Google ประกาศกฏใหม่ที่เข้มงวดเรื่องการเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้งานผ่านทาง Add-on ของ third-party ทั้งทางเบราเซอร์ Chrome และ Google Drive
จากนี้ไป ทางผู้พัฒนาส่วนเสริมของ Google Chrome จะต้องแจ้งและระบุจำนวนข้อมูลของผู้ใช้งานขั้นต่ำที่แอปนั้นๆจำเป็นและต้องการใช้งาน เพราะต่อไป แอปทั้งหมด จะไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้งานทั้งหมดได้อีกแล้ว
การเปลี่ยนแปลงนี้ เกิดขึ้นจากทีมโปรเจคที่มีชื่อว่า “Project Strobe” ทีมผู้ตรวจสอบที่ทาง Google ตั้งขึ้นเมื่อตุลาคมปีที่แล้ว เพื่อศึกษาเกี่ยวกับบริการของผู้พัฒนาแอปและผู้ให้บริการ third-party ที่เข้ามาใช้งาน/จัดการข้อมูลของผู้ใช้งาน
ต่อไป Google จะเรียกร้องให้ผู้พัฒนาส่วนเสริมเบราเซอร์นั้นๆ โพสต์แจ้งเกี่ยวกับนโยบายเรื่องความเป็นส่วนตัวด้วย (ในอดีต Google เองยังไม่ถึงขั้นบังคับให้ผู้พัฒนาปลั๊กอิน ที่สามารถเข้าถึงข้อมูลสำคัญๆของผู้ใช้งานโพสต์แจ้งเกี่ยวกับนโยบายความเป็นส่วนตัว แต่ ณ ปัจจุบัน เรื่องนโยบายความเป็นส่วนตัว เป็นอะไรที่หลายฝ่ายจับตามอง และให้ความสำคัญมาก)
เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงในกฏระเบียบ จากการสำรวจข้อมูลของนักพัฒนาระบบ ทำพบว่าแอปต่างๆบน Chrome Web Store ที่มีส่วนเสริมให้ใช้งานกว่า 180,000 ตัวนั้น กว่า 85% ยังไม่ได้ระบุเกี่ยวกับ privacy policy เลย
มันก็จะดูแปลกๆหน่อย หากพูดว่า ห้ามละเมิดนโยบายเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว ทั้งๆที่ แอปนั้นๆ ไม่มีนโยบาย นี่เอง จะทำให้แอป third-party ทั้งหลายบน Google Chrome ขาดความน่าเชื่อถือ
แอปที่ใช้งานกับ Google Drive เองก็มีการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน โดยที่ต้องผ่านความยินยอมของผู้ใช้งานทีละไฟล์ซะก่อน โดยตัวแอป จะต้องมีการขออนุญาติเพื่อเข้าถึงทุกครั้งที่ต้องการเข้าไปใช้งานไฟล์ส่วนบุคคล
ดูๆไปแล้ว นโยบายใหม่นั้น ทำออกมาได้ดี แต่ก็คงต้องใช้เวลาสักพักเพื่อให้ทุกอย่างปรับตัวให้เข้ากับนโยบายและทำออกมาได้จริง ซึ่ง Google เองพยายามเน้นย้ำไปทางนักพัฒนาแอปและส่วนเสริมให้ทราบถึงนโยบายใหม่ที่บริษัทฯประกาศออกมา
กฏใหม่จะยังไม่มีผลบังคับใช้ จนกว่าจะถึงช่วงฤดูใบไม้ร่วง (ประมาณช่วงเดือน กันยายน ตุลาคม ปีนี้)
ส่วนนักพัฒนาระบบของทาง Google Drive กฏใหม่จะมีผลบังคับใช้ประมาณต้นๆปี 2020
