จากประเด็นที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศที่จะตั้งกำแพงภาษีสำหรับสินค้าจีน ซึ่งมีมูลค่าร่วมพันล้านดอลล่าร์ งานนี้ Apple อาจจะโดนหางเลขรับผลกระทบนี้ไปด้วย และเป็นไปได้ที่ iPhone ราคา จะต้องเพิ่มขึ้น เพราะได้ผลกระทบจากต้นทุนของชิ้นส่วนที่ผลิตจากประเทศจีน
J.P. Morgan วิเคราะห์ว่า ถ้าหากแอปเปิล ต้องการรักษากำไรในการขาย iPhone ให้เท่าเดิม ก็จะต้องขึ้นราคาขายอีกประมาณ 14% เพื่อชดเชยต้นทุนที่สูงขึ้นจากการปรับกำแพงภาษี 25%
ลองยกตัวอย่างกับ iPhone XS ที่ต้นทุนปัจจุบันอยู่ที่ $1,000 (ประมาณ 32,000 บาท) ถ้าหากกำแพงภาษีสินค้าจีน 25% เกิดขึ้นริง ราคาจะต้องโดนต้นทุนเพิ่มขึ้นไปอีก รวมแล้วเป็น $1142 หรือประมาณ 36,500 บาท
แม้ว่าตอนนี้ ประธานธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ยังไม่ตัดสินใจเรื่องภาษีสินค้าจีนกว่า 3 แสนล้านเหรีญในเรื่องนี้ แต่สำนักงานตัวแทนการค้าสหรัฐฯ ได้เริ่มกระบวนการอนุมัติอย่างเป็นทางการในวันจันทร์ และเร็วที่สุดที่จะเริ่มเก็บภาษีศุลกากรใหม่คือ วันที่ 24 มิถุนายนนี้
ธนาคารแห่งสหรัฐ (Bank of America) มองว่า การย้ายฐานการผลิตจากจีนกลับมาอเมริกา อาจจะเป็นอีกทางเลือกที่ Apple อาจจะต้องทำ แต่ถ้าหากแอปเปิลย้ายการผลิต iPhone กลับมาอเมริกา 100% ต้นทุนนั้นจะส่งให้ราคา iPhone เพิ่มขึ้นไปอีกถึง 20% เลยทีเดียว
นักวิเคราะห์ยังมองว่า Apple น่าจะเลือกที่จะแบกรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากภาษีนี้ไว้เอง มากกว่าจะเลือกขึ้นราคา iPhone ซึ่งหนทางนี้จะมีผลกระทบกับกำไรขั้นต้นของ Apple ลดลงประมาณ 4%
และหลังจากที่มีข่าวการประกาศสงครามทางการค้าของ ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ กับจีน ส่งผลให้มูลค่าหุ้นของ Apple ลดลงแล้วมากกว่า 11% ตั้งแต่วันที่ 2 พฤษภาคมที่ผ่านมา
ข้อมูลจาก : CNBC