อีกหนึ่งระบบปฏิบัติการที่ถูกเปิดตัวไปในงาน WWDC 2019 ก็คือ iPadOS ซึ่ง มันกำลังจะเปิดให้ผู้ใช้งานอัพเดตได้ในวันที่ 25 กันยายน 2019 นี้แล้ว ไปดูกันว่า ระบบปฏิบัติการโดยเฉพาะของ iPad มีอะไรที่น่าสนใจบ้าง
แท็บเล็ตอย่าง iPad กำลังจะมีระบบปฏิบัติการแยกเป็นของตัวเองแล้ว สิ่งที่น่าสนใจของ iPadOS มีดังต่อไปนี้
1. Slide Over และ Split View
ฟีเจอร์ Split View เปิดให้ผู้ใช้งาน ใช้แอปหลายๆตัวพร้อมๆกันได้ โดยไม่ต้องสลับหน้าจอระหว่างแอปไปมา ซึ่งเพิ่มความสะดวก และ ประหยัดเวลาให้กับผู้ใช้งาน
ฟีเจอร์ Slide Over จะเป็นฟีเจอร์ที่เก็บแอปโปรด หรือ แอปที่ใช้งานบ่อยๆ ให้พร้อมใช้งาน
ยกตัวอย่างเช่น เปิด Safari เพื่ออ่านบทความ และ เปิด Notes เพื่อจะคัดลอกข้อความที่สำคัญๆของบทความนั้นมาลงก็ ทำได้โดยที่ไม่ต้องเปิดแอป 2 ตัวสลับกันไปมา
2. หน้า Home แบบใหม่
มีการออกแบบหน้า Home ใหม่ เพื่อใช้พื้นที่หน้าจอให้เป็นประโยชน์มากขึ้น โดยการปรับ layout ให้มองเห็นแอปต่างๆได้สะดวกขึ้น และ ที่สำคัญ ผู้ใช้งานยังสามารถปักหมุดตัว widget ต่างๆในหน้า Home ได้ด้วย เช่น เตือนความจำ พยากรณ์อากาศ ฯลฯ
3. Apple Pencil
รองรับการใช้งานกับ Apple Pencil ไม่ว่าจะใช้ จดบันทึก วาดรูป หรือ ทำเครื่องหมายต่างๆลงในเอกสาร ฯลฯ
4. คำสั่งนิ้วต่างๆ
iPadOS รองรับคำสั่งนิ้ว เพื่อให้การทำงานต่างๆ ง่ายยิ่งขึ้น เช่น
- คัดลอกข้อความ (copy) ด้วยกันหนีบ 3 นิ้วเข้าด้วยกัน
- วางข้อความที่คัดลอก (paste) โดยการปล่อย หรือ แผ่ 3 นิ้วออกจากกัน
- เลิกทำ (undo) โดยใช้ 3 นิ้วปัดไปทางซ้าย
5. คีย์บอร์ด
รองรับทั้ง คีย์บอร์ดแบบ On-Screen ที่ย้ายตำแหน่งได้ ช่วยให้พิมพ์ตอบ E-mail หรือ บันทึกโน๊ตได้สะดวกขึ้น
และ รองรับ Smart Keyboard พร้อมทั้งรองรับคีย์ลัดต่างๆด้วย
6. ฟอนต์
iPadOS รองรับการโหลดและติดตั้ง Font ต่างๆ ที่สวยๆ และเหมาะสมกับการทำรูป หรือ เอกสารจาก App Store ได้
7. การจัดการไฟล์
iPadOS มีระบบการจัดการไฟล์ โดยมีแอปไฟล์งานระบบให้ผู้ใช้เข้าถึงไฟล์ต่างๆที่สะดวกขึ้นในการค้นหา
สามารถทำงานร่วมกับโฟลเดอร์ที่แชร์จาก iCloud Drive ซึ่ง ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็เข้าถึงไฟล์นั้นๆได้ เพียงต่ออินเตอร์เน็ต เพื่อดึงไฟล์ หรือ แชร์ไฟล์ จาก iCloud Drive
หรือ จะใช้งานร่วมกับเซิร์ฟเวอร์ไฟล์ก็ยังได้ โดยการเข้าถึงไฟล์ที่อยู่บน server หรือ อยู่บน PC ที่บ้าน
และ ท้ายสุด รองรับพวก external memory เช่น พวก thumb drive หรือ SD Card เป็นต้น
8. Safari
เบราเซอร์ Safari บน iPadOS นั้น ให้ผู้ใช้งานได้ใช้งานแบบ desktop version บน iPad ซึ่ง ผู้ใช้งานสามารถทำงานต่างๆจากบน iPad ได้ ไม่ว่าจะเป็นพวก Google Docs หรือ WordPress เป็นต้น ซึ่งจะตอบโจทย์สายทำเว็บ ทำบทความ ทั้งเรื่องความสะดวกในการพกพา รวมไปถึงการทำงานที่มีประสิทธิภาพขึ้นบน iPad
ส่วนการจัดการการดาวน์โหลดนั้น สามารถมองเห็นไฟล์ที่กำลังถูกดาวน์โหลดได้ และ เข้าไปดูไฟล์ที่ดาวน์โหลดจากโฟลเดอร์ที่ชือว่า “ดาวน์โหลด” ในแอปไฟล์
9. โหมดมืด (Dark Mode)
iPadOS มีโหมดมืด หรือ Dark Mode ให้ใช้งานเหมือนกับใน iOS 13 เลย ซึ่งเหมาะมากกับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีแสงสว่างน้อย
สามารถเปิดใช้งานผ่าน Control Center ได้ จะตั้งกำหนดเวลาใช้งานเองก็ได้ หรือ จะตั้งตามเวลาดวงอาทิตย์ขึ้น ดวงอาทิตย์ตก ก็ได้
10. ประสิทธิภาพ
หากเทียบ iPadOS กับ iOS 12 พบว่า iPadOS มีประสิทธิภาพที่ดีกว่า ไม่ว่าจะเป็น
- การทำงานที่เร็วขึ้น เช่น ปลดล็อคเครื่องโดย Face ID ที่เร็วขึ้นกว่าเดิม 30%
- เปิดแอปต่างๆไวขึ้นถึง 2 เท่า
- มีขนาดการดาวน์โหลดแอปที่เล็กลงกว่าเดิม
11. การทำงานส่วนอื่นๆ
สิ่งที่น่าสนใจส่วนอื่นๆ มีดังนี้
- Apple Arcade : บริการ Game Subscription ที่มีเกมระดับคอนโซลให้เลือกเล่นหลายร้อยเกม ค่าบริการเดือนละ 99 บาทต่อเดือน เล่นได้ทั้งบน iPhone iPad Apple TV และ Mac
- Memoji : ใช้ฟีเจอร์ Memoji แบบกำหนดเองได้ในแอปข้อความ
- แอป mail : เขียน E-mail ได้อย่างมืออาชีพขึ้น โดยผู้ใช้งานสามารถปรับ ฟอนต์ ขนาด สี การจัดแนว การเยื้องข้อความ เข้าและออก รวมถึงรายการขึ้นต้นด้วยตัวเลขหรือจุดได้
- AirPods : สามารถจับคู่ หูฟังไร้สาย AirPods 2 คู่กับ iPad ก็สามารถแชร์เพลงฟัง หรือ ดูหนังจาก iPad เครื่องเดียวกันได้
อุปกรณ์ที่สามารถอัพเดตใช้งาน iPadOS ได้ มีดังนี้
- iPad Pro รุ่น 12.9 นิ้ว
- iPad Pro รุ่น 11 นิ้ว
- iPad Pro รุ่น 10.5 นิ้ว
- iPad Pro รุ่น 9.7 นิ้ว
- iPad (รุ่นที่ 7)
- iPad (รุ่นที่ 6)
- iPad (รุ่นที่ 5)
- iPad mini (รุ่นที่ 5)
- iPad mini 4
- iPad Air (รุ่นที่ 3)
- และ iPad Air 2
สามารถเข้าไปดูรายละเอียดของ iPadOS แบบเต็มๆ ได้จาก iPadOS | คุณสมบัติ iPadOS