร์เด่นน่าสนใจ ให้มาเหมือนกัน
พูดเรื่องสิ่งที่ต่างไปแล้ว คราวนี้มาดูส่วนอื่นๆ กันบ้าง วีโว่จัดมาให้แบบคุ้มค่ากับราคา 10,999 บาทมากๆ ตั้งแต่ความจุในเครื่องจัดไป 128GB ที่เพิ่ม microSD ได้อีก 256GB และมี RAM ให้ที่ 6GB ประสิทธิภาพการใช้งานถือว่าไหลลื่นดีไม่มีสะดุด
ต่อมาคือกล้องหน้าแบบ Pop Up ที่เป็นจุดเด่นของรุ่นนี้ ก็มีมาให้เหมือนกัน แถมยังจัดให้ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล f/2.0 เช่นกัน อันนี้ได้ใจสายเซลฟี่ไปเลย เพราะมีลูกเล่นเมนูการถ่ายภาพมาให้ครบถ้วน
ปุ่ม Smart Button ที่ด้านข้างของเครื่อง มีเพิ่มมาให้ สำหรับใช้เรียกการทำงานของระบบ AI อย่าง Jovi และ Google Assitant ให้ใช้งานได้ทันทีที่ต้องการ
Funtouch OS 9 เวอร์ชั่นใหม่
การออกแบบของวีโว่ ทำให้ Funtouch OS 9 ทำงานบน Android 9.0 ได้อย่างลงตัว มีฟีเจอร์การใช้งานที่ฉลาดและง่ายมากขึ้น ด้วยการที่มีระบบประมวลผล AI มาช่วยการทำงานได้หลายอย่าง โดยเฉพาะเรื่องของเล่นเกม ที่มีระบบ Dual-Turbo มาช่วยเร่งประสิทธิภาพของเครื่องเวลาที่เล่นเกมกราฟฟิคหนักๆ ให้มีความไหลลื่น เฟรมเรตนิ่งกว่าเดิมถึง 300%
เรื่องของการเล่นเกมก็ยังทำได้ดี มีอัพเดท Game Mode 5.0 ทั้งระบบปิดการรบกวนจากสายโทรเข้าเวลาเล่นเกม, เปิดแอปแชตซ้อนเป็นหน้าต่างเล็กๆ, แป้นคีย์บอร์ดแบบ Float ที่ไม่บังระหว่างเล่นเกม, โหมด Auto Gaming และ Game Assistant ที่ช่วยในเวลาที่เล่นเกม
กล้องหลัง AI Triple Camera
ตัวกล้องหลังของ Vivo V15 จะแบ่งเป็น กล้องหลัก 24 ล้าน (12 ล้านพิกเซลแบบ Dual Pixel Sensor) รูรับแสง F/1.78 ทำงานร่วมกับกล้องวัดระยะ depth ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล F/2.4 และเสริมด้วยกล้อง Super Wide-angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง F/2.2
ในโหมดถ่ายภาพนั้นมีฟีเจอร์ AI Scene Indentification ตรวจจับซีนของภาพเพื่อปรับแต่งให้ได้ภาพที่ถ่ายออกมาสวยงามโดยไม่ต้องปรับแต่งอะไร อย่างการถ่ายอาหาร กล้องจะปรับเร่งสีให้เป็นโทนอุ่นเพื่อให้อาหารดูน่ากินยิ่งขึ้น
ในการถ่ายภาพบุคคลก็มีเลือก Portrait Light Effect ปรับแต่งจำลองแสงภาพถ่ายบุคคล ให้ได้แสงที่สวยงามเหมือนใช้ไฟสตูดิโอถ่าย
ถ่ายภาพ Portrait Bokeh ด้วยกล้องหลังจะทำงานด้วยกล้อง 5 ล้านพิกเซล เพื่อปรับให้ฉากหลังเบลอด้วยระยะค่า F จำลอง ได้ตั้งแต่ 0.95-11 ที่เลือกมาปรับโฟกัสที่หลังได้ด้วย
Super Wide-angle เก็บภาพได้มุมกว้างยิ่งขึ้น
การมีเลนส์ Super Wide-angle มาให้ด้วยนั้น ถือว่าเป็นของใหม่ที่ใช้แล้วเป็นต้องชอบ แม้ว่าความกว้างของเลนส์อาจจะมีทำให้ภาพมีสัดส่วนที่ผิดเพี้ยนอยู่บ้าง แต่วีโว่ก็มีระบบที่ช่วยจัดการแก้ไขภาพให้มีสัดส่วนที่ถูกต้องขึ้นได้
องศาเก็บภาพที่ 120 องศา ช่วยให้เก็บภาพในหลากหลายสถานการณ์ที่กล้องมือถือเดิมๆ ทำไม่ได้ อย่างเช่นภาพระยะใกล้แต่อยากได้มุมกว้างอย่างโต๊ะอาหาร การจะเก็บภาพทั้งโต๊ะสามารถทำได้โดยไม่ต้องยืนยกกล้องให้สูงก็เก็บได้หมด และที่ได้ใช้บ่อยเลยคือการถ่ายวิวทิวทัศน์ เลนส์มุมกว้าทำให้ภาพที่ได้ดูยิ่งใหญ่ขึ้นกว่าเลนส์ปกติ พอลองใช้บ่อยๆ แล้วรู้สึกเลยว่าถ่ายภาพหลายๆ อย่างสนุกขึ้นกว่าเดิม
AI Portrait Framing ช่วยถ่ายรูปให้สวยอย่างลงตัว
จริงๆ ฟีเจอร์นี้มีมาในสมาร์ทโฟนของวีโว่ตั้งแต่ปีที่แล้ว มาใน Vivo V15 รู้สึกได้ว่าทำงานได้รวดเร็วกว่าเดิม เมื่อเราเปิดโหมดนี้ไว้แล้วใช้กล้องหลังถ่ายภาพบุคคล ระบบ AI จะมององค์ประกอบของภาพ และแนะนำให้เราเลื่อนกล้องไปในตำแหน่งที่เหมาะสม เพื่อให้ได้ภาพในเฟรมที่สวยลงตัว ที่พอเลื่อนไปตรงตำแหน่งปุ๊บก็ถ่ายรูปให้ทันที
ซึ่งภาพที่ได้ก็จะอ้างอิงเรื่องกฎ 3 ส่วน ใครที่ไม่ได้เชี่ยวชาญเรื่องถ่ายภาพก็จะสามารถถ่ายภาพเก๋ๆ สวยๆ ได้
AI Beauty ที่ทำได้มากกว่าหน้าสวยใส
Killer Feature ที่เรียกเสียงฮือฮาตอนเปิดตัวมากๆ คือระบบ AI Beauty ใหม่ที่เพิ่มโหมด Slim ที่ใช้ปรับแต่งรูปร่างได้ ทั้งส่วนหัว, ไหล่, ลำตัว, เอว, สะโพก, ขา เราเลือกปรับได้ Realtime ได้ทั้งภาพถ่ายและวิดีโอ
นอกจากเอาไว้แต่งยืดปรับสัดส่วนสวยๆ แล้ว ยังเอาไว้เล่นปรับสัดส่วนเพี้ยนๆ ให้ได้ภาพที่สนุกๆ ได้ด้วย
Vivo V15 ตัวเลือกที่คุ้มค่า ในราคา 10,999 บาท
จริงตอนที่เราได้ลอง V15 Pro ก็รู้สึกโอเคกับการพัฒนาในทุกๆ ด้านของวีโว่ จัดเทคโนโลยีใหม่ๆ ให้แบบไม่มีหวงไม่มีกั๊ก ตั้งแต่ดีไซน์ที่สวย และฟีเจอร์การใช้งาน กล้องพร้อมฟีเจอร์ครบครัน
พอมาเป็น V15 ที่เป็นรุ่นรอง การปรับสเปคเพื่อทำราคาให้ถูกลง มาสู้ในกลุ่มราคาหมื่นต้นที่ดุเดือดมากๆ ปรากฎว่าวีโว่ยังสามารถรักษาประสบการณ์ใหม่ๆ ที่มีในรุ่นโปรมาให้ได้เกือบครบถ้วน ดีไซน์ทรงเดียวกันแบบแทบแยกไม่ออก กล้องหลังเป็น 3 ตัวเหมือนกัน ต่างแค่ความละเอียดที่ลดลง หน้าจอเป็น Ultra Fullview Display ที่ใหญ่จนแทบไม่เหลือขอบข้างแล้ว
กล้องหน้า Pop Up ตอนแรกคิดว่าจะลดความละเอียดลง แต่ผิดคาด วีโว่จัดเต็มมาให้ 32 ล้านพิกเซล ทำให้เสน่ห์เรื่องการถ่ายภาพบน V15 ยังน่าประทับใจอยู่
สรุปแล้ว ด้วยราคาที่ 10,999 บาทนั้น Vivo V15 ถือเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นราคางบประมาณที่ไม่สูงมาก แต่ได้ดีไซน์สมัยใหม่ นวัตกรรมล่าสุด คุ้มค่าดีเลยทีเดียว
สเปค Vivo V15
- ขนาด 161.97 × 75.93 มิลลิเมตร หนา 8.54 มิลลิเมตร
- หนัก 189.5 กรัม
- หน้าจอ Ultra FullView Display ขนาด 6.53 นิ้ว แบบ IPS LCD ความละเอียด FHD+ 2340 x 1080 พิกเซล
- ชิปประมวลผล Mediatek Helio P70 Octa-core 2.1GHz
- GPU Mali-G72 MP3
- หน่วยความจำภายใน 128GB เพิ่ม microSD ได้สูงสุด 256GB
- RAM 6GB
- กล้องหน้าแบบ Pop-Up 32 ล้านพิกเซล f/2.0
- กล้องหลัง AI triple Camera (24 + 5 + 8 ล้านพิกเซล)
- ระบบเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, dual-band, WiFi Direct, hotspot, Bluetooth 5.0, microUSB 2.0, USB On-The-Go
- แบตเตอรี่ 4,000mAh รองรับระบบชาร์จเร็ว Dual-Engine Fast Charging
- ระบบปฎิบัติการ Funtouch OS 9 บน Android 9.0
- มีให้เลือก 2 สี Topaz Blue และ Glamour Red
- ราคา 10,999 บาท (เปิดตัว มีนาคม 2562)