จากปัญหาที่เกิดขึ้นในตอนนี้คือ iOS 13 ที่เปิดตัวมา มีการปล่อยเวอร์ชั่นอัปเดต เพื่อแก้ไขบั๊กแล้วถึง 8 ครั้งในระยะเวลาแค่ 2 เดือน ข้อมูลจากแหล่งข่าวภายในของ Apple ระบุว่า กระบวนการทดสอบ และพัฒนาระบบปฎิบัติการ iOS 14 จะถูกปรับเปลี่ยนใหม่หมด เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่นี้
ใครที่ใช้งาน iPhone และ iPad มาโดยตลอด อาจจะรู้สึกได้ว่า iOS 13 นั้น มีบั๊กเยอะมาก และมีการปล่อยอัปเดตเวอร์ชั่นเพื่อแก้หาถี่เหลือเกิน แถมออกมาแล้วก็เจอปัญหาบั๊กใหม่ขึ้นมาแทน ซึ่งคุณไม่ได้คิดไปเองหรอกว่ามันเยอะ เพราะว่า…
สถิติการปล่อยเวอร์ชั่นอัปเดตของ iOS ภายในระยะเวลา 2 เดือนหลังการเปิดตัว
- iOS 7 มีอัปเดต = 4 ครั้ง
- iOS 8 มีอัปเดต = 4 ครั้ง
- iOS 9 มีอัปเดต = 3 ครั้ง
- iOS 10 มีอัปเดต = 5 ครั้ง
- iOS 11 มีอัปเดต = 6 ครั้ง
- iOS 12 มีอัปเดต = 2 ครั้ง
- iOS 13 มีอัปเดต = 8 ครั้ง
นี่ล่ะ คือสิ่งที่ทำให้ Craig Federighi หัวหน้าฝ่ายซอฟท์แวร์ ต้องรื้อกระบวนการทดสอบและพัฒนากันใหม่ โดยการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆ เข้ามาของทีมพัฒนาแต่ละทีม (Daily Builds) จะต้องมีการทดสอบให้แน่ใเสียก่อน แล้วพอถึงตอนที่อัปเดตซอฟท์แวร์รุ่นใหม่ ฟีเจอร์ที่ยังไม่เรียบร้อยจะถูกตั้งค่าเริ่มต้นเป็นปิดใช้งานเอาไว้ก่อน
ผู้ทดสอบจะมีตัวเลือกในการเปิดใช้งานฟีเจอร์ใหม่นี้ ผ่านกระบวนการเฉพาะภายใน มีเรียกชื่อว่า “Flags” ซึ่งจะช่วยให้ผู้ทดสอบสามารถแยกผลกระทบของการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่แต่ละรายการในระบบได้ดีขึ้น
ย้อนกลับมาดุที่ iOS 13 ตอนนี้ ทีมนักพัฒนาของแอปเปิลเอง ก็ยอมรับว่า มันมีปัญหา เกิดบั๊กจำนวนมาก และการทำงานก็ยังไม่ได้มาตรฐานที่ควรจะเป็น แต่ด้วยเรื่องของเวลาที่ถึงกำหนดการปล่อยซอฟท์แวร์ให้กับผู้ใช้
ทีมตอนนี้จึงหันมาเร่งพัฒนาและออกตัว iOS 13.1 ออกมาให้เร็วกว่ากำหนดการเดิม ซึ่งมันจะเป็นเวอร์ชั่นที่สมบูรณ์กว่า และมีความเสถียรในการทำงานเทียบเท่ากับตอน iOS 12
ก็ต้องมารอลุ้นกันว่า เมื่อ Apple เจอปัญหาตัว iOS ที่มีบั๊กไม่หมดไม่สิ้นแบบนี้ จะใช้วิธีใหม่จัดการกับมัน เพื่อไม่ให้ iOS 14 มีปัญหาแบบนี้ขึ้นอีก
ข้อมูลจาก : Bloomberg