Elizabeth Warren ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ทำการซื้อโฆษณาใน Facebook เพื่อเผยแพร่โพสต์ ที่บอกว่า Mark Zuckerberg สนับสนุนประธานาธิบดี Donald Trump ในการลงชิงตำแหน่งอีกสมัย พร้อมรูปประกอบ Mark Zuckerberg จับมือกับ Donald Trump
แน่นอนว่า ข่าวนี้ไม่เป็นความจริง แต่สิ่งที่ Elizabeth Warren ทำนั้น ต้องการที่จะทดสอบการทำงานของ Facebook ว่า จะจัดการอย่างไร เมื่อมีโฆษณาทางการเมืองที่เป็นเท็จถูกส่งเข้ามาในระบบ
ในตอนแรกทาง Facebook ได้ทำการเอาโฆษณานี้ลง แต่ต่อมาก็ปล่อยให้โฆษณานี้เผยแพร่ต่อไป
Facebook ได้ทวีตถึงกรณีนี้โดยมีการแท็กชื่อบัญชีของ Elizabeth Warren ว่าจะทำตามกฎหมาย ที่ FCC ไม่ต้องการให้บริษัทสื่อ ทำการเซ็นเซอร์คำพูดใดๆ ของผู้ลงสมัครชิงตำแหน่ง และให้ข้อมูลทั้งหมดแก่ประชาชนได้ใช้ประกอบการตัดสินใจเอง
ในโฆษณาของ Elizabeth Warren ยังมีข้อความโจมตีว่า “ถ้าหาก Donald Trump ทำโฆษณาโกหกออกทีวี ช่องต่างๆ ส่วนใหญ่ก็จะปฏิเสธที่จะฉายออกอากาศ แต่กับ Facebook นั้น ยังคงปล่อยผ่านให้เผยแพร่ได้ แล้วก็แค่เรียกเก็บเงิน”
นอกจากนั้นยังอ้างเพิ่มเติมด้วยว่า Facebook เคยช่วย Donald Trump เลือกตั้งมาแล้วครั้งนึง
ส่วนทางด้านตัวแทนของ Facebook, Andy Stone บอกกับ CNN ว่า “ถ้า สว. Elizabeth Warren อยากพูดเรื่องที่ไม่เป็นความจริง เราก็ไม่ควรไปกรอง”
@ewarren looks like broadcast stations across the country have aired this ad nearly 1,000 times, as required by law. FCC doesn’t want broadcast companies censoring candidates’ speech. We agree it’s better to let voters—not companies—decide. #FCC #candidateuse https://t.co/WlWePjh1vZ
— Facebook Newsroom (@fbnewsroom) October 12, 2019
ความเห็นจากทีมข่าวล้ำหน้าฯ
ก่อนหน้านี้ Elizabeth Warren ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครต ได้ชูนโยบายเกี่ยวกับการลดอำนาจและบทบาทของบริษัทไอทีขนาดใหญ่ อย่าง Amazoื, Google และ Facebook เองก็เป็นส่วนหนี่งในนั้น ที่ก่อนหน้านี้มีปัญหาหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการละเมิดข้อมูลส่วนตัวผู้ใช้งาน รวมถึงการปล่อยให้มีการเผยแพร่ข่าวลวง (Fake News)
การกระทำของเธอครั้งนี้ ถือเป็นการเดินหมากในการหาเสียงเพื่อจี้ประเด็นเรื่องความเข้มงวดต่อประเด็นข่าวลวงบน Facebook ก็สามารถลงโฆษณาเพื่อเผยแพร่ได้
แต่สุดท้ายทาง Facebook ตอบโต้กลับว่าการตัดสินใจปล่อยให้โฆษณาของเธอขึ้นไป เพราะไม่ต้องการกีดกันหรือแทรกแซงคำพูดของนักการเมือง
ที่มา: Engadget