หลังจากที่ Apple เปิดตัว iPhone 11 ใหม่ทั้ง 3 รุ่น แม้ว่าจะตรงกับข่าวหลุดมาก่อนหน้านี้ แต่ก็มีกระแสคนสนใจกันมาก ว่าสรุปแล้ว iPhone 11, iPhone 11 Pro, iPhone 11 Pro Max ราคาแบบนี้ ซื้อดีมั้ย? หรือว่าจะเลือกเป็นรุ่นไหนดี?
โอเค! ทีมงานล้ำหน้าฯ เราจะมาป้ายยาทุกท่านที่ยังลังเล ให้แจ้งประจักษ์ว่า ควรซื้อหรือไม่ซื้อดี หรือถ้าจะเอา เลือกเอารุ่นไหนดีนะ มาเจาะมาดูเรื่องสเปก และจุดเด่นที่น่าสนใจกัน
ความน่าสนใจแรก คือ iPhone 11 ทุกรุ่น ราคาถูกลง!!
ไม่มีใครคาดคิดว่า Apple จะลดราคา iPhone รุ่นใหม่ของปี 2019 ลง เพราะเราก็รู้ดีมาตลอดว่า แอปเปิลนั้นเชี่ยวชาญด้านขายของแพง และ iPhone Xs Max ปีที่แล้วก็ทำราคาทะลุ 5 หมื่นบาท หรือครึ่งแสนไปแล้ว
แต่พอประกาศ iPhone 11 มา ราคาทางการที่สหรัฐเราก็เห็นแล้วว่าราคาลดลงจาก iPhone Xr และ Xs เมื่อปีที่แล้ว และเมื่อได้ข้อมูลจาก PR Apple ประเทศไทย กับตัวเลขราคา iPhone 11, 11 Pro และ 11 Pro Max เริ่มต้นในไทย ก็จะเห็นเลยว่ามันถูกลงจริงๆ
- iPhone 11 ราคา เริ่มต้น (รุ่น 64GB) 24,900 บาท
- iPhone 11 Pro ราคา เริ่มต้น (รุ่น 64GB) 35,900 บาท
- iPhone 11 Pro Max ราคา เริ่มต้น (รุ่น 64GB) 39,900 บาท
ถ้าเทียบกับไอโฟนรุ่นปีที่แล้ว ทั้ง iPhone Xr, iPhone Xs และ iPhone Xs Max จะเห็นว่าราคาทุกรุ่นถูกลงกว่าเดิมถึง 5,000 บาท
แม้ว่าราคารุ่นความจุอื่นๆ จะยังไม่ประกาศออกมา แต่เราก็พอจะคาดเดาได้ จากสูตรราคาลดลงจากปีก่อน 5,000 บาท ซึ่งราคาของทุกรุ่นคาดว่าจะเป็นประมาณนี้
- iPhone 11 (64GB) ราคา 24,900 บาท
- iPhone 11 (128GB) ราคา 26,900 บาท
- iPhone 11 (256GB) ราคา 30,900 บาท
- iPhone 11 Pro (64GB) ราคา 35,900 บาท
- iPhone 11 Pro (256GB) ราคา 41,900 บาท
- iPhone 11 Pro (512GB) ราคา 48,900 บาท
- iPhone 11 Pro Max (64GB) ราคา 39,900 บาท
- iPhone 11 Pro Max (256GB) ราคา 45,900 บาท
- iPhone 11 Pro Max (512GB) ราคา 52,900 บาท
ถ้าจะถามว่าราคานี้แพงมั้ย ก็ยังบอกว่าแพงอยู่ดีล่ะ (ฮา) แต่ด้วยสเปคหลายๆ อย่าง เทคโนโลยีที่ใส่ให้มา แล้วถูกลงกว่ารุ่นที่แล้ว ก็ถือว่าเป็นอะไรที่คุ้มค่ามากขึ้นกว่าเดิม
iPhone 11, iPhone 11 Pro, iPhone 11 Pro Max จะเลือกซื้อรุ่นไหนดี?
ทำความเข้าใจกันก่อน สำหรับไอโฟนทั้ง 3 รุ่น ที่ดูต่างจากเดิม แต่จริงๆ แล้ว iPhone 11 ก็คือ iPhone Xr ส่วน iPhone 11 Pro และ 11 Pro Max ก็คือ iPhone Xs และ iPhone Xs Max นั่นเอง (ไม่งงนะ)
คราวนี้มาดูสเปคของทั้ง 3 รุ่นกันเพื่อช่วยในการตัดสินใจเลือกได้ง่ายขึ้น
สเปก iPhone 11
- ขนาด 150.9 x 75.7 x 8.3 มิลลิเมตร
- หนัก 194 กรัม
- หน้าจอ Liquid Retina HD แสดงผลแบบ True Tone ขนาด 6.1 นิ้ว ความละเอียด 1792 x 828 พิกเซลที่ 326 ppi
- ตัวเครื่องกันน้ำกันฝุ่น IP68 (ความลึกไม่เกิน 2 เมตร ภายในระยะเวลาสูงสุด 30 นาที)
- ชิพ A13 Bionic พร้อม Neural Engine รุ่นที่ 3
- กล้องหลังคู่ (Wide + Ultra Wide)
- กล้อง Wide 12 ล้านพิกเซล f/1.8
- กล้อง Ultra Wide f/2.4 มุมกว้าง 120 องศา
- ซูม Optical 2 เท่า ซูมดิจิตอลสูงสุด 5 เท่า
- ระบบกันสั่น OIS
- ถ่ายวิดีโอ 4K 60FPS มีระบบซูมเสียง
- กล้อง TrueDepth (กล้องหน้า) 12 ล้านพิกเซล f/2.2
- ถ่ายวิดีโอ 4K 60FPS
- ถ่ายวิดีโอสโลโมชั่น 1080p 120fps
- ปลดล็อคเครื่องด้วยระบบ Face ID
- ซิมคู่ (Nano-SIM และ eSIM)
- ระบบเครือข่าย LTE Gigabit MIMO 2×2 LAA
- ระบบไร้สาย Wi-Fi 6, Bluetooth 5.0, NFC (โหมดตัวอ่าน)
- แบตเตอรี่ ใช้ได้นานกว่า iPhone Xr สูงสุด 1 ชั่วโมง
- ชาร์จเร็ว ด้วยอะแดปเตอร์ 18W ชาร์จได้ 50% ใน 30 นาที (อะแดปเตอร์จำหน่ายแยกต่างหาก)
- การเล่นวิดีโอ: สูงสุด 17 ชั่วโมง
- การเล่นวิดีโอ (ผ่านการสตรีม): สูงสุด 10 ชั่วโมง
- การเล่นเสียง: สูงสุด 65 ชั่วโมง
- ชาร์จแบบไร้สาย
- ระบบปฏิบัติการ iOS 13
- มีความจุให้เลือก 64GB, 128GB, 256GB
- มีให้เลือก 6 สี (ดำ, เขียว, เหลือง, ม่วง, Product Red, ขาว)
สเปก iPhone 11 Pro
- ขนาด 144.0 x 71.4 x 8.1 มิลลิเมตร
- หนัก 188 กรัม
- หน้าจอ Super Retina XDR แสดงผลแบบ OLED ขนาด 5.8 นิ้ว ความละเอียด 2436 x 1125 พิกเซลที่ 458 ppi
- ตัวเครื่องกันน้ำกันฝุ่น IP68 (ความลึกไม่เกิน 4 เมตร ภายในระยะเวลาสูงสุด 30 นาที)
- ชิพ A13 Bionic พร้อม Neural Engine รุ่นที่ 3
- กล้องหลัง 3 กล้อง (Wide + Ultra Wide + Tele Photo)
- กล้อง Wide 12 ล้านพิกเซล f/1.8
- กล้อง Ultra Wide f/2.4 มุมกว้าง 120 องศา
- กล้อง Tele Photo f/2.0
- ซูมเข้าแบบ Optical 2 เท่า ซูมออกแบบ Optical 2 เท่า ซูมดิจิตอลสูงสุด 10 เท่า
- ระบบกันสั่น OIS
- ถ่ายวิดีโอ 4K 60FPS มีระบบซูมเสียง
- กล้อง TrueDepth (กล้องหน้า) 12 ล้านพิกเซล f/2.2
- ถ่ายวิดีโอ 4K 60FPS
- ถ่ายวิดีโอสโลโมชั่น 1080p 120fps
- ปลดล็อคเครื่องด้วยระบบ Face ID
- ซิมคู่ (Nano-SIM และ eSIM)
- ระบบเครือข่าย LTE Gigabit MIMO 2×2 LAA
- ระบบไร้สาย Wi-Fi 6, Bluetooth 5.0, NFC (โหมดตัวอ่าน)
- แบตเตอรี่ ใช้ได้นานกว่า iPhone Xs สูงสุด 4 ชั่วโมง
- ชาร์จเร็ว ด้วยอะแดปเตอร์ 18W ชาร์จได้ 50% ใน 30 นาที
- การเล่นวิดีโอ: สูงสุด 18 ชั่วโมง
- การเล่นวิดีโอ (ผ่านการสตรีม): สูงสุด 11 ชั่วโมง
- การเล่นเสียง: สูงสุด 65 ชั่วโมง
- ชาร์จแบบไร้สาย
- ระบบปฏิบัติการ iOS 13
- มีความจุให้เลือก 64GB, 256GB, 256GB
- มีให้เลือก 4 สี (ทอง, เทาสเปซเกรย์, เงิน, เขียวมิดไนท์กรีน)
สเปก iPhone 11 Pro Max
- ขนาด 158.0 x 77.8 x 8.1 มิลลิเมตร
- หนัก 226 กรัม
- หน้าจอ Super Retina XDR แสดงผลแบบ OLED ขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียด 2688 x 1242 พิกเซลที่ 458 ppi
- ตัวเครื่องกันน้ำกันฝุ่น IP68 (ความลึกไม่เกิน 4 เมตร ภายในระยะเวลาสูงสุด 30 นาที)
- ชิพ A13 Bionic พร้อม Neural Engine รุ่นที่ 3
- กล้องหลัง 3 กล้อง (Wide + Ultra Wide + Tele Photo)
- กล้อง Wide 12 ล้านพิกเซล f/1.8
- กล้อง Ultra Wide f/2.4 มุมกว้าง 120 องศา
- กล้อง Tele Photo f/2.0
- ซูมเข้าแบบ Optical 2 เท่า ซูมออกแบบ Optical 2 เท่า ซูมดิจิตอลสูงสุด 10 เท่า
- ระบบกันสั่น OIS
- ถ่ายวิดีโอ 4K 60FPS มีระบบซูมเสียง
- กล้อง TrueDepth (กล้องหน้า) 12 ล้านพิกเซล f/2.2
- ถ่ายวิดีโอ 4K 60FPS
- ถ่ายวิดีโอสโลโมชั่น 1080p 120fps
- ปลดล็อคเครื่องด้วยระบบ Face ID
- ซิมคู่ (Nano-SIM และ eSIM)
- ระบบเครือข่าย LTE Gigabit MIMO 2×2 LAA
- ระบบไร้สาย Wi-Fi 6, Bluetooth 5.0, NFC (โหมดตัวอ่าน)
- แบตเตอรี่ ใช้ได้นานกว่า iPhone Xs Max สูงสุด 5 ชั่วโมง
- การเล่นวิดีโอ: สูงสุด 20 ชั่วโมง
- การเล่นวิดีโอ (ผ่านการสตรีม): สูงสุด 12 ชั่วโมง
- การเล่นเสียง: สูงสุด 80 ชั่วโมง
- ชาร์จแบบไร้สาย
- ระบบปฏิบัติการ iOS 13
- มีความจุให้เลือก 64GB, 256GB, 256GB
- มีให้เลือก 4 สี (ทอง, เทาสเปซเกรย์, เงิน, เขียวมิดไนท์กรีน)
iPhone 11 = รุ่นเริ่มต้น ราคาเบาสุด แรงเหมือนกัน
ปีที่แล้ว iPhone Xr คือรุ่นที่ขายดีที่สุดของแอปเปิล ด้วยราคาที่ถูกสุด ขนาดเครื่องใหญ่กำลังดี ด้วยหน้าจอ 6.1 นิ้ว และพอมาเป็น iPhone 11 เปิดราคา 24,900 บาท ยิ่งช่วยให้เอื้อมถึงได้ง่ายขึ้น เครื่องมีสีสันให้เลือก 6 สี ที่มีทุกแนวทั้งเรียบๆ เท่ๆ หรือจะหวานๆ มีหมด
กล้องหลังที่มาเป็นกล้องคู่แบบใหม่สำหรับไอโฟน ที่เพิ่มมุมมองแบบ Ultra Wide ช่วยให้เก็บภาพได้มุมมองที่กว้างมากขึ้น ก็น่าจะทำให้สามารถถ่ายภาพได้ดีขึ้น (แต่ดีขนาดไหนต้องลองดูกันอีกทีนึง) ส่วนกล้องหน้าเป็น Truedepth ที่เพิ่มความสามารถในการถ่ายวิดีโอสโลโมชั่น ตั้งชื่อเท่ๆ ว่า Slowfie
iPhone 11 นั้นเชื่อว่าจะเป็นตัวเลือกที่คนส่วนใหญ่ที่ชอบใน iOS และใช้รุ่นเก่ามานานแล้วยังไม่เปลี่ยน อย่างเช่น iPhone 6s หรือเก่ากว่านั้น เพราะตัว iOS นั้นไม่ได้ขึ้นมาเป็นรุ่นใหม่อย่าง iOS13 แล้ว เรื่องจอความละเอียดที่ไม่สูงมากนั้นจึงไม่ใช่อุปสรรคอะไรในการใช้งาน เรื่องเล่นเกม ใช้งานทุกอย่างก็น่าจะเพียงพอแล้ว กับงบประมาณที่ไม่ถึง 3 หมื่นบาท
สรุป : เลือกเลยถ้าคุณไม่อยากควักเงินมาก แต่ก็ได้ประสบการณ์ iOS13 เครื่องแรงด้วยชิป A13 Bionic รุ่นล่าสุด และคิดว่าใช้ไอโฟน 2 กล้องก็พอแล้ว
iPhone 11 Pro = ได้เทคโนโลยีใหม่ในขนาดกำลังดี
สำหรับใครที่ใช้ไอโฟนมาตลอด จะรู้สึกเลยว่า ตัวเครื่องและขนาดหน้าจอของ iPhone 11 Pro คือดีสุด และไม่มีสมาร์ทโฟนอะไรมาแทนได้ ขนาดที่ใช้งานมือเดียวได้พอดิบพอดีอย่างที่องค์ศาสดาจ๊อบส์เคยบอกไว้
เรื่องดีไซน์นั้น ให้ความเป็น iPhone X series เหมือนเดิม มีปรับเพิ่มสีเขียวมืดๆ Midnight Green เรื่องของกล้องนั้นเป็น 3 เลนส์ที่เรียงได้แปลกประหลาดและหาความสมดุลของดีไซน์ไม่ได้ ถึงแม้ว่าจะมีคนบ่นกันตั้งแต่มีภาพหลุด แต่ก็เชื่อว่าทุกคนจะยอมรับและผ่านพ้นมันไปได้
กล้องนั้นเรื่องถ่ายภาพจากการพรีเซนต์บนเวที ทำให้เรารู้สึกถึงความอลังการที่ทำให้เราเลือกถ่ายภาพในระยะ 0.5x ไปจนถึง 2x ได้อย่างไหลลื่น แม้ว่ากล้องแบบนี้สมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ราคาหลักพันก็ทำได้แล้ว แต่ประสิทธิภาพบน iPhone 11 Pro นั้นดีกว่า ความละเอียด 12 ล้านพิกเซลถือว่าเพียงพอกับชีวิตประจำวันแล้วล่ะ
แต่ที่รู้สึกว่ามันสุดยอดมากๆ ก็คือการถ่ายวิดีโอของ iPhone 11 Pro ใครที่เป็นสายถ่ายวิดีโอ หรือ Vlog น่าจะชอบ เพราะประสิทธิภาพมันสูงขนาดที่สามารถถ่ายกล้องทุกตัวในทุกมุมมองได้พร้อมกัน ทำให้เก็บซีนเด็ดๆ ได้ครบทุกระยะในการถ่ายครั้งเดียว
สรุป : เลือก iPhone 11 Pro เลยถ้าคุณใช้ iPhone มาตลอด จิตวิญญาณความเป็นไอโฟนยังคงมีอยู่มากที่สุด ทั้งประสบการณ์ใช้งานที่ดี ฟีเจอร์ระดับท้อปสุดของปีนี้มีอัดแน่นมาให้ครบไม่มีขาด แถมราคาถูกกว่าปีที่แล้วเยอะด้้วย ใครที่ซื้อ iPhone Xs ไปไม่นานนี้น่าจะช้ำใจ
iPhone 11 Pro Max = จอใหญ่แบตเยอะกว่า เกิดมาเพื่อเกมเมอร์
และสำหรับพี่ใหญ่สุด พอเติมคำว่า Max ขึ้นมาก็คือความใหญ่สุดของจอที่ 6.5 นิ้ว ก่อนเปิดตัวมีข่าวลือให้ชุ่มชื่นใจว่า จะรองรับ Apple Pencil และมีช่อง USB-C พอเปิดตัวมา เอาจริงๆ ฟีเจอร์และสเปคหลักเหมือน iPhone 11 Pro ทุกประการ ไม่มีแบบที่ลือกันก่อนเลยแม้แต่น้อย
แต่รุ่นนี้ก็เหมือน Xs Max นั่นล่ะ ที่เกิดมาตอบสนองคนที่ต้องการสมาร์ทโฟนหน้าจอใหญ่ แบตที่อึดระดับที่อยู่ได้เต็มวันแบบไม่ต้องกังวล และด้วย 2 ความต้องการนี้ คือปัจจัยสำคัญที่คนเล่นเกมมือถือต้องการ ดังนั้นหัวร้อนเกมเมอร์ทั้งหลายไม่มีผิดหวัง ด้วยชิพ A13 Bionic และน่าจะอัด RAM มาให้มากสุด เล่นทุกเกมบนโลกนี้ได้ลื่นๆ แน่นอน
สรุป: อยากได้แบตอึดจอใหญ่ ไม่แคร์เรื่องน้ำหนัก 223 กรัม มันคือไอโฟนที่ให้ความบันเทิงแบบเต็มวันได้ดีที่สุด
รู้ไว้ใช่ว่า ก่อนจะตัดสินใจซื้อ!
รายละเอียดปลีกย่อยอีกหลายอย่างที่อยากบอกให้รู้ ก่อนจะเลือกว่าจะซื้อรุ่นไหน ส่วนเรื่องกำหนดราคาทุกรุ่นแบบเป็นทางการ และวันวางจำหน่าย ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูล สำหรับการวางขายนั้น ถ้าให้ทีมงานล้ำหน้าฯ เดา คาดว่าจะเป็นวันที่ 25 ตุลาคมนี้
- ทั้ง 3 รุ่น รองรับระบบชาร์จไว 18w แต่ว่าจะมีแถมมาให้ในกล่องเฉพาะ iPhone 11 Pro และ 11 Pro Max เท่านั้น สำหรับ iPhone 11 อยากใช้ต้องซื้อแยกต่างหาก ราคารวมสายแล้วเกือบๆ 2,000 บาท
- กล้องหน้าทั้ง 3 รุ่นเป็นตัวเดียวกัน ฟีเจอร์เท่ากันหมด มันใจได้ว่า ถ่ายเซลฟี่ได้ดีเท่ากันหมดเช่นกัน
- ทั้ง 3 รุ่น กันน้ำกันฝุ่น IP68 แต่ไม่ได้แปลว่าจะเอาไปดำน้ำถ่ายรูปใต้ทะเลหรือพกลุยน้ำสงกรานต์แล้วจะปลอดภัย มันทำไว้เพื่อป้องกันการเปียกน้ำพื้นฐานเท่านั้น
- ลำโพงทั้ง 3 รุ่นเป็นสเตอริโอ และมีระบบเสียง Doby Atmos มาให้
- iPhone 11 ไม่มีรุ่น 512GB ส่วน 11 Pro และ 11 Pro Max ไม่มีรุ่น 128GB
- การถ่ายวิดีโอ มีระบบ Audio Zoom ที่สามารถซูมเสียง แบบเดียวกันที่เคยมีใน OPPO Reno และ Samsung Galaxy Note10+
- กล้องมี Night Mode แล้วนะ ถ่ายภาพกลางคืนให้สว่างได้ เหมือนกับสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ที่ทำได้มาก่อนตั้งนานแล้ว