Facebook Thailand ประกาศเปิดตัวโครงการ We Think Digital Thailand อย่างเป็นทางการ โครงการส่งเสริมการพัฒนาความรู้ความเข้าใจและทักษะการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในระดับประเทศ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยให้คนไทยได้พัฒนาความรู้ความเข้าใจและทักษะการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล รวมถึงทักษะการเป็นพลเมืองดิจิทัลที่ดี ซึ่งมีความสำคัญต่อการสร้างชุมชนดิจิทัลที่ปลอดภัยและมีความสร้างสรรค์ในเชิงบวก
โครงการ We Think Digital Thailand เกิดจากการนำโครงการ ‘We Think Digital’ ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาความรู้ความเข้าใจและทักษะการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในระดับโลกที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเร็วๆ นี้ของ Facebook มาปรับใช้ให้เข้ากับประเทศไทย พร้อมนำเสนอทรัพยากรต่างๆ ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้ผู้คนเกิดการคิดเชิงวิเคราะห์และแชร์ความคิดเห็นบนโลกออนไลน์อย่างรอบคอบ โดย Facebook ตั้งเป้าในการฝึกอบรมผู้คนจำนวน 2 ล้านคน จาก 8 ประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคภายในปี พ.ศ.2563และนำเสนอทรัพยากรการเรียนรู้ที่ถูกออกแบบขึ้นเพื่อช่วยเหลือผู้คนที่ต้องการจะเรียนรู้เพิ่มเติมหรือพัฒนาทักษะเชิงดิจิทัลของตนเอง ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นผู้ใช้อินเทอร์เน็ตมือใหม่หรือเป็นกลุ่มเด็กรุ่นใหม่ที่เป็นชาวดิจิทัลโดยกำเนิด (digital native) ทั้งนี้ Facebook ได้พัฒนาโครงการในประเทศไทยผ่านการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญอย่างใกล้ชิด ซึ่งเป็นสมาชิกของคณะที่ปรึกษาของโครงการ ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญจากสาขาที่หลากหลาย เช่น การสื่อสารมวลชน สุขภาวะของเด็ก และการศึกษา เป็นต้น
โครงการ We Think Digital Thailandของ Facebook นำเสนอหลักสูตรและทรัพยากรด้านการเรียนรู้เป็นภาษาไทย ครอบคลุมหัวข้อหลักๆ ที่เกี่ยวข้องกับความรู้ความเข้าใจและทักษะการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เช่น ความเป็นส่วนตัว ความปลอดภัยของผู้ใช้ ความปลอดภัยของข้อมูลออนไลน์ การสนทนาบนโลกดิจิทัล โดยเนื้อหาทั้งหมดแบ่งเป็น7 หลักสูตร เช่น อินเทอร์เน็ตคืออะไร ลายนิ้วมือดิจิทัลของคุณ การเป็นนักคิดเชิงวิเคราะห์ คุณในฐานะพลเมืองดิจิทัล ฯลฯ โครงการ We Think Digital Thailandยังออกแบบขึ้นเพื่อให้มีความเข้าถึงคนไทยทุกกลุ่มโดยไม่คำนึงถึงความแตกต่างและพัฒนาขึ้นจากคำปรึกษาของพันธมิตรองค์กรและชุมชนต่างๆ เช่น สมาคมคนหูหนวกแห่งประเทศไทย และองค์กรต่างๆ จากสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อให้แน่ใจว่าคนไทยทุกคนจะได้รับโอกาสในการพัฒนาทักษะเชิงดิจิทัลที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตในโลกดิจิทัลปัจจุบัน
นอกจากนี้ พันธมิตรของ Facebook อย่างมูลนิธิคีนันแห่งเอเชีย ยังจะดำเนินโครงการผ่านการฝึกอบรมแบบตัวต่อตัวสำหรับกลุ่มต่างๆ เช่น สภาเยาวชนแห่งประเทศไทย ภายใต้การดูแลของกรมกิจการเด็กและเยาวชน กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จากความร่วมมือในครั้งนี้Facebook มุ่งมั่นที่จะฝึกอบรมทักษะการเป็นพลเมืองดิจิทัลที่ดีแก่ผู้นำเยาวชนจากทั้ง 5 ภูมิภาคในประเทศ ภายในหกเดือนแรกของปี พ.ศ.2563 ทั้งนี้ Facebook ยังได้ร่วมมือกับ Love Frankie เอเจนซี่ด้านการสื่อสารเพื่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคม ในการจัดโครงการ We Think Digital Champions Academy เป็นระยะเวลา 6 เดือน เพื่ออบรมองค์กรและชุมชนต่างๆ เกี่ยวกับวิธีการในการจัดทำแคมเปญออนไลน์เพื่อสร้างการรับรู้เกี่ยวการเป็นพลเมืองดิจิทัลที่ดี Facebook จะช่วยสนับสนุนผู้นำท้องถิ่นในการจัดทำแคมเปญเพื่อส่งเสริมความเป็นพลเมืองดิจิทัลที่ดีในชุมชนของพวกเขาผ่านโครงการดังกล่าว การจัดกิจกรรมทั้งออนไลน์และออฟไลน์ รวมถึงการดำเนินงานร่วมกับทั้งผู้นำเยาวชนและผู้นำชุมชน ทำให้โครงการ We Think Digital Thailand เป็นโครงการที่บุกเบิกวิธีการใหม่ๆ และสร้างความยั่งยืนในการพัฒนาพลเมืองดิจิทัลที่มีความรับผิดชอบ
ไซมอน มิลเนอร์ รองประธานฝ่ายนโยบายสาธารณะ ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก Facebookอธิบายถึงวิสัยทัศน์ของโครงการ We Think Digital ที่งานเปิดตัวเอาไว้ว่า “ในปัจจุบัน โลกของเราเป็นโลกที่เชื่อมต่อกันมากขึ้น และผู้คนมีโอกาสในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตกันมากขึ้นกว่าที่เคยเป็นมา การช่วยเหลือคนไทยในการพัฒนาทักษะการใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัลและการเป็นพลเมืองดิจิทัลที่ดีจึงมีความสำคัญต่อการสร้างชุมชนดิจิทัลที่ปลอดภัยและสร้างสรรค์ในเชิงบวก โครงการ We Think Digital Thailand ได้รับการออกแบบโดยคำนึงถึงความเชื่อหลักนี้ และเราภูมิใจที่ได้นำโครงการนี้มาสู่ประเทศไทยในวันนี้”
จากการศึกษาโดย YouGov เมื่อเร็วๆ นี้ที่ได้รับการสนับสนุนโดย Facebook ประเทศไทย ร้อยละ 81ของผู้ตอบแบบสอบถามรู้สึกว่าพาสเวิร์ดสำหรับโซเชียลเน็ตเวิร์กของตนเองนั้นปลอดภัยเป็นอย่างมากและค่อนข้างมาก โดยร้อยละ 72 ของผู้ตอบแบบสอบถามกล่าวว่าพวกเขาไม่ได้แชร์พาสเวิร์ดของพวกเขากับผู้อื่น ในขณะที่ร้อยละ 67 ของผู้ตอบแบบสอบถามบอกว่าพวกเขาใช้พาสเวิร์ดที่ประกอบด้วยตัวหนังสือและตัวเลข ทั้งนี้ มีเพียงร้อยละ 58 ของผู้ตอบแบบสอบถามที่รู้จักการยืนยันตัวตนผ่านสองขั้นตอน (2-factor authentication หรือ 2FA) ในขณะเดียวกัน ผู้ตอบแบบสอบถามทุกคนสามารถระบุสถานการณ์อย่างน้อยหนึ่งสถานการณ์ที่สามารถทำให้พวกเขาตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวงแบบฟิชชิ่ง (phishing) และมีเพียงร้อยละ 40 ที่สามารถระบุลักษณะทั้งหมดที่เกี่ยวของกับการหลอกลวงแบบฟิชชิ่งได้อย่างถูกต้อง
สำหรับหัวข้อเกี่ยวกับทักษะด้านการคิดเชิงวิเคราะห์ เมื่อผู้คนมีส่วนร่วมกับข้อมูลออนไลน์ ผู้ตอบแบบสอบถามจำนวน 2 ใน 3 คน กล่าวว่าพวกเขาตรวจสอบที่มาของข้อมูลดังกล่าวว่าเป็นองค์กรที่น่าเชื่อถือหรือไม่ และร้อยละ 71 อ่านบทความจนจบก่อนแชร์ ร้อยละ 60 ของผู้ตอบแบบสอบถามต้องการความช่วยเหลือและคำปรึกษาเกี่ยวกับความปลอดภัยบนโซเชียลเน็ตเวิร์ก
ณ งานเปิดตัวโครงการ We Think Digital นายเนวินธุ์ ช่อชัยทิพฐ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวชมเชยโครงการว่า “ทั้งกระทรวงฯ และ Facebook ต่างมีจุดมุ่งหมายร่วมกันในการสร้างความมั่นใจให้คนไทยทุกคนในพื้นที่ออนไลน์ เพื่อส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาอย่างสร้างสรรค์ทั้งด้านสังคมและเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศไทย ความร่วมมือระหว่าง Facebookและหน่วยงานต่างๆ ของภาครัฐ รวมถึงนักวิชาการ และภาคประชาสังคมจากทั้ง 4 ภาคของประเทศไทย มีความหมายว่าโครงการ We Think Digital จะสนับสนุนคนไทยจากทุกพื้นที่ได้อย่างเหมาะสม ด้วยการช่วยเหลือให้พวกเขาได้รับประโยชน์จากโลกดิจิทัล โดยไม่คำนึงถึงเพศสภาพ อายุ รสนิยมทางเพศ ความสามารถทางร่างกายและสถานะทางสังคมแต่อย่างใด”
ดร. ศรีดา ตันทะอธิพานิช กรรมการผู้จัดการมูลนิธิอินเทอร์เน็ตร่วมพัฒนาไทย กล่าวว่า “เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่แพลทฟอร์มโซเชียลมีเดียชั้นนำระดับโลกอย่าง Facebook ได้เลือกเราเป็นส่วนหนึ่งของคณะที่ปรึกษาเพื่อการพัฒนาโครงการ We Think Digital ของประเทศไทย เราเชื่อว่าความรู้ดิจิทัลเป็นรากฐานสำคัญที่จะช่วยให้คนไทยสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพในโลกยุคใหม่ โครงการWe Think Digital Thailandยังจะมีบทบาทที่สำคัญในการสร้างสังคมที่เท่าเทียมกันมากขึ้น ผ่านการสนับสนุนคนไทยบนโลกออนไลน์ให้มีความรู้ความเข้าใจเพิ่มเติมและพัฒนาทักษะที่จำเป็นต่อศตวรรษที่ 21 ของพวกเขา”
รองศาสตราจารย์พิจิตรา ศุภสวัสดิ์กุล หัวหน้าภาควิชาวารสารสนเทศ คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ความเห็นเกี่ยวกับโครงการนี้ ในฐานะหนึ่งในสมาชิกของคณะที่ปรึกษาของโครงการว่า “ปัจจุบัน ประเทศไทยกำลังเป็นผู้นำในการสร้างการมีส่วนร่วมบนโลกดิจิทัล ในฐานะที่เป็นประเทศที่ใช้งานโทรศัพท์มือถือเป็นหลัก โดยข้อเท็จจริงนี้เป็นที่รับรู้เป็นอย่างดีในกลุ่มคนรุ่นใหม่และนักศึกษา ซึ่งเข้าใจถึงความสำคัญของนวัตกรรมและการผลักดันตนเอง ดังนั้น หน้าที่ของเราคือการมอบโอกาสในการพัฒนาทักษะและความรู้ในการใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อความสำเร็จของคนรุ่นต่อไป นอกจากนี้ การปรึกษาและพึ่งพาผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมทำให้โครงการ We Think Digital มีความเข้าใจและคำนึงถึงแนวคิดของผู้ประกอบการของเยาวชนไทยอย่างแท้จริง”
สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับโครงการWe Think Digital Thailand และหลักสูตรการเรียนรู้ของโครงการ กรุณาเยี่ยมชม wethinkdigital.fb.com/th