สวัสดีครับผม ทีมงานล้ำหน้าฯ จะขอมา พรีวิว OPPO Reno2 F สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่ชูจุดเด่นเป็นพิเศษในเรื่องของกล้องหลัง 4 เลนส์ที่ถ่ายได้สวยทุกมุมมอง ถ่าย Portrait ดียิ่งขึ้น กล้องหน้าเซลฟี่ที่สวยเป๊ะ รวมถึงดีไซน์ที่พรีเมี่ยมลงตัว
ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่า OPPO Reno2 F นั้น คือการต่อยอดจากสมาร์ทโฟนซีรี่ย์ดังอย่าง F Series นั่นก็คือจากนี้นออปโป้จะ F11 Pro เป็นรุ่นสุดท้าย จากนี้ DNA จาก F Series จะถูกรับช่วงมาสานต่อในชื่อของ Reno2 F นี่เอง
แกะกล่อง ส่องแพ็กเกจ
ตัวกล่องของ OPPO Reno นั้น เป็นเอกลักษณ์ของดีไซน์แล้วด้วยกล่องทรงยาว สีเหลือบมุก และมีพิพม์ชื่อพร้อมตัวสัญลักษณ์กล้องหลังบนกล่อง
ในแพ็กเกจด้านใน จะมีตัวเครื่อง Reno2 F, คู่มือการใช้งานเบื้องต้น, เคสกันรอยแบบ TPU ใส, เข็มจิ้มถาดซิม, ชุดหูฟัง smaltalk, สายชาร์จแบบ USB Type-C to USB A และปลั๊กชาร์จรองรับระบบชาร์จเร็ว VOOC 3.0
มาดูกันที่ดีไซน์ตัวเครื่องกันเลย เริ่มที่ตัวของหน้าจอแบบ Paranomic Screen ขนาดใหญ่ 6.5 นิ้ว ใหญ่เต็มตาแบบไม่มีติ่งแหว่งที่ด้านบนจอ และที่น่าสนใจกับรุ่นนี้ตรงที่จอนั้นใช้เป็น AMOLED ผลิตจากวัสดุ E1 ที่มีสีสันสดใสคมชัด ให้การตอบสนองที่รวดเร็วและใช้พลังงานที่ต่ำที่หน้าจอนี้ ด้านล่างจะมีซ่อน Hidden Fingerprint Unlock 3.0 เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบออปติคอลรุ่นล่าสุด ที่มีความแม่นยำและปลดล็อกเครื่องได้รวดเร็วกว่าเดิม
หน้าจอที่ใหญ่เต็มแบบ Paranomic Screen ก็จะต้องมาพร้อมระบบกล้องหน้า Rising Camera ที่หดหลบซ่อนอยู่ในเครื่องบริเวณกึ่งกลาง เมื่อกดเรียกโหมดถ่ายกล้องหน้า ตัวกล้องก็จะเลื่อนขึ้นมาภายในเวลาแค่ 0.74 วินาที ความแข็งแรงของระบบกลไกผ่านการทดสอบใช้งานได้มากกว่า 2 แสนครั้ง
และใน OPPO Reno 2 F มีเพิ่มลูกเล่นใหม่ Atmosphere Light สัญญาณไฟ LED ด้านข้างกล้อง ที่จะสว่างเวลาที่กล้องเลื่อนขึ้นมา และยังสั่งให้เป็นสัญญาณไฟกระพริบตอนที่นับถอยหลังเพื่อถ่ายเซลฟี่ได้อีกด้วย เป็นฟีเจอร์เก๋ๆ ที่ลองเล่นแล้วดูเท่ดีและมีประโยชน์ด้วย
ด้านหลังตัวเครื่องดีไซน์แบบ Reno คือชุดกล้องจะเรียบไปกับฝาหลัง ไม่มีนูนออกมา ที่ใช้วัสดุเป็น Corning Gorilla Glass 5 และตัวกระจกครอบกล้องจะเคลือบเงาไว้ในระดับนาโน 95 มม. ถึง 3 ชั้น โดยฝาหลังออกแบบให้โค้งแบบ 3 มิติรับกับฝามือผู้ใช้ ถือได้ถนัดมือ
เรื่องการวางตำแหน่งที่ด้านหลัง ยังคงปรัชญาการออกแบบลักษณะสมมาตรวางกึ่งกลางเรียงกันทั้งตัวกล้อง แฟลช และชื่อของ OPPO วางเรียงต่อกันอย่างเป็นระเบียบสวยงาม และยังมีตัว O-Dot ที่เป็นจุดเซรามิกเล็กๆ นูนขึ้นมาอยู่ด้านบนเหนือชุดกล้อง เพื่อให้ตัวฝาหลังยกสูงจากพื้นเวลาวางเล็กน้อย เป็นการป้องกันเลนส์กล้อง
ลวดลายของฝาหลัง OPPO ใช้เทคโนโลยีชั้นสีแบบ 3 ชั้นซ้อน ให้ความเงางามและมีมิติของเฉดสีที่แตกต่างกันไปตามมุมที่มีแสงสะท้อน ผ่านกระบวนการชั้นสูงอย่าง ribbon transfer 2.0 พร้อมเคลือบสีอีก 7 ชั้น เพื่อไล่ระดับสี และสร้างเอฟเฟกต์ไล่ระดับแสง โดยใน Reno2 F นี้จะมีสีด้วยกัน 2 สีคือ Sky White และ Lake Green
ตัวเครื่องทดสอบนี้ เป็นสี Lake Green ที่เป็นโทนเขียวเงางาม ที่เมื่อมองใกล้ๆ จะมีลายไล่เฉดเป็นเส้นๆ แบบ Skyline ซ้อนอยู่อย่างสวยงาม
ด้านข้างของเครื่องตัวปุ่มกด Power อยู่ที่ด้านขวา กับช่องถาดซิมแบบ 3 SLOT ให้ใส่ซิมได้ 2 เบอร์ขนาด Nano SIM และเพิ่ม microSD ได้อีกถึง 256GB ส่วนทางซ้ายก็จะเป็นปุ่มปรับระดับเสียง
ดูกันโดยรอบแล้ว จะเห็นเลยว่าตัวเครื่องมีความเงางามและสวยพรีเมี่ยมจริงๆ หน้าจอที่ใหญ่เต็มพื้นที่ ให้ความรู้สึกของพื้นที่หน้าจอที่ดูได้เต็มตา และเทคนิคการซ้อนกล้องแบบ Rising Camera ก็ดูเท่ขึ้นกว่าเดิม
ลองทดสอบใช้งาน OPPO Reno2 F มีอะไรน่าสนใจบ้าง
เราได้รับเครื่องมาทดสอบล่วงหน้าก่อนเปิดตัวอย่างเป็นทางการ 9 ตุลาคมนี้ มีหลายๆ อย่างที่ได้ลองใช้แล้ว พอจะเล่าคร่าวๆ ให้ทราบกัน สำหรับรีวิวแบบเต็มเตรียมพบกันได้เร็วๆ นี้
- หน้าจอ AMOLED แบบ Panoramic Screen สีสันสดใสคมชัดดีมาก เล่นเกมดูหนังแบบฟินๆ แล้วการใช้งานให้ความรู้สึกไหลลื่นดีมาก
- แบตเตอรี่ 4000 mAh แบตอึดเหลือเฟือสำหรับการใช้งานเต็มวัน แล้วยังมี VOOC 3.0 ระบบชาร์จเร็วที่เติมแบตในเครื่องได้แบบไม่ต้องรอนาน
- เรื่องการเล่นเกม ตามสเปคของเครื่องก็ถือว่าอยู่ในระดับกลาง แต่ได้ตัว HyperBoost 2.0 มาช่วยเค้นประสิทธิภาพเครื่องในการเล่นเกม ที่พอเลือกปรับใช้ Performance เต็มที่ ตัวเกมมีความลื่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ต้องแลกกับแบตเตอรี่ที่ต้องหมดเร็วขึ้นด้วยเช่นกัน
- ระบบเสียงมี Dolby Atmos ใช้ได้กับหูฟัง ทำให้เวลาดูหนังเล่นเกมคอนเทนต์ที่รองรับระบบนี้ ได้เสียงที่มีอรรถรสสมจริงมีมิติรอบด้าน
- กล้องหน้า Rising Camera ใหม่ เรื่อง AI Beauty ที่มีมาไว้ใจได้ว่าเซลฟี่ออกมายังไงก็สวย ไม่หลอนไม่หลอก แต่ที่ชอบมากคือเจ้าไฟข้าง Atmosphere Light ที่ไม่ใช่แค่เอามาทำเป็นไฟสวยๆ เก๋ๆ แต่เวลาถ่ายเซลฟี่ เราสั่งนับถอยหลัง มันกระพริบให้สัญญาณและทำให้รู้ว่าต้องมองกล้องตรงไหน เออ! ชอบมาก
- ซอฟท์แวร์กล้อง ตัว Ultra Night Mode 2.0 ทำงานได้ดีขึ้น เรื่องของ noise ที่มีน้อย และถ่ายภาพคนในโหมดกลางคืนได้ดีขึ้น รวมถึงถ่ายได้ทั้งในเลนส์ธรรมดาและเลนส์ Wide Angle แล้วแอบมีโหมดใหม่ Tripod Mode อันนี้ต้องใช้กับขาตั้งกล้อง เพราะจะถ่ายภาพกลางคืนแบบเปิดชัตเตอร์ลากยาว 10-30 วินาที เอาไว้ถ่ายแบบกลางคืนที่มืดสนิท ให้สว่างชัด แล้วไม่เกิด Noise ในภาพด้วย
ภาพทางซ้ายเป็นการใช้ Ultra Night Mode 2.0 ถ่าย จะเห็นว่าพอเจอซีนที่แสงน้อยจนเกือบมืดสนิทนั้น ถ่ายออกมาจะยังมี Noise เกิดขึ้นอยู่ แต่พอปรับขึ้นมาเป็น Tripod Mode จะเปิดชัตเตอร์นานถึง 30 วินาที แล้วเก็บภาพ ที่สว่างและคมชัดมากกว่า
- การถ่าย Portrait เลือกปรับความเบลอ Bokeh ด้านหลังได้ ว่าจะเบลอมากเบลอน้อย ถ่ายออกมาดูสมจริงมากขึ้น ซึ่งปรับใน Portrait Mode ได้ทั้งกล้องหลังและกล้องหน้า
- วิดีโอแม้ว่าตัวเลนส์กล้องไม่มี OIS แต่ EIS ที่มีให้มา ทำงานได้น่าพอใจ ถือเดินถ่ายวิดีโอภาพมีการสั่นไหวน้อยมาก
- เลนส์ Ultra Wide ถ่ายวิดีโอได้ด้วยนะ มุมกว้างถึง 119 องศา
ตัวอย่างภาพถ่ายจาก OPPO Reno 2F ถูกใจมากกับซีนกลางคืน ถ่ายเก็บแสงสีที่สดใส โดยที่ยังมีรายละเอียดของภาพที่คมชัด อย่างถ่าย Portrait จะเห็นว่า แสงเงากับเส้นผมยังคมชัดอยู่ และแสงที่หลากหลายมากๆ ก็ยังเก็บโทนสีที่สวยงาม
โดยรวมจากที่ผมได้ลองจับลองเล่น OPPO Reno2 F เบื้องต้น ถือว่าการใช้งานโดยรวมน่าพอใจ การดีไซน์ถือว่าสอบผ่านเลย ถือได้ถนัดมือ สวย น้ำหนักก็ไม่เยอะมาก ฟีเจอร์ใช้งานนี่ให้มาไม่กั๊ก มีทุกอย่างที่ควรจะมีให้หมด ตัวแบตเตอรี่จริงๆ แอบรู้สึกอยากให้เยอะกว่านี้ สัก 4500 mAh เพราะว่าถ้าเล่นเกมหนักๆ นี่แบตไปเร็วจริงๆ แต่ก็ยังดีมี VOOC 3.0 มาช่วยชาร์จให้รวดเร็ว
กล้องหน้าทำดีตามมาตรฐาน OPPO ที่สาวๆ เห็นเป็นต้องรัก กล้องหลัง 4 ตัวออกแบบมาเน้นถ่ายภาพให้สวย ทั้งการถ่าย Portrait ถ่าย Landscape ตัว AI จัดการเรื่องซีนภาพก็ทำได้รวดเร็วขึ้น กล้องหลักใช้เซนเซอร์ใหม่ 48MP ช่วยให้เก็บภาพได้คมชัดดี เรียกว่ากล้องหลังนี่ หยิบขึ้นมาถ่ายสนุกในทุกสถานการณ์
รีวิว OPPO Reno 2F รอติดตามชมกันได้เร็วๆ นี้ นะครับ 😀
สเปค OPPO Reno2 F
- ขนาดเครื่อง 161.8 x 75.8 x 8.67 มิลลิเมตร
- หน้าจอ Paranomic Screen แบบ AMOLED ขนาด 6.5 นิ้ว (อัตราส่วน 19.5:9)
- ด้านหน้าและฝาหลัง วัสดุเป็นกระจก Corning Gorilla Glass 5
- มีให้เลือก 2 สี Sky White และ Lake Green
- ชิปเซต MediaTek P70
- RAM 8GB (LPDDR4x)
- หน่วยความจำภายใน 128GB (UFS 2.1) เพิ่ม microSD ได้สูงสุด 256GB
- กล้องหน้า Rising Camera ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล พร้อมไฟ Atmosphere Light
- กล้องหลัง Quad-camera 4 ตัว
- กล้องหลัก 48 ล้านพิกเซล (GM1) พร้อมระบบกันสั่น EIS
- กล้อง Wide Angle 8 ล้านพิกเซล มุมกว้าง 119 องศา
- กล้อง Portrait วัดระยะ 2 ล้านพิกเซล
- กล้อง Mono 2 ล้านพิกเซล
- แบตเตอรี่ความจุ 4,000 mAh รองรับชาร์จเร็ว VOOC 3.0
- ถาดซิมแบบ 3 สล้อต (Nano SIM x2 + microSD 256GB)
- Bluetooth 4.2
- พอร์ตเชื่อมต่อ USB Type-C
- ระบบปฏิบัติการ ColorOS 6.1 บน Android 9.0
- เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ Hidden Fingerprint Unlock 3.0