ปี 2019 ที่ผ่านมา ทีมงานล้ำหน้าฯ เราขอแนะนำ OPPO Reno2 เป็นสมาร์ทโฟนที่ให้ประสบการณ์ ถ่ายวิดีโอ ดีที่สุดแห่งปี (Best Experience Video Camera Smartphone 2019) ด้วยลูกเล่นฟีเจอร์ที่ครบครัน ใช้งานได้อย่างลงตัว
ปีที่แล้วเทคโนโลยีด้านกล้องของสมาร์ทโฟนมีการพัฒนารวดเร็วอย่างก้าวกระโดด ทั้งในแง่ของความละเอียดของเซนเซอร์และนวัตกรรมใหม่ๆ ที่มาปลดล็อคข้อจำกัดการใช้งานถ่ายภาพและวิดีโอบนสมาร์ทโฟน ให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น
OPPO ในปี 2019 มีสมาร์ทโฟนออกมาหลายรุ่น และก็มีการนำเสนอนวัตกรรมกล้องบนสมาร์ทโฟนที่ล้ำหน้า ตั้งแต่รุ่น OPPO Reno 10x Zoom ที่สามารถซูม 10 เท่าโดยไม่สูญเสียความคมชัด และซูมดิจิตอลได้ไกลสุดถึง 60 เท่า และยังมีนวัตกรรมการซ่อนกล้องหน้าแบบ Pivot Rising Camera ที่เลื่อนเก็บกล้องไว้ในเครื่องแบบไม่เหมือนใคร และยังมีอีกหลายรุ่นที่พัฒนาด้านกล้องออกมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งส่วนของฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์
แต่รุ่นที่โดดเด่นที่สุด และเรายกให้เป็น สมาร์ทโฟนที่ให้ประสบการณ์ด้านการถ่ายวิดีโอดีที่สุด ของปี 2019 คือรุ่น OPPO Reno2 เพราะว่ามีการพัฒนาอย่างเด่นชัดทั้งเรื่องของฮาร์ดแวร์ที่มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น และที่สำคัญคือ การพัฒนาด้านระบบซอฟท์แวร์และแอปเสริมต่างๆ ที่ทำให้การใช้งานนการถ่ายวิดีโอทำออกมาได้น่าประทับใจ ตอบโจทย์การใช้งานระหว่างวันได้ดี
สเปคกล้องของ OPPO Reno2
- กล้องหน้าแบบ Pivot Rising Camera ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล (F/2.0)
- กล้องหลัง 4 เลนส์ Quad-Camera
- กล้องหลักมุมกว้าง 48 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony IMX586 มี OIS+EIS (F/1.7)
- กล้องมุมกว้าง Ultra-Wide Angle 8 ล้านพิกเซล (F/2.4)
- กล้อง Telephoto 13 ล้านพิกเซล (F/2.2)
- กล้อง Mono 2 ล้านพิกเซล (F/2.4)
ประสิทธิภาพด้านการถ่ายวิดีโอ
- กล้องหน้าถ่ายวิดีโอ Full HD 1080p 30fps / HD 720p 30fps
- กล้องหลังถ่ายวิดีโอ 4K 30fps / Full HD 1080p 30fps / HD 720p 30fps
- ไฟแฟลช LED คู่ (ด้านหลัง) ไฟ Fill Flash (ด้านหน้า)
- โหมดถ่ายวิดีโอกล้องหน้า : Bokeh (ปรับได้ 0-100%), Filter 10 รูปแบบ, AI Beauty, Time-lapse
- โหมดถ่ายวิดีโอกล้องหลัง : Ultra Steady, Zoom (0.5x-20x), Filter 10 รูปแบบ, AI Beauty, Slo-mo, Time-lapse
- ระบบไมค์บันทึกเสียง : มาตรฐาน, การบันทึกแบบ 3 มิติ, โฟกัสของเสียง, ลดเสียงลม
บันทึกวิดีโอได้ความละเอียดสูงสุดถึง 4K
ประสิทธิภาพของตัวกล้องของOPPO Reno2 นั้น สามารถบันทึกวิดีโอได้ความคมชัดสูงสุดถึง 4K 30fps ส่วนการถ่ายวิดีโอในโหมดเฟรมเรตสูง สามารถทำได้ที่ 1080p และ 720p ที่ 60fps ถือว่าเป็นความละเอียดที่ดีในระดับที่นำไปใช้ตัดต่อเพื่อทำคลิปวิดีโอความละเอียดสูง หรือคลิปที่ต้องการความไหลลื่นนของภาพก็สามารถจัดการได้
Ultra Stready Mode ถ่ายวิดีโอเคลื่อนไหวได้นิ่งเหมือนใช้กิมบอล
OPPO Reno2 ใช้ระบบลดการสั่นไหวของภาพแบบ OIS (Optical image stabilization) ที่มีอยู่ในตัวกล้องหลัก 48 ล้านพิกเซล ผสานกับระบบ EIS (Electronic image stabilization) มาช่วยวิเคราะห์ภาพวิดีโอให้มีความหน่วงในระหว่างบันทึก แล้วปรับแกนของภาพให้คงความสมดุลไว้ เพื่อให้ภาพวิดีโอที่ถ่ายออกมา มีความสั่นของภาพลดน้อยลง
จากการทดสอบ ถ้าเป็นซีนเดินถือถ่ายวิดีโอทั่วไป ลำพังแค่ตัว OIS อย่างเดียวก็ถือว่าค่อนข้างนิ่งอยู่แล้ว แต่พอเปิด Ultra Stready Mode แล้ว รู้สึกได้เลยทันทีว่า วิดีโอนั้นมีความสั่นไหวน้อยลงมาก ชนิดที่ว่าใกล้เคียงกับเวลาที่ใช้อุปกรณ์เสริมอย่างพวกไม้กิมบอลได้เลย ส่วนถ้าเป็นการเดินที่เร็ว, เดินขึ้นลงบันได หรือวิ่ง ภาพที่ได้อาจจะมี jerk ขึ้นลงบ้างเล็กน้อย แต่โดยรวมแล้วภาพวิดีโอที่ถ่ายมาจะมีความเสถียรของภาพ ไม่แกว่งไปมา รวมถึงยังช่วยในเรื่องความชัดของโฟกัสที่แม่นยำชัดเจน เวลาถ่ายบุคคลหรือวัตถุก็จะไม่มีอาการหลุดโฟกัสให้เห็น
Bokeh Effect ถ่ายวิดีโอแบบปรับหน้าชัดหลังละลายได้
ในการถ่ายวิดีโอที่เราต้องการจะเบลอฉากด้านหลังให้เป็นชัดตื้น หรือเป็นโบเก้ไฟเป็นดวงๆ โหมดการถ่ายวิดีโอของOPPO Reno2 สามารถทำได้ โดยเมื่อเปิดโหมดนี้ใช้งานความละเอียดได้สูงสุดที่ 1080p 30fps โดยที่เอฟเฟ็คปรับเบลอฉากหลังเป็นโบเก้นี้ เราเลือกปรับความเบลอได้เองตามต้องการ มีเลือกระดับได้ตั้งแต่ 0-100 โดยโหมดนี้จะเหมาะสำหรับการถ่ายวิดีโอของบุคคลให้มีความเด่นมากขึ้น และการปรับฉากหลังที่เบลอก็ช่วยเพิ่มความสวยงามให้กับวิดีโอ
ถ่ายวิดีโอมุมกว้างได้แบบ Ultra-Wide ถ่ายซูมได้ไกลถึง 20 เท่า
การถ่ายวิดีโอสามารถเลือกปรับมุมมองได้ทั้งแบบมุมกว้างธรรมดาที่ 1x และมุมกว้าง Ultra-Wide ที่เก็บมุมมองได้กว้างขึ้น ด้วยตัวเลนส์มุมกว้างถึง 116 องศา ช่วยให้เก็บมุมมองที่กว้างมากกว่าเดิม เหมาะสำหรับเอาไว้ถ่ายภาพวิวทิวทัศน์หรือ Landscape โดยที่ความผิดเพี้ยนของภาพก็เกิดค่อนข้างน้อยอีกด้วย
ระยะในการซูมวิดีโอนั้น เลือกปรับได้หลากหลายระยะ ช่วยให้เก็บวิดีโอได้ในทุกสถานการณ์ นอกจากมุมกว้าง Ultra-Wide ที่ซูมออกมาเก็บระยะกว้างแล้ว ก็เลือกซูมได้ที่ Optical 2x, Hybrid 5x และซูมไปได้ไกลสุดถึง 20x Digital โดยโหมดการถ่ายวิดีโอซูม จะได้ความคมชัดสูงสุดที่ 1080p 30fps
กล้องหน้าแบบ Pivot Rising Camera
กล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ที่ซ่อนไว้ในเครื่องด้วยกลไกแบบ Pivot Rising Camera ที่เวลาจะใช้งานจะหมุนโชว์ขึ้นมาแบบครีบฉลาม ในการถ่ายวิดีโอจะเลือกเปิดไฟ Fill Light เพื่อให้หน้าสว่างขึ้นเวลาที่แสงน้อย และมีโหมด AI Beauty ปรับ
ระบบไมโครโฟน เก็บเสียงได้ทั้งแบบ 3D และซูมเสียงได้
การถ่ายวิดีโอนั้น นอกจากเรื่องของการเก็บภาพที่สวยคมชัดแล้ว เรื่องของเสียงก็เป็นอีกสิ่งสำคัญ ใน OPPO Reno2 มีเพิ่มระบบไมโครโฟนสำหรับบันทึกเสียง นอกจากแบบปกติแล้ว ยังมีแบบ 3D Recorder ที่จะเก็บบรรยากาศกาศเสียงแบบรอบทิศทาง และแบบ Sound Focus เมื่อถ่ายวิดีโอแล้วซูมไปยังคนที่พูดหรือเล่นดนตรีอยู่ไกลๆ ไมค์ก็จะเร่งปรับไปรับเสียงตำแหน่งเดียวกับที่เราถ่ายได้ด้วย รวมถึงยังมี่ Reduce Wind Noise ช่วยตัดเสียงลมเวลาที่ถ่ายกลางแจ้งแล้วมีเสียงลมปะทะเข้ามา
SOLOOP โปรแกรมตัดต่อคลิปอัตโนมัติ สร้างคลิป VLOG เก๋ๆ ได้อย่างง่ายดาย
ระบบซอฟท์แวร์ไม่ได้มีมาให้แค่ส่วนของการถ่ายวิดีโอเพียงอย่างเดียว ออปโป้ยังมีสำหรับการตัดต่อคลิปติดตั้งมาให้พร้อมอยู่ในเครื่องด้วย ชื่อว่า SOLOOP ที่ฉลาดและใช้งานง่ายมากๆ เพียงแค่เข้าแอพ กดเลือกวิดีโอหรือภาพที่ต้องการ จากนั้นระบบจะทำการตัดคลิปทั้งหมดมาประกอบ พร้อมใส่เอฟเฟคให้เสร็จเรียบร้อยแบบเราไม่ต้องทำอะไรเลย ถ้าเราอยากจะปรับเปลี่ยน ก็มี Theme ให้เลือกมากมายหลายแบบหลายอารมณ์ ที่เลือกดาวน์โหลดเพิ่มได้ และมีธีมพิเศษๆ สำหรับช่วงเทศกาล รวมถึงเลือกเปลี่ยนเพลงหรือใส่ข้อความไตเติ้ลได้ด้วย เรียกว่าไม่ต้องมีความรู้เกี่ยวกับการตัดต่อวิดีโอ ก็สามารถตัดคลิปสั้นเท่ๆ ออกมาได้ง่ายๆ เพียงแค่ไม่กี่คลิ้ก
ประสิทธิภาพเครื่องที่ดี แบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นาน
สิ่งสำคัญที่ทำให้ประสบการณ์การถ่ายวิดีโอด้วยOPPO Reno2 นั้นออกมาดี ไม่ใช่แค่สเปคของตัวกล้องและซอฟท์แวร์ แต่ยังรวมถึงประสิทธิภาพของเครื่อง ที่อยู่ในระดับที่ดี ด้วยชิปเซ็ตที่ใช้เป็น Qualcomm Snapdragon 730G RAM 8GB หน่วยความจำภายใน 256GB เรียกได้ว่าแรงเหลือเฟือ เวลาที่ถ่ายคลิปมาแล้วทำการตัดต่อหรือแก้ไข การทำงานทำได้รวดเร็ว Render ก็รอไม่นาน
รวมถึงในส่วนด้านพลังงาน แบตเตอรี่ที่ติดตั้งมา ความจุ 4000 mAh ที่ใหญ่จุพอสำหรับการใช้งานได้เต็มวัน การใช้งานถ่ายวิดีโอก็ถือว่าใช้พลังงานเยอะมาก แต่ก็ใหญ่พอที่จะใช้งานต่อเนื่องได้หลายชั่วโมง แถมยังมีระบบชาร์จไว VOOC 3.0 ทำให้ชาร์จไฟเติมกลับเข้าไปได้อย่างรวดเร็วกว่าเดิมถึง 2 เท่าไม่ต้องรอนาน
ColorOS 7 บน Android 10 ใช้งานง่ายและสะดวกขึ้น
สิ่งใหม่ที่มาทำให้สมาร์ทโฟนของ OPPO มีความสมบูรณ์แบบมากขึ้น กับการอัพเดตเวอร์ชั่น ColorOS ใหม่เป็นเวอร์ชั่น 7 บนพื้นฐานของ Android 10 ที่นอกจากจะมีการเปลี่ยนแปลงหน้าตาเมนู UI การใช้งานต่างๆ ใหม่ให้สวยงามทันสมัยแล้ว ยังมาช่วยเรื่องการจัดการพลังงานให้ประหยัดได้มากขึ้น ใช้งานในนานกว่าเดิม ส่วนของเมนูกล้องก็มีการปรับตำแหน่งใหม่ใช้ง่ายขึ้นด้วยเช่นกัน โดยที่ตอนนี้ OPPO Reno2 เริ่มปล่อยให้ทดสอบ ColorOS 7 ตัว Beta แล้ว และจะปล่อยตัวเต็มให้ใช้งานภายในช่วงต้นปี 2020 นี้
OPPO Reno2 ปรับราคาใหม่ เพียง 15,999 บาทเท่านั้น
อีกสิ่งที่ทำให้ทีมงานล้ำหน้าฯ มอบตำแหน่ง Best Experience Video Camera Smartphone 2019ให้กับ OPPO Reno2 ก็คือเรื่องของราคา ที่เมื่อเทียบกับประสิทธิภาพและฟีเจอร์ด้านการถ่ายวิดีโอที่ทำได้ ถือว่าคุ้มกับราคาค่าตัว และตอนนี้ทางออปโป้ ก็ได้ปรับราคาของ OPPO Reno2 ใหม่ จากตอนเปิดตัวที่ 17,990 บาท ลดลงมาเหลือเพียง 15,999 บาท ตอกย้ำสโลแกน “ชัดทุกระยะ สวยทุกมุมมอง” ในราคาคุ้มค่าที่สุด
สามารถดูรายละเอียดข้อมูลล่าสุด และโปรโมชั่นของ OPPO Reno2 เพิ่มเติมได้ที่ www.oppo.com/th