Google เปิดตัวผู้ช่วย Google Assistant “รุ่นต่อไป” ซึ่งฉลาดขึ้นและทำงานเร็วขึ้นกว่าเดิมถึง 10 เท่าเลยทีเดียว
ในงาน Google I/O 2019 ทาง Google ได้ประกาศเปิดตัวฟีเจอร์ผู้ช่วยดิจิตอล “the next-generation Google Assistant” ซึ่งเป็น Google Assistant ที่มาพร้อมกับสมาร์ทโฟน Pixel รุ่นใหม่ ซึ่งขนาดไม่ใหญ่มาก (ไม่ถึง 500 MB) จึงสามารถรันบนสมาร์ทโฟนได้โดยตรงโดยไม่จำเป็นต้องเรียกใช้งานด้วยคำสั่งเสียงผ่านอินเตอร์เน็ต
ด้วยความที่มันมารับบนสมาร์ทโฟนนี่เอง ทำให้ Google Assistant ตัวใหม่นี้ ทำงานไวขึ้นกว่าเดิมถึง 10 เท่า สามารถทำงานพร้อมกันหลายงานได้แบบ Multitasking โดยไม่หน่วงหรือดีเลย์ สามารถสั่งงานข้ามแอปต่างๆได้ และที่สำคัญ ไม่จำเป็นต้องเรียก หรือ พูดว่า “Hey Google” ทุกครั้งที่ต้องการจะใช้งาน เช่น
- ส่ง E-mail
- ตอบข้อความแชทแชท
- หารูปภาพ และแชร์รูปภาพให้คู่สนทนาได้
- สร้างตารางนัดหมายใหม่บนปฏิทิน
นอกจากนี้ ยังมากับฟีเจอร์ที่ทำความเข้าใจผู้ใช้งาน อย่าง Personal References ที่ช่วยตอบคำถามผู้ใช้งานได้ดี และไวยิ่งขึ้น เช่น การสอบถามสภาพอากาศ หรือ ต้องการค้นหารูปที่ผู้ใช้ต้องการค้นหา เช่น ค้นหารูปที่ไปสถานที่ท่องเที่ยว และเลือกรูปที่มีสัตว์อยู่ในรูปนั้น เป็นต้น
บนเวที Google I/O ที่สาธิตการใช้งาน Google Assistant ว่าทำงานเร็วขึ้นกว่าเดิมจริงนั้น แสดงให้เห็นโดยการสั่งคำสั่งหลายๆอย่างต่อๆกันเรื่อยๆ เช่น
- สั่งเปิดปฏิทิน
- สั่งเปิดเครื่องคิดเลข
- สั่งเปิดอัลบั้มรูป
- สั่งให้ตั้งเวลานับถอยหลัง
- ถามสภาพอากาศของวันนี้ และ พรุ่งนี้
- เปิดหน้า Twitter ของ John Legend ซึ่งเป็นผู้ให้เสียงของ Google Assistant เวอร์ชั่นนี้
- เรียกใช้บริการรถร่วมเดินทางของ Lyft เพื่อกลับที่พัก
- สั่งเปิด-ปิดไฟฉาย
- และ สั่งถ่ายรูปเซลฟี่
ซึ่งคำสั่งทั้งหมดนี้เอง ถูกป้อนต่อเนื่อง และตัว Google Assistant ประมวลผล + ทำงานจริงได้ต่อภายในเวลา 37 วินาที โดยไม่หน่วง ไม่ดีเลย์
หรือ จะเป็นคำสั่งที่ต้องทำบนเว็บไซต์ เช่น ให้ Google Assistant เช่ารถให้จากบริษัทเช่ารถเจ้าหนึ่ง >>> ผู้ช่วยดิจิตอล จะทำการเปิดเว็บไซต์เช่ารถนั้นๆก่อน >>> จากนั้นจะกรอกรายละเอียดแบบฟอร์มของเว็บเช่ารถ >>> แล้วมีการตรวจสอบรายละเอียดที่กรอกลงไป (double check your details) >>> หากเคยเช่ารถกับบริษัทนี้ Google Assistant จะเปิดหาข้อมูลการเช่าครั้งล่าสุดมาให้ และเลือกรถ พร้อมกับเงื่อนไขที่ต้องระบุพิเศษเพิ่มเติมต่างๆ >> จากนั้น ผู้ใช้งานจะต้องตรวจสอบดูการจองที่ Google Assistant ทำมาให้ แล้วยืนยันคำสั่งจอง
หรือจะเป็น Driving Mode โหมดสำหรับผู้ใช้งานที่กำลังขับรถ โดยจะมีข้อมูลต่างๆบน dashboard ให้เลือก เช่น
- แนะนำเส้นทาง โดยอิงข้อมูลจากการนัดหมายในปฏิทิน หรือเส้นทางที่เดินทางเป็นประจำ
- ข้อความที่ยังไม่ได้ตอบ และสายเรียกเข้าที่ยังไม่ได้รับ
- แนะนำเพลง โดยอิงข้อมูลจากความชอบ / เพลงที่เปิดบ่อยๆ
- ประวัติการค้นหาเส้นทางครั้งล่าสุด
- รายชื่อผู้คนที่ติดต่อด้วยบ่อยที่สุด เช่น โทรคุยบ่อยสุด มีข้อความเข้ามาคุยบ่อยที่สุด
- เพลง หรือ คลื่นวิทยุ โดยอิงข้อมูลจากสิ่งที่ผู้ใช้งานเลือกบ่อยๆ
- หากมีสายเรียกเข้า ผู้ใช้สามารถสั่งด้วยเสียงผ่าน Google Assistant ได้ว่า จะรับ หรือ ไม่รับ สายนั้นๆ
ทั้งหมดที่ว่ามานี้ น่าจะเปิดให้ใช้งานบนมือถือระบบปฏิบัติการ Android ในช่วงฤดูร้อนที่กำลังจะถึงนี้